จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ชี้มูลความผิดกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.)ตรวจสอบบัญชีธนาคารของสื่อมวลชนประชาชนและนักการเมืองฝ่ายค้านประมาณ200คนที่คอยตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีโดยมีมติให้พล.ต.ต.พีรพันธุ์เปรมภูติอดีตเลขาธิการปปง.
ปัจจุบันประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเทียบเท่าระดับ11มีความผิดวินัยร้ายแรงและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบส่วนพ.ต.อ.สีหนาทประยูรรัตน์อดีตผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศและติดตามประเมินผลปปง.ปัจจุบันรักษาการในตำแหน่งเลขาธิการปปง.มีความผิดวินัยร้ายแรง โดยจะส่งเรื่องให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการลงโทษตามขั้นตอนต่อไป
นายพีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาครัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือของป.ป.ช.โดยทราบรายละเอียดจากข่าวเท่านั้นจึงยังไม่สามารถพูดถึงบทลงโทษได้ซึ่งตามขั้นตอนแล้วป.ป.ช.จะต้องส่งเอกสารมติดังกล่าวมาให้ตนเนื่องจากปปง.เป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับสำนักรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
จากนั้นจึงจะเรียกประชุมเพื่อพิจารณาบทลงโทษที่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมายต่อไปในส่วนของพล.ต.ต.พีรพันธุ์นั้นกระทรวงยุติธรรมไม่สามารถเข้าไปกำหนดบทลงโทษได้เนื่องจากตามกฎหมายให้ยึดตำแหน่งหลังสุดซึ่งขณะนี้พล.ต.ต.พีรพันธุ์ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจึงไม่อยู่ในอำนาจของกระทรวงยุติธรรม
“ผมคงต้องรอดูเอกสารตัวจริงและพิจารณาดุลพินิจของป.ป.ช.อย่างละเอียดว่ามีการกระทำผิดอะไรบ้างป.ป.ช.ถึงลงมติอย่างนั้นและจำเป็นต้องศึกษาสาเหตุและการกระทำของปปง.ด้วยจากนั้นจะเรียกประชุมอนุกรรมการอ.กพ.ปปง.เพื่อกำหนดบทลงโทษแต่ในขั้นตอนนี้จะไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบความผิดอีกแล้วเพราะป.ป.ช.ลงมติแล้วจะไปเปลี่ยนแปลงอีกไม่ได้สำหรับเรื่องนี้ผมไม่รู้รายละเอียดมาก่อนเพราะไม่เคยเข้าไปสนใจ”นายพีระพันธุ์กล่าว
รายงานข่าวเปิดเผยว่าสำหรับกรณีของพ.ต.อ.สีหนาทนั้นกระทรวงยุติธรรมไม่สามารถพิจารณาให้เป็นอย่างอื่นได้นอกจากโทษไล่ออกให้ออกหรือปลดออกจากราชการเนื่องจากป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรงเช่นเดียวกับกรณีของนายมานิตย์สุธาพรอดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรมซึ่งภายหลังถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอ.กพ.กระทรวงยุติธรรมจึงมีคำสั่งให้ออกจากราชการแต่ไม่ได้ปิดกั้นสิทธิในการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่าสำหรับตำแหน่งเลขาธิการปปง.ซึ่งว่างลงตั้งแต่เดือนตุลาคม2551นั้นอาจจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้เหมาะสมจะขึ้นดำรงตำแหน่aงดังกล่าวเนื่องจากพ.ต.อ.สีหนาทเป็นรองเลขาธิการปปง.ที่มีอาวุโสสูงสุดถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทำให้ต้องเริ่มขั้นตอนการสรรหาผู้ที่มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเลขาธิการปปง.ใหม่อีกครั้งโดยคาดว่าผู้ที่อาจมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อได้แก่นายชาติชายสุทธิกลมที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)นายภิญโญทองชัยผุ้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมและนายอรรณพลิขิตจิตถะรองเลขาธิการป.ป.ง.
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์