สองผัวเมียผู้ต้องหาวางระเบิดพยายามฆ่าเจ้าหนี้เศรษฐินีนักธุรกิจ ยังคงยืนกรานปฏิเสธ แต่รับว่าเอาอาหารทะเลกับผลไม้ไปใส่ท้ายรถเบนซ์ผู้เสียหายจริง แต่ตำรวจยันมีหลักฐานเชื่อมโยงจนเชื่อว่าสองผัวเมียเป็นคนก่อเหตุ พร้อมกับให้ พฐ.เก็บรอยนิ้วมือแฝงจากรีโมตบังคับรถวิทยุเด็กเล่นเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับลายนิ้วมือของผู้ต้องหาพบประวัติเมียเคยต้องคดีฉ้อโกงประชาชน ส่วนผัวเคยต้องคดีพยายามฆ่า เมื่อปี 49 แต่สู้คดีจนหลุด ตร.นำสองผัวเมียฝากขังกับศาลอาญา และคัดค้านประกันต
จากกรณีเมื่อตอนค่ำวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา นางสุดใจ เกษกาญจนานุช อายุ 68 ปี นักธุรกิจบ้านจัดสรรและค้าอัญมณี กับสามี ขับรถเบนซ์ ซี 220 สีดำ ทะเบียน 8ษ-8938 กรุงเทพมหานคร กลับมาถึงหน้าบ้านพักเลขที่ 45 ซอยลาดพร้าว 48 แยกซอยศุภฤกษ์ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง แล้วรถเกิดระเบิดขึ้นที่กระโปรงท้ายรถเบนซ์ แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ นาง สุดใจ คิดว่าถังแก๊สแอลพีจีที่ติดตั้งไว้ท้ายรถเบนซ์ระเบิด แต่เมื่อตำรวจมาตรวจสอบพบแผงวงจรภาครับวิทยุตกอยู่ 1 ชุด ท้ายรถ และเศษอาหารทะเลกับผลไม้เกลื่อนพื้น รวมทั้งพบรีโมตบังคับวิทยุรถเด็กเล่นอยู่ในถังขยะฝั่งตรงข้ามบ้าน จึงเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นถังแก๊สระเบิด เมื่อสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางสุดใจ กับสามี ให้คนรถขับรถไปที่บ้านของ น.ส.เบญญทิพย์ เดโชชัย อายุ 32 ปี ลูกหนี้ที่ติดเงินอยู่ 3 ล้านเศษ ย่านถนนพระราม 5 จ.นนทบุรี ซึ่ง น.ส. เบญญทิพย์ ได้วานคนขับรถนางสุดใจ ไปช่วยดูลูกชายวัย 2 ขวบ ที่เล่นน้ำอยู่ในสระน้ำข้างบ้าน พร้อมกับให้เปิดกระโปรงท้ายรถไว้เพื่อนำอาหารทะเลมาใส่ พอขับรถกลับถึงบ้านจึงเกิดเหตุระเบิดขึ้น ตำรวจจึง ขอศาลออกหมายจับ พร้อมกับนำกำลังไปจับกุม น.ส.เบญญทิพย์ กับ ส.อ. ณรงค์ฤทธิ์ ดิษเจริญ อายุ 29 ปี ทหารสังกัด กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ สามีของ น.ส. เบญญทิพย์ ในข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยใช้วัตถุระเบิด ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบนั้น
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 เม.ย. พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน. สุทธิสาร เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการสอบสวน น.ส.เบญญทิพย์ กับ ส.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ผัวเมียผู้ต้องหาว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่ยังคงยืนกรานปฏิเสธ แต่ยอม รับว่าในวันเกิดเหตุนำอาหารทะเล และผลไม้ใส่ไว้ในท้ายรถของผู้เสียหายจริง โดยไม่รู้เรื่องการวางระเบิด แต่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและรถเบนซ์ของผู้เสียหายตรวจพบรอยนิ้วมือแฝงของผู้ต้องหาที่รถและรอยนิ้วมือแฝงที่รีโมตบังคับรถวิทยุเด็กเล่นที่เป็นภาคส่งสัญญาณที่คนร้ายทิ้งไว้ในถังขยะตรงข้ามบ้านซึ่งจะนำมาเปรียบเทียบกับรอยนิ้วมือของผู้ต้องหาต่อไป พร้อมทั้งให้ฝ่ายสืบสวนออกหาพยานที่เห็นเหตุการณ์ และนำกล้องทีวีวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงที่มีอยู่ 3 จุด มาตรวจสอบเพื่อหาภาพคนร้ายที่กดรีโมต อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานที่เชื่อมโยงจนเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาทั้งสองน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทศพล ทิพย์ศิริ พงส. (สบ 2) สน.สุทธิสาร ได้ควบคุมตัว ส.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ดิษเจริญ กับ น.ส.เบญญทิพย์ เดโชชัย ผู้ต้องหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยใช้วัตถุระเบิดไปยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. จนถึงวันที่ 9 พ.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอสอบปากคำพยานบุคคลอีก 7 ปาก รอการตรวจพิสูจน์พิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหา และรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐาน โดยท้าย คำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานอื่น ๆ และคดีมีอัตราโทษจำคุกสูง เกรงว่าจะหลบหนี ศาลพิจาณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้.
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์