เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 1 พ.ค.52 พ.ท. เกรียงศักดิ์ นันทะโพธิ์เดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ จ.สระแก้ว พ.อ.ขจรศักดิ์ ไทยประยูร อาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ทนายความ และพยานในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นพลเมือง 2 คน และ นายทหาร 1 ราย เดินทางเข้าพบ คณะทำงานสอบสวนของ บช.น. นำโดย พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.พ.ต.อ. วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นาย สมคิด บาลไธสง สส.จ.หนองคาย พรรคเพื่อไทย และ นาง อรุณี ชำนาญยา สส.จ.พะเยา พรรคเพื่อไทย ในข้อหาร่วมกันหมิ่นโดยการโฆษณา พร้อมหลักฐาน แผ่นซีดีบันทึกวันอภิปราย เทปถอดคำพูดในวันอภิปราย ภายถ่ายขณะที่ น.ส. มินตรา โสรส ถูกชายคนหนึ่งจิกผมกระชากเข้าไปทางกลุ่มทหาร เมื่อวันที่ 13 เม.ย.บริเวณถนนราชปรารภ ที่ลงในหนังสือพิมพ์มติชน และเอกสารอีกจำนวนหนึ่ง
พ.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ในวันนี้ตนเดินทางมาเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ สส.พรรคเพื่อไทย ทั้ง 2 คน หลังกล่าวชื่อตนในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวันที่ 23 เม.ย.เวลาประมาณ 14.30 น.ที่ผ่านมา โดยอ้างข้อมูลที่ไม่มีความเป็นจริง ว่าตนเป็นผู้ที่กระชากผม น.ส.มินตรา เข้าไปทางแถวทหารที่ยืนรักษาการอยู่บริเวณถนนราชปรารภ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในวันเกิดเหตุตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้นำ ทหารไปดูแลเรื่องการจราจร ดูแลสถานการณ์ ตรวจตราพื้นที่ในที่เกิดเหตุ โดยตนได้สั่งกำลังให้ตั้งแถวออกเป็น 3 แถว แถวแรกเป็นขบวนโล่ แถวที่ 2 เป้นขบวนกระบอง กับ กระสุนปลอม และแถวที่ 3 เป็นแถวของผู้บังคับบัญชาที่มีตนยืนสั่งการอยู่ด้วย
พ.ท.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ระหว่างนั้นก็มีผู้เสียหายมายืนถกเถียงกับกลุ่มทหาร จนกระทั่งเริ่มรุนแรงขึ้นก่อนที่จะมีการยื้อยุดฉุดกระชากกัน โดยที่มีชายคนหนึ่งซึ่งตนไม่เคยรู้จักมาก่อนหน้านี้ได้ทำการกระชากผม น.ส.มินตรา เข้าไปทางแถวทหารที่ตนยืนสั่งการอยู่ เมื่อตนเห็นว่าอยู่ใกล้ระยะที่สามารถดำเนินการได้ จึงสั่งการให้ ทหารเข้าไปแยกย้ายนำตัวออกไป แต่ในวันอภิปรายเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา สส.ทั้ง 2 คน กลับนำชื่อตนไปอ้างในสภาว่าเป้นคนกระทำ ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตนจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ สส.ทั้ง 2 คน ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมทั้งนำหลักฐานเทปถอดคำพูดของ สส.ทั้ง 2 คน ในวันอภิปราย ซึ่งในวันนั้นตนก็ได้รับคำสั่งให้เข้าไปนั่งดูแลความเรียบร้อยในสภาด้วย นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่ลงในสื่อต่างๆ มาเป็นหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดีด้วย
ด้าน.พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า หลังจากนี้จะรับเรื่องที่ร้องทุกข์ไว้ จากนี้จะได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย ทำบันทึกเป็นรายงานเสนอผู้บังคับบัญชา พร้อมทั้งอยากขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์