รถ 4 คันรุมถล่ม สนธิแฉยิบ ( ข่าวทั่วไป )

“สนธิ”เปิดใจนาทีลอบสังหาร ฟันธงปมขัดแย้งการเมือง ซัดทหารยศ “จ.ส.อ.”มือยิง ไม่ใช่กองทัพ ถ้าทำก็ “อัปยศ” ยันเป็นกลุ่มเดียวที่ถล่ม พธม.ชุมนุมยึดทำเนียบฯ ดอนเมือง และศาลรธน. หวังกำราบ “เสื้อเหลือง-เสื้อแดง” ปูทางสร้างอำนาจใหม่  ระบุหากเป็น ผบ.ทบ.-คุณหญิงวิระยา-รมว.กห. ก็ขออโหสิกรรม พร้อมบินพักฟื้นสหรัฐฯ “ท่านผู้หญิงวิระยา”จี้นายกฯคุ้ยความจริงมาเปิดให้ประชาชนรู้ความจริง แม้จะเป็นคนใหญ่โต ทหาร ตำรวจ หรือสตรีสูงศักดิ์ ต้องนำตัวมาดำเนินคดี
 
ที่บ้านพระอาทิตย์ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.52 นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงเปิดใจกรณีถูกลอบสังหาร เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมาว่า การลอบสังหารครั้งนี้แยกได้เป็น 2 มิติ คือ 1.การลอบสังหารในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน ถือเป็นการคุกคามสื่อที่ไม่เคยมีมาก่อน และ 2. คือในฐานะแกนนำมวลชนที่ต่อสู้เรียกร้อง เพราะการกระทำที่เกิดขึ้นถือว่า เป็นการกระทำที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และประเด็นการลอบสังหารไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ขอยืนยันว่า เป็นเรื่องการขัดแย้งทางการเมือง

“การลอบสังหารผมนั้นต้องการต้องการขู่ไปถึงกลุ่มแกนนำมวลชน ทั้งสีเหลืองและสีแดงที่พยายามเรียกร้องให้แตกกระเจิง หากการสังหารผมสำเร็จก็เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว พร้อมกันนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึงนายกฯ ว่า หากสนธิตายได้นายกฯก็ตายได้เช่นกัน”

นายสนธิ กล่าวว่า สำหรับใครที่เป็นผู้ลงมือกระทำการในครั้งนี้ ต้องดูที่รูปแบบพฤติกรรมการใช้อาวุธสงคราม อาทิ อาก้า M16 M79 โดยขณะที่มีการยิง ได้เห็นผู้กระทำได้อย่างชัดเจนในระยะ 20 เมตร เป็นลักษณะการยิงมีการผ่านการฝึกฝนให้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวมา โดยเฉพาะท่านั่งประทับยิงก็เป็นรูปแบบการฝึกของทหาร ประกอบกับขณะลงมือกระทำการมีการใช้รถยนต์ 4 คัน โดยมีผู้ร่วมกระทำมากกว่า 10 คน รวมถึงการที่กล้องวงจรปิดทั้ง 5 ตัวที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุเสียใช้การไม่ได้

แกนนำพธม. กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว มีการร่วมมือของผู้มีอำนาจ ขณะที่ผู้ที่กระทำการก็รับทราบเส้นทางเดินรถว่าใช้เส้นทางไหนแสดงว่า มีการเฝ้าติดตามมาโดยตลอดก่อนจะมีการลอบสังหาร กลุ่มคนเหล่านี้เป็นขบวนการล่าสังหาร เชื่อว่า การกระทำครั้งนี้เป็นฝีมือของทหารบางคน ไม่ใช่ฝีมือของกองทัพ เพราะกองทัพไม่ทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้

“แหล่งข่าวทหารของกลุ่มพันธมิตรฯ เปิดเผยให้ผมฟังว่า คนที่ยิง M79 ที่ดอนเมือง ที่ทำเนียบฯ และที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นกลุ่มคนเดียวกัน พร้อมกำลังเตรียมการที่จะยิงต่อ ทั้งนี้ได้มีการนำข้อมูลดังกล่าวส่งไปให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. โดยพล.ต.อ.ธานี ยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริง และมีนายทหารยศ จ.ส.อ.เป็นผู้ยิงขณะนี้ยังอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ”

นายสนธิ กล่าวว่า พันธมิตรฯ ต่อสู้เพื่อเรียกร้องการเมืองใหม่ เพื่อให้สังคมมีความโปร่งใส ฉะนั้นการต่อต้านจากผู้เสียผลประโยชน์จึงมีหลายรูปแบบ โดยการลอบสังหารนอกจากจะเป็นการปิดปากสื่อแล้วยังข่มขู่แกนนำคนอื่นไม่ให้แสดงจุดยืน ซึ่งเป็นการดิ้นครั้งสุดท้าย เป็นการกระทำโดยไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ โดยผู้ที่เสียผลประโยชน์มีทั้ง นักการเมือง ข้าราชการ และทหาร ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะกลัวการเมืองใหม่ อย่างไรก็ตามตนขอไม่เปิดเผยผู้ที่ลงขัน หรือวางแผนลงมือกระทำการลอบสังหาร

“ส่วนที่มีกระแสข่าวผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบฆ่าครั้งนี้ คือ ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. คิดว่า ไม่ใช่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ โดยขอตั้งข้อสมมติหากเป็นบุคคลเหล่านี้จริง ก็ขออโหสิกรรมต่อสิ่งที่เกิดขึ้น”

อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่าวทิ้งท้ายว่า ต่อจากนี้จะยังคงสู้ต่อ แต่ในขณะนี้แพทย์ได้สั่งให้พักฟื้นสักระยะหนึ่งก่อน เนื่องจากน้ำในหูไม่เท่ากัน โดยจะขอไปพักฟื้นที่ประเทศสหรัฐฯ ทั้งนี้เชื่อว่า ภายในเดือนพ.ค.นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะมีการแถลงผู้ต้องสงสัยในคดีลอบสังหาร

วันเดียวกัน เว็บไซต์ไทยรัฐ ได้ลงคำให้สัมภาษณ์ของท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ภายหลังนายสนธิ แถลงเปิดใจว่า หลังจากเกิดเหตุนายสนธิถูกยิง เพื่อนได้เล่าให้ฟังว่า นายสนธิระบุว่า เป็นฝีมือของสตรีสูงศักดิ์ มีหลายคนที่ยุ่งเกี่ยวการเมืองตามที่รู้กัน แต่ไม่ได้หมายถึงตน น่าจะหมายถึงบางคนที่รับใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งเป็นสตรีสูงศักดิ์ ส่วนจะเป็นใครให้ไปสอบถามพล.ต.อ.ธานี น่าจะรู้ดี ส่วนนายสนธิโจมตีตน ไม่ติดใจ ถูกด่ามามาก ไม่เป็นไร เหนื่อยเขาก็หยุดเอง ไม่กลัวอยู่แล้วในสิ่งที่นายสนธิพูด เพราะไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าใครเชื่อก็ไม่เป็นไร ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณเพราะตนจงรักภักดีต่อสถาบัน

“เชื่อในสิ่งที่นายสนธิ พูดว่า นายกฯต้องลุกขึ้นมา ทำคดีนายสนธิ อย่างตรงไปตรงมา แม้จะเป็นคนใหญ่โตแค่ไหน เป็นทหาร ตำรวจ หรือสตรีสูงศักดิ์ก็ตาม ต้องทำเรื่องนี้ให้ประชาชนรู้ความจริง ไม่ใช่เจอตอแล้วหยุด ทำแบบนี้ไม่ได้”

 

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์