<b>จากเหตุการณ์ยกพวกตะลุมบอนกันหลังจบการยิงจุดโทษระหว่างเยอรมันกับอาร์เจนตินา ในขณะที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกนั้น สร้างความผิดหวังให้เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เป็นอย่างยิ่ง โดยแบลตเตอร์เผยว่า ฝ่ายพิจารณาวินัยนักเตะจะสอบสวนเรื่องนี้เพื่อหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ </b>
?ผมโกรธมาก เราจะหาคนจุดชนวนให้เกิดความวุ่นวายเพื่อลงโทษต่อไป เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นเลย เกมที่ต้องมีการต่อเวลา จนถึงขั้นชี้ขาดด้วยการยิงจุดโทษ ย่อมส่งผลกระทบด้านจิตใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่สุดท้ายก็ต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ ผมพูดมาตลอดว่า เราต้องเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ ต้องยอมรับให้ได้ บอลก็จบไปแล้ว คนก็ควรจะจบด้วย ไม่ใช่ ไม่ยอมรับความปราชัยแบบนี้? แบลตเตอร์กล่าวฉุนเฉียว
นอกจากนี้ ประธานฟีฟ่ายังชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า เขาตำหนิฟอร์มการเล่นของอังกฤษว่า เน้นเกมรับมากเกินไป จากการส่งเวย์น รูนีย์ ลงสนามเป็นศูนย์หน้าเพียงคนเดียวในเกมที่ชนะเอกวาดอร์ว่า เขาไม่ได้หมายความเช่นนั้น
?ผมเพียงแต่เปรียบเทียบเกม อังกฤษ-เอกวาดอร์ กับสวิตเซอร์แลนด์-ยูเครน และบอกว่า ถึงอังกฤษจะใช้ศูนย์หน้าคนเดียว แต่ยังมีคุณภาพที่จะเอาชนะได้ ต่างจากคู่สวิตเซอร์แลนด์ที่ใช้ศูนย์หน้าคนเดียว แต่ไม่สามารถเอาชนะยูเครนได้ ผมพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า อังกฤษเน้นเกมรับเลย? แบลตเตอร์กล่าว หลังจากถูกนักเตะอังกฤษตอบโต้กลับหลายคน
ขณะเดียวกัน มีการพลิกสถิติของทีมชาติอิตาลีในบอลโลก ปรากฏว่าปี 1970 อิตาลีเข้าชิงชนะเลิศกับบราซิล ซึ่งทีมแซมบ้าคว้าแชมป์ไปครอง จากนั้นในปี 1982 อิตาลี ชนะ เยอรมันในรอบชิงชนะเลิศ และปี 1994 อิตาลีปราชัยต่อบราซิลในรอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง
จะเห็นได้ว่า ระยะห่างระหว่างปี 1970-1982-1994 คือ 12 ปี ซึ่งอิตาลีได้เข้าชิงมาตลอด และหากนับจากปี 1994 จนถึงปี 2006 ก็ครบ 12 ปีเช่นกัน อาจเป็นลางดีของอิตาลีที่จะมีโอกาสเข้าชิงอีกครั้งก็เป็นได้
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์