แหล่งข่าวในวงการผู้ค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เปิดเผยว่า ขณะนี้วงการค้าข้าวโพดกำลังโจษจันถึงกรณีการประมูลข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และความขัดแย้งกันเอง ระหว่างนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงความไม่แน่นอนของผลการประมูล อาจทำให้ขาดความเชื่อมั่นในการประมูลสินค้าเกษตรของรัฐบาล
ทั้งนี้ ในวงการค้าข้าวโพดตั้งข้อสังเกตความผิดปกติในการประมูลครั้งนี้ คือ การอนุมัติขายที่ต่ำกว่าราคาตลาดค่อนข้างมาก ปัจจุบันตลาดซื้อขายชิคาโก สหรัฐ ราคา กก.ละ 7 บาท ในประเทศ กก.ละ 7.20 บาท แต่อนุมัติระบายให้ 3 ราย ตั้งแต่ราคา กก.ละ 3.50-5.50 บาท เฉลี่ย กก.ละ 4.50 บาท ขณะที่ราคารับจำนำ กก.ละ 8.50 บาท ทำให้เกิดการขาดทุนสูง กก.ละ 2-3 บาท จำนวนที่ระบาย 4.5 แสนตัน เท่ากับรัฐเสียหายจากการขายในราคานี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุดังกล่าว จึงสงสัยว่ามีเรื่องผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ จนเกิดปัญหาสั่งเบรกจำหน่ายข้าวโพดให้ผู้ส่งออก 3 รายจากที่เสนอซื้อ 4 ราย เพราะกลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์ที่มีอยู่ประมาณ 30 ราย แสดงความไม่พอใจที่ไม่สามารถประมูลข้าวโพดล็อตนี้ในราคาถูกกว่าปกติมากได้ จึงสงสัยมีการล็อบบี้ฝ่ายการเมืองให้ล้มการประมูลและให้ทบทวนเงื่อนไขการประมูลที่สามารถจำหน่ายในประเทศได้ด้วย
“ไม่รู้ว่าเพราะมาจากต่างพรรคการเมืองกันหรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ผู้ประกอบการทั้งผู้ส่งออกข้าวโพด และผู้ผลิตอาหารสัตว์ ต่างให้การสนับสนุนคนละพรรคการเมือง จึงทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นอย่างที่ปรากฏ เดิมนั้นปัญหาการระบายมักเกิดกับข้าว แต่ตอนนี้กำลังลุกลามไปสินค้าเกษตรตัวอื่นๆ อีก ต่อไปใครจะกล้าเข้าร่วมประมูล หวั่นจะเหลือแต่ที่เอื้อประโยชน์กันเท่านั้น”
ทั้งนี้ ขั้นตอนการเปิดประมูลข้าวโพด 4.5 แสนตัน จากที่รับจำนำมา 8.5 ล้านตัน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 รัฐบาลชุดเก่ามีคำสั่งให้กระทรวงพาณิชย์ และองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้ดูแลการระบายข้าวโพดออกสู่ต่างประเทศ แต่ล่าช้า
หลังเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและผู้บริหารใน อคส. จนถึงกุมภาพันธ์ 2552 ได้ประกาศทีโออาร์รับจำนำโครงการผ่านเว็บไซต์ อคส.และมีผู้เข้ามารับฟังถึง 30 คน และด้วยเงื่อนไขเดิมการรับจำนำระบุต้องให้ส่งออกทั้งหมด ทำให้มีผู้ยื่นซองประมูลแค่ 4 รายและมีผู้ได้รับการประมูล 3 ราย โดย อคส. และกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้พิจารณาในราคาที่เหมาะสม
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม คณะกรรมการข้าวโพดแห่งชาติที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้ประชุมครั้งแรก และมีมติให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาการแก้ไขปัญหาด้านการผลิต และคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาด้านการกำหนดราคา เพื่อให้สินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้นได้รับการดูแลแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจำหน่ายอย่างมีศักยภาพ และให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาแนวทางการระบายสต๊อคอย่างละเอียด 3 ทาง แต่กระทรวงพาณิชย์กลับเปิดระบายข้าวโพดโดยใช้มติเก่า ทำให้เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายกอร์ปศักดิ์ จึงได้สั่งระงับการขายและโยนให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้ตัดสิน
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์