แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

ปีติราชวงศ์ทั่วโลกเสด็จฯถึงไทยสื่อนอกชื่นชมพระเกียรติยศ ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : ปีติราชวงศ์ทั่วโลกเสด็จฯถึงไทยสื่อนอกชื่นชมพระเกียรติยศ
ภาพจากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ

แฟนอังกฤษเศร้า ทีมพ่ายจุดโทษ โปรตุเกส 1-3 ?ริคาร์โด? โกล์ฝอยทองจอมเหนียวเซฟ 3 พาทีมทะลุรอบรอง หลังเจ๊าโนสกอร์ 0-0 เกม 120 นาที ?รูนี่ย์? แผลงฤทธิ์อารมณ์วูบวาบ โดนใบแดงไล่ครึ่งหลัง ?เบ็คส์? หลั่งน้ำตาหลังเจ็บถูกเปลี่ยนออก อดช่วยทีม

ฟุตบอลโลก 2006 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ประจำวันเสาร์ที่ 1 ก.ค. คู่แรก ที่สนามฟี่ฟ่า เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม เมืองเกลเซนเคอร์เชน ประเทศเยอรมัน เป็นการแข่งขันระหว่าง อังกฤษ กับ โปรตุเกส

เริ่มเกมครึ่งแรก นาทีที่ 9 อังกฤษ มีโอกาสยิงก่อน เมื่อ เวย์น รูนีย์ ลองยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษ แต่ ริคาร์โด นายทวารโปรตุเกสก็รับไว้ได้ติดมือ ก่อนนาทีที่ 10 โปรตุเกสก็มีโอกาสบ้าง เมื่อ คริสเตียโน โรนัลโด ได้บอลบริเวณริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนกระชากเข้ากลางไปถึงในเขตโทษ และได้จังหวะสับไกยิงด้วยซ้าย แต่บอลลอยข้ามคานออกไป

นาทีที่ 29 โรนัลโด โชว์ทักษะลากเลื้อยบริเวณริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนกระชากเข้ากลางถึงมุมเขตโทษและได้โอกาสยิง แต่ไปติดตัว แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ลงมาช่วยเกมรับ บอลกระดอนออกมาถึง โรนัลโด ที่ได้บอลอีกครั้ง แต่คราวนี้ถูก แลมพาร์ด วิ่งเข้าสไลด์จากข้างหลังจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่ผู้ตัดสินไม่ให้เป็นลูกฟาล์วแต่อย่างใด

นาทีที่ 39 หลุยส์ ฟิโก้ จอมทัพโปรตุเกส มีโอกาสยิงในมุมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลลอยโค้งเฉียดสามเหลี่ยมเสาสองประตูออกไป

อังกฤษ เพิ่งมีโอกาสลุ้นประตูอีกครั้ง ในนาทีที่ 45 เมื่อ แลมพาร์ด ซัดด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษ แต่ ริคาร์โด ก็ล้มตัวรับไว้เข้าซอง ก่อนจบครึ่งแรก ทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0

เกมในครึ่งหลัง นาทีที่ 52 อังกฤษ ต้องถอด เดวิด เบคแฮม ออกจากสนาม เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บจากครึ่งแรก และเล่นต่อไม่ไหว จึงเปลี่ยนเอา แอรอน เลนนอน ลงมาแทน

นาทีที่ 53 อังกฤษ ได้ลุ้นประตูก่อน จากจังหวัะเปิดลูกเตะมุมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่เปิดเข้าไปในเขตโทษ เป็น แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ล้มตัววอลเลย์ด้วยขวาหน้าประตูโล่ง แต่โดนไม่ถนัดยิงลงพื้นก่อนกระดอนข้ามคานออกไปเยอะ

อังกฤษ มีจังหวะน่าได้ประตูอีกครั้ง เมื่อ แอรอน เลนนอน ตัวสำรองที่ลงมาแทน เบคแฮม อาศัยความสดกระชากบอลจากฝั่งขวาผ่าแผงหลังโปรตุเกสไปถึงในกรอบเขตโทษ ก่อนปล่อยบอลไหลให้ รูนีย์ ซัดด้วยซ้ายแต่โดนไม่เต็มไปติดแผงหลังโปรตุเกส กระดอนไปเข้าทาง โจ โคล ที่ตัดสินใจยิงเต็มแรง แต่ข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

แต่แล้วนาทีที่ 62 อังกฤษ ต้องมาเสียเปรียบเรื่องผู้เล่นที่เหลือเพียง 10 คนในสนาม เมื่อ <b>รูนีย์</b> ไปย่ำที่น่อง ริคาร์โด คาร์วัลโญ่ ผู้เล่นโปรตุเกส หลังเบียดแย่งบอลกันนัวเนียจนล้มลงไปนอนเจ็บกับพื้น โอราซิโอ เอลิซอนโด ผู้ตัดสินชาวอาร์เจนฯ เป่าเป็นการทำฟาล์ว แต่ รูนีย์ ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ทั้งยังไปผลักอก คริสเตียโน โรนัลโด ที่เข้าไปฟ้องผู้ตัดสิน และผู้ตัดสินชาวอาร์เจนฯ ไม่รอช้าชูใบแดงไล่ รูนีย์ ออกจากสนามไป

นาทีที่ 63 โปรตุเกส เปลี่ยนผู้เล่นสำรอง โดยส่ง ซิเมา ซาโบรซา ลงมาแทน เปาเลต้า ก่อนนาทีที่ 65 อังกฤษ ตัดสินใจ ส่ง ปีเตอร์ เคร้าช์ ลงมาล่าตาข่าย โดยถอดเอา โจ โคล ออก

นาทีที่ 78 เป็นเกมบุกของ โปรตุเกส โดย หลุยส์ ฟิโก้ บรรจงยิงที่มุมกรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลลอยโค้งเข้าหาประตู พอล โรบินสัน นายทวารอังกฤษ ต้องออกแรงพุ่งปัดเอาไว้ได้ ก่อนจะไปเข้าทาง ฮิวโก้ เวียน่า ผู้เล่นสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงมาแทน ติอาโก ที่ลองยิงมุมแคบ แต่ก็ข้ามคานออกไป

นาทีที่ 81 ฮิวโก้ เวียน่า มีโอกาสยิงอีกครั้ง แต่ พอล โรบินสัน ก็รับไว้ได้ ก่อนนาทีที่ 83 เป็นโอกาสของอังกฤษ จากจังหวะ แฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงฟรีคิกทะลุกำแพง ริคาร์โด ล้มตัวปัดกระฉออกมาเข้าทาง แอรอน เลนนอน ที่วิ่งเข้าไปแปด้วยขวา แต่เบาเกินไปให้ ริคาร์โด ล้มตัวรับไว้ได้

นาทีที่ 86 โปรตุเกส ถอด ฟิโก้ ออก และส่ง เฮลเดอร์ พอสติก้า ลงมาแทน

เกมดำเนินมาจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 92 โอเว่น ฮากรีฟ อาศัยสปีดพาบอลขนานริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนกระชากตัดเข้ากลางเข้าไปถึงในกรอบเขตโทษ และไหลต่อให้ จอห์น เทอร์รี่ ล้มตัวยิง บอลลอยโค้งเฉี่ยวเสาสองออกไปอย่างได้ลุ้น

จากนั้น โปรตุเกส อาศัยจังหวะสวนกลับเร็ว โดย โรนัลโด สปีดพาบอลเลาะริมเส้นฝั่งขวา ก่อนผ่านต่อให้ มานิเช่ ยิงแต่ไปติดแผงหลังกระดอนไปถึง พอสติก้า ที่ยิงโด่งออกหลังไปไกล

<b>จบเกม 90 นาที ทั้งคู่ทำประตูกันไม่ได้ เสมอกัน 0-0 ต้องเล่นกันถึงต่อเวลาพิเศษ</b>

ในเกมต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก ทั้งสองทีมต่างแลกเกมบุกหวังทำประตู โดยนาทีที่ 101 ซิเมา ซาโบรซ่า ได้ยิงหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งเลียดเข้าหาประตู แต่ โรบินสัน ก็เซฟไว้ได้ ก่อนนาทีที่ 105 โรนัลโด มีโอกาสยิงแต่บอลลอยเฉียดคานไปนิดเดียวชนิดได้ลุ้น

ในครึ่งหลังของช่วงต่อเวลาพิเศษ อังกฤษได้บุกก่อน แอรอน เลนนอน ลากเลื้อยเข้าไปในเขตโทษ ก่อนโดนแผงหลังโปรตุเกส เสียบสกัดจนล้มลง แต่ผู้ตัดสินก็ไม่เป่าเป็นจุดโทษ ขณะที่ ฮากรีฟ เข้าไปประท้วงผู้ตัดสินจนโดนใบเหลือง

นาทีที่ 108 กองเชียร์โปรตุเกส เฮกันเก้อ หลัง พอสติก้า โหม่งบอลส่งเข้าประตูไป แต่ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน ก่อนนาทีที่ 114 เปอตีต์ ของโปรตุเกส จะลองยิงจากแถวสอง กระดอนลงพื้นแต่ก็ไปเข้ามือ โรบินสัน ที่รับเข้าซอง

นาทีที่ 119 อังกฤษ ตัดสินใจถอดเอา เลนนอน ออกจากสนาม และส่ง เจมี่ คาราเกอร์ ลงมาแทน โดยหวังจะเอาลงมายิงจุดโทษ และก่อนจบเกมเพียงนาทีเดียว มานิเช่ ได้จังหวะยิงหน้ากรอบเขตโทษ แต่ก็ข้ามคานไปเยอะ หมดเวลา 120 นาที เสมอกัน 0-0 ต้องหาทีมชนะด้วยการดวลลูกจุดโทษ

โดยโปรตุเกส เป็นฝ่ายได้ยิงก่อน - ซิเมา ซาโปรซ่า <b>O(โปรตุเกส 1-0)</b>, แฟรงค์ แลมพาร์ด <b>X(อังกฤษ 0-1)</b>, ฮิวโก้ เวียน่า<b> X(โปรตุเกส 1-0)</b>, โอเว่น ฮากรีฟ <b>O(อังกฤษ 1-1)</b>, เปอตีต์<b> X(โปรตุเกส 1-1)</b>, สตีเวน เจอร์ราร์ด<b> X(อังกฤษ 1-1)</b>, พอสติก้า<b> O(โปรตุเกส 2-1)</b>, เจมี่ คาราเกอร์ <b>X(อังกฤษ 1-2)</b>, คริสเตียโน โรนัลโด<b> O(โปรตุเกส 3-1)</b>

ผลปรากฏว่า โปรตุเกส ยิงได้เฉียบขาดกว่า ขณะที่ ริคาร์โด นายทวารโปรตุเกส ก็ซูเปอร์เซฟป้องกันประตูไว้ได้ถึง 3 ครั้ง ทำให้โปรตุเกส เอาชนะ อังกฤษ ไปในที่สุด 3-2 สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ.

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215