คมชัดลึก:”อภิสิทธิ์”ยันไม่เคยหารือ“สุเทพ-เนวิน”เลื่อนวันซักฟอกเร็วขึ้น“ปชป.”คาด“ฝ่ายค้าน”เตรียมงัดประท้วงรูปแบบใหม่ใช้“ศุภมาส”ลั่นเข้าภูมิใจไทยไม่เคยรับเงิน3-4แสนระบุไม่ได้ทิ้ง”ทักษิณ”“สดศรี”รับ”ดีเอไอ”ส่งข้อมูลเงิน258ล้านบาทมากกต.แล้ว
(18มี.ค.)ที่รัฐสภานายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านขอขยายเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเวลา3วันว่าเป็นเรื่องของสภาที่จะต้องตกลงกันเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาและอยากให้ดูตามความเป็นจริงซึ่งถึงพอวันอภิปรายจะรู้ว่าเองว่าต้องใช้เวลากี่วันอย่าไรก็ตามขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานสภาผู้แทนราษฏรซึ่งรัฐบาลไม่มีปัญหาและไม่ได้ปิดกั้นการทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านขณะนี้รัฐมนตรีทุกคนที่มีชื่อถูกอภิปรายและถอดถอนออกจากตำแหน่งรวมถึงตนได้มีการอ่านญัตติการถอดถอนและเตรียมข้อมูลต่างๆทีเกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงในญัตติ
”ขอยืนยันว่าไม่มีเรื่องอะไรเลยที่ต้องกีดกันฝ่ายค้านเป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภาเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ได้มีการพูดคุยกันเมื่อฝ่ายค้านยื่นหนังสือมาประธานสภาก็ยืนยันว่ามีภาระกิจในสัปดาห์หน้าในเรื่องของการสรรกกต.และกรรมการสิทธิฯจึงต้องทำให้เลือกการอภิปรายในช่วงนี้เพราะไม่เช่นนั้นจะต้องเลื่อนออกไปไกลเลยดังนั้นจึงคิดว่าช่วงนี้ดีกว่า“นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่าการกำหนดวันอภิปรายเกิดจากนายกรัฐมนตรีได้ไปหารือร่วมกับนายสุเทพเทือกสุบรรณรองนายกกับนายเนวินชิดชอบแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินพรรคภูมิใจไทยนายอภิสิทธิ์กล่าวปฏิเสธว่าไม่เคยคุยกับนายเนวินเรื่องนี้เลยเพราะตนยืนยันตั้งแต่ต้นว่าต้องการให้เป็นสัปดาห์หน้าแต่ประธานสภาแจ้งว่าสัปดาห์หน้าท่านไม่สะดวกก็ต้องเลือกเอาว่าจะเลื่อนไปไกลหรือเอาสัปดาห์นี้ดังนั้นหากประธานสภาสะดวกสัปดาห์นี้ตนก็ไม่ขัดข้อง
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงประเด็นการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่เงินบริจาค258ล้านบาทว่าในการประชุมส.ส.พรรคได้มีการหารือว่าหากมีการพาดพิงถึงใครคนนี้นั้นก็ต้องชี้แจงส่วนตัวไม่ได้ห่วงอะไรในเรื่องนี้เพราะต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี2547-2548ซึ่งไม่ใช่เรื่องบริหารราชการแผ่นดินหากฝ่ายค้านติดใจก็สอบถามเรื่องนี้มาส่วนใครเกี่ยวข้องก็ต้องชี้แจงซึ่งพรรคไม่ได้ห้ามที่จะให้มีการอภิปรายเรื่องนี้ยื่นยันว่าหากมีประเด็นอะไรที่ทำให้สังคมไม่ไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินก็สามารถที่จะหยิบยกมาได้ส่วนจะสมเหตุผลหรือไม่ต้องไม่ดูข้อเท็จจริงกับเหตุผลที่ต้องนำเสนอต่อที่ประชุมสภาซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านที่จะต้องตรวจสอบ
เมื่อถามว่าเจตนาของการอภิปรายเรื่องเงิน258ล้านบาทเพื่อต้องการปูทางนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าต้องกลับไปถามคนที่เสนอญัตติอภิปรายส่วนตัวนั้นไม่กังวลเพราะเรื่องทางกฎหมายก็มีขั้นตอนเช่นนี้อยู่ในขั้นตอนของการยื่นถอดถอนหากจะมีการยื่นยุบพรรคก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมายมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะชี้แจงให้สังคมเกิดความเข้าใจได้เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตนไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแต่เป็นกรรมการบริหารพรรคเพราะเป็นรองหัวหน้าพรรคเรื่องนี้มีความรับผิดชอบที่ชัดเจนว่าใครรับผิดชอบขณะนี้ในพรรคก็พร้อมใครมีข้อมูลอะไรก็ให้ช่วยกันและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายก็ไม่เห็นมีใครแสดงความกังวลว่าไม่รับการสนับสนุนในเรื่องของข้อมูลดังนั้นอยากให้ฟังคำอภิปรายและคำชี้แจงของของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงนายกษิตภิรมย์รมว.การต่างประเทศหรือไม่ที่มีส.ส.ในพรรคเตรียมที่จะไม่ยกสนับสนุนนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่เห็นมีอะไรเพราะที่ผ่านมานายกษิตก็มานั่งทำงานในสภาถูกต่อว่าต่อขานนายกษิตก็ลุกขึ้นชี้แจงก็ทำงานด้วยดีไม่เห็นมีปัญหาอะไร
เมื่อถามถึงกรณีร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุงประธานส.สพรรคเพื่อไทยอ้างว่าขณะนี้ถูกดักฟังโทรศัพท์นายอภิสิทธิ์กล่าวว่ายืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายให้ใครทำแบบนั้นเพราะในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจมักจะมีข่าวลือเยอะจึงอยากให้ทุกคนได้หนักแน่นทำหน้าที่ของตัวเองรัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจงก็พร้อมที่จะชี้แจงคนมีหน้าที่อภิปรายก็ต้องเตรียมทำหน้าที่
“สดศรี”รับ”ดีเอไอ”ส่งข้อมูลเงิน258ล้านบาทมากกต.แล้ว
นางสดศรีสัตยธรรมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยอมรับกรมสืบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ได้ส่งพยานสำนวนข้อมูลหลักฐานกรณีเงินบริจาค258ล้านบาทและเงินกองทุนพรรคการเมืองจำนวน25ล้านบาทที่ใช้ผิดประเภทของพรรคประชาธิปัตย์มายังกกต.จริง
ปธ.สภายันไม่เพิ่มเวลาให้ฝ่ายค้านอภิปรายรัฐบาล
นายวิทยาบูรณศิริประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน(วิปรัฐบาล)กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นขอขยายระยะเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพิ่มจากที่กำหนดไว้19-20มี.ค.และลงมติในวันที่21มี.ค.ว่านายชัยชิดชอบประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ทำหนังสือตอบกลับมาแล้วโดยยืนยันว่าไม่สามารถที่ขยายเวลาในการอภิปรายให้ได้และยืนยันตามกำหนดเวลาเดิมแต่หากฝ่ายค้านต้องการที่จะขอเพิ่มเวลาการอภิปรายก็ขอให้ใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับที่21ในที่ประชุมสภาฯซึ่งในวันนี้(18มี.ค)ฝ่ายค้านจะมีการหารือและจะขอใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับที่21ในที่ประชุมสภาฯวันนี้เลยเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการอภิปรายที่จะมีในวันพรุ่งนี้
นายวิทยากล่าวต่อว่าส่วนเนื้อหาในการอภิปรายที่อาจมีการพาดพิงรัฐมนตรีนอกเหนือจากรายชื่อที่ยื่นอภิปรายไว้นั้นยืนยันว่าฝ่ายค้านจะพยายามไม่ให้กระทบคนนอกแต่หากมีความเกี่ยวโยงกับประเด็นที่อภิปรายก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจ
“ปชป.”แฉ“ฝ่ายค้าน”เตรียมงัดประท้วงรูปแบบใหม่
นพ.วรงค์เดชกิจวิกรมรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะคณะทำงานประสานงานข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมรัฐบาลกล่าวภายหลังการประชุมว่าคณะกรรมการได้แบ่งทีมงาน3ส่วนคือ1.ทีมงานด้านข้อมูลเชิงวิชาการ2.ทีมงานเชิงยุทธศาสตร์ในสภา3.ทีมงานแถลงข่าวเสริมข้อมูลของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทั้งนี้คณะทำงานได้ประเมินญัตติอภิปรายแล้วคิดว่าญัตติอาจมีการพาดพิงถึงรัฐมนตรีอีก10คนนอกเหนือจากนายกรัฐมนตรีและ5รัฐมนตรีซึ่งคณะทำงานได้ประสานไปยังรัฐมนตรีทั้ง10คนแม้ไม่มีรายชื่อก็ต้องเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจงอย่างไรก็ตามจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านอภิปรายเต็มที่โดยจะไม่มีการประท้วงโดยไม่จำเป็นซึ่งจะใช้การประท้วงในรูปแบบใหม่แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องติดตามการอภิปรายในสภา
“สุเทพ”ยันข่าวปล่อยลูกพรรคแอบส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้าน
นายสุเทพเทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรีเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นำข้อมูลไปให้ฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าไม่จริงและเป็นไปไม่ได้ข่าวดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือเมื่อถามต่อว่าร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุงระบุว่าอภิปรายตอนเช้าพอบ่าย2โมงก็สามารถน็อครัฐบาลได้แล้วนายสุเทพหัวเราะก่อนที่จะตอบว่า“สื่อเชื่อหรือเปล่าล่ะอย่าไปวิจารณ์เขาเลยถ้าผมตอบเดี๋ยวเขาโกรธเอาแต่ก็เอาเถอะทำไปใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำไปให้อยู่ในกฎเกณฑ์กรอบกติกาก็แล้วกัน”
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหนเรื่องข่าวการวางแผนตากสินของพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มเสื้อแดงเพื่อให้นำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลนายสุเทพกล่าวว่าตนไม่สามารถวิเคราะห์ได้แต่เห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นขบวนการมีขั้นตอนที่สอดรับต่อเนื่องกันและมีเป้าหมายที่มุ่งมาที่รัฐบาลเป็นการเฉพาะมีการขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทำหน้าที่ได้โดยสะดวกซึ่งการทำอย่างนี้ทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียหายอย่างไรก็ตามตนไม่อยากพูดอะไรมากถ้าเห็นอะไรมากกว่านี้ค่อยมาว่ากันเมื่อถามว่าจะเป็นสงครามกลางเมืองอย่างที่นายเทพไทเสนพงษ์โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พูดหรือไม่นายสุเทพกล่าวว่าตนจะยังไม่พูดอะไรไปเกินกว่าเหตุขอพูดตามสถานการณ์เมื่อถามว่าแสดงว่ามีแผนตากสินจริงใช่หรือไม่นายสุเทพกล่าวว่าตนไม่ทราบว่าจริงหรือไม่แต่เห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นขบวนการตนสันนิษฐานได้ว่าทั้งหมดต้องมีแผนการ
นายสุเทพยังกล่าวถึงกระแสข่าวไปกินข้าวกับนายเนวินชิดชอบอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ร้านอาหารย่านวัดเสมียนนารีเมื่อวันที่16มี.ค.ที่ผ่านมาว่า“ข่าวอย่างนี้ทีหลังมาถามผมได้เลยมีคนปล่อยข่าวว่าผมไปเจอและทานอาหารกับคุณเนวินที่ร้านแถววัดเสมียนนารีซึ่งไม่เป็นความจริงเลยผมไม่ได้ไปร้านนี้มานานแล้วผมเพิ่งเจอกับคุณเนวินเมื่อคืนนี้(17มี.ค.)ในงานวันเกิดนายสรอรรถกลิ่นประทุมที่จ.ราชบุรีและก็ไม่ได้คุยอะไรกันเพียงแต่ทักทายกันธรรมดาเพราะนั่งกันคนละฟากโต๊ะเมื่อถามว่ามีข่าวว่ามีนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีนั่งคุยอยู่ด้วยนายสุเทพกล่าวว่าไม่เป็นความจริงเลยปล่อยข่าวเป็นตุเป็นตะ“ยิ่งท่านนายกฯก็ยิ่งไม่ได้เจอกับคุณเนวินเลยและก็ไม่มีเรื่องที่ต้องมาปรึกษาหารืออะไรด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศเลื่อนการชุมนุมมาเป็นวันที่22มี.ค.นี้นายสุเทพกล่าวว่ายังไม่ได้มีแผนหรือสั่งการให้ตำรวจรับมืออะไรเพราะยังไม่รู้ว่ากลุ่มเสื้อแดงจะไปที่ไหนและทำอะไรอย่างที่บอกไปแล้วว่าหากชุมนุมกันโดยไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายเราก็ไม่ทำอะไรเขาเมื่อถามว่าในวันอภิปรายต้องให้ตำรวจเตรียมรับมืออะไรเป็นพิเศษหรือไม่นายสุเทพกล่าวว่าไม่ต้องสั่งการอะไรเพราะเจ้าหน้าที่เขาต้องดูแลตามปกติอยู่แล้วและก็ยังไม่มีรายงานข่าวว่าจะมีการก่อเหตุอะไรเข้ามาเลย
จตุพรย้ำชุมนุมนปช.เชียงราย-เชียงใหม่ทักษิณโผล่วิดีโอลิงค์
นายจตุพรพรหมพันธุ์ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช.กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่19-20มี.ค.ว่าเวลาน่าจะไม่พอเพราะการอภิปรายแค่นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะนายกฯคนเดียวก็ใช้เวลามากแล้วฝ่ายวิปรัฐบาลน่าที่จะขยายเวลาให้อีกเเละควรนึกถึงตอนที่เป็นฝ่ายค้านบ้างซึ่งหลักฐานการอภิปรายครั้งนี้จะมีเอกสารการอภิปรายที่ไม่ซ้ำกันไม่เน้นไปที่เรื่องส่วนตัวรัฐบาลอย่าจัดองค์รักษ์หรือประท้วงในที่ประชุมให้มากตามที่ประกาศไว้แล้วรับรองว่านายอภิสิทธิ์จะจอดตั้งแต่การอภิปรายของร.ต.อ.เฉลิมอบู่บำรุงส.ส.สัดส่วนที่อภิปรายเป็นคนเเรกและตนในลำดับที่สองแน่นอน
นายจตุพรกล่าวอีกว่าส่วนการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่กำหนดไว้ว่าจะชุมนุมที่กทม.ในวันที่29มี.ค.นั้นก็น่าจะเลื่อนเข้ามาให้เร็วขึ้นวันนี้น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแต่การชุมนุมจะเกิดหลังการอภิปรายเสร็จสิ้นลงเพราะต้องการให้ประชาชนรับข้อมูลให้ครบทุกด้านอีกทั้งวันที่30มี.ค.-7เม.ย.จะมีการจัดงานกาชาดบนถนนราชดำเนินนปช.ก็จะเลื่อนการชุมนุมเข้ามาส่วนจะเป็นวันและเวลาใดแกนนำนปช.จะประชุมเพื่อหาข้อสรุปอีกทีว่าจะชุมนุมเมื่อใดวันไหนทั้งนี้
”นปช.จะจัดชุมนุมที่จ.เชียงรายวันที่21มี.ค.และวันที่22มี.ค.จะจัดการชุมนุมที่จ.เชียงใหม่ตามเดิมโดยพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตรจะวิดีโอลิงค์ชนิดแบบเห็นภาพและเสียงเข้ามาทุกที่ส่วนการตรวจค้นอาวุธของผู้ชุมนุมที่สนามหลวงนั้นขอให้ตำรวจพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าเป็นของใครและก็ว่าไปตามกระบวนการขณะที่การลอบวางระเบิดสาขาพรรคประชาธิปัตย์จ.สุราษฏร์ธานีนั้นนายสุเทพอย่าเล่นบทดาวพระศุกร์ให้มากเพราะตรงนั้นเป็นบ้านของนายสุเทพใครจะไปทำอะไรได้”นายจตุพรกล่าว
“ศุภมาส”ลั่นเข้าภูมิใจไทยไม่มีเรื่องเงินมาเอี่ยวอ้าง
น.ส.ศุภมาสอิศรภักดีอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยกล่าวถึงกระแสข่าวส.ส.กลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธุ์อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยย้ายมาพรรคภูมิใจไทยว่าตนได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยและย้ายออกมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยได้ช่วงหนึ่งแล้วเช่นเดียวกับน.ส.ศิลัมพาเลิศนุวัฒน์และได้ไปร่วมประชุมพรรคภูมิใจไทยเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่17มี.ค.ที่โรงแรมสยามซิตี้ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจส่วนตัวไม่ได้บอกคุณหญิงสุดารัตน์เลยเพราะเห็นว่าได้ยื่นลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้วเจ้าหน้าที่พรรคก็คงไปแจ้งทางผู้ใหญ่เองเนื่องจากตนตัดสินใจย้ายพรรคแล้วไม่อยากเปลี่ยนความตั้งใจซึ่งหากไปแจ้งกับทางผู้ใหญ่ก่อนก็อาจถูกยับยั้งไว้อย่างไรก็ดีผู้ใหญ่หลายคนคงเข้าใจดีโดยตนมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเพราะเห็นว่าเป็นสีน้ำเงินเป็นกลางจะช่วยลดความขัดแย้งเพราะไม่ใช่สีแดงหรือสีเหลือง
ทั้งนี้น.ส.ศุภมาสย้ำด้วยว่าการย้ายพรรคมาไม่เกี่ยวกับนายอนุทินชาญวีรกูลอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยชักชวนซึ่งนายอนุทินเป็นนายเก่าก็คุยกันอยู่บ้างและการมาอยู่พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่เพราะได้เงิน300,000-400,000บาทหรือมีการเสนอตำแหน่งผลประโยชน์อะไรอย่างที่ทางพรรคเพื่อไทยบางคนออกมาพูดเพราะตนเคยทำงานสายบริหารทั้งเลขานุการรัฐมนตรีที่ปรึกษารองเลขานายกฯก็เคยทำมาแล้วไม่คิดจะมารับตำแหน่งอะไรส่วนที่จะให้ตนมาทำหน้าที่รองโฆษกพรรคภูมิใจไทยนั้นเพราะมีประสบการณ์เป็นรองโฆษกพรรคไทยรักไทยมาก่อนซึ่งตนลาออกจากพรรคเดิมแล้ว
”ยอมรับว่าอยู่ที่เก่าทำงานลำบากเราก็สู้กับพรรคมา10ปีแล้วไม่ได้ทิ้งพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตรอดีตนายกฯถ้าทิ้งจริงคงย้ายไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์แล้วเพราะมีฐานเสียงจัดตั้งแต่กลุ่มคนที่สนับสนุนเราเป็นกลางไม่อยากให้อยู่กับสีแดงหรือเหลืองเราไม่ได้ไปชักชวนคนในพรรคเพื่อไทยให้มาด้วยเพราะถ้าใครจะมาก็คงมีวุฒิภาวะตัวเองมาด้วยอุดมการณ์และกลไกพรรคภูมิใจไทยที่จะลดขัดแย้งในสังคมเราไม่ได้มาเพราะผลประโยชน์เพิ่มหากมาแล้วได้3-4แสนคงมากันหมดแล้ว“อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยกล่าว
ขณะที่น.ต.ศิธาทิวารีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งเป็นคนใกล้ชิดคุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธุ์กล่าวถึงกระแสข่าวคุณหญิงสุดารัตน์เตรียมจับมือกับนายเนวินชิดชอบเพื่อทำงานทางการเมืองว่าการจากเช็คจำนวนส.ส.ของกลุ่มกทม.พรรคเพื่อไทยไม่มีใครย้ายไปร่วมกับพรรคภูมิใจไทยมีเพียงน.ส.ศุภมาสอิศรภักดีอดีตส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทยที่ไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยเพราะมีความใกล้ชิดสนิมสนมกับนายอนุทินชาญวีรกูลแกนนำพรรคภูมิใจไทยอย่างไรก็ดีตนยืนยันว่าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่มีปัญหาอะไรกับพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีและส.ส.ในกลุ่มก็พร้อมทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยต่อไป
ส่วนกรณีนายสนธิลิ้มทองกุลแกนนำพันธมิตรฯออกมาระบุว่าคุณหญิงสุดารัตน์พร้อมร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยนั้นน.ต.ศิธากล่าวว่าสิ่งที่นายสนธิระบุเป็นตีเกาะเคาะกะลาเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์หันมากลับมามองเพราะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ละเลยกลุ่มพันธมิตรฯและปล่อยแกนนำอาจจะต้องถูกดำเนินคดีในเรื่องการปิดสนามบินและสถานที่ราชการดังนั้นตนจึงอยากเรียกร้องนายสนธิอย่าดึงคนอื่นเข้ามาร่วมในการเรียกร้องความสนใจครั้งนี้
เมื่อถามว่าคุณหญิงสุดารัตน์มีความขัดแย้งกับนายเนวินหรือไม่น.ต.ศิธากล่าวว่าไม่มีความขัดแย้งกันโดยเฉพาะวัตถุประสงค์ของงานไม่มีปัญหาแต่ความคิดเห็นอาจจะแตกต่างกันเพราะบางคนอาจชอบใช้วิธีฮาร์ดคอร์ขณะที่อีกคนใช้วิธีแบบซอฟต์ส่วนในอนาคตจะทำงานด้วยกันได้หรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้เพราะเหลือเวลาการตัดสิทธิ์ทางการเมืองอย่างน้อย3ปี
”การร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยนั้นก็ไม่รู้จะไปได้หรือไม่เพราะเป็นพรรคใหม่ที่ยังไม่ผ่านการเลือกตั้งและที่ผ่านมาพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็จะไปไม่รอดจะต้องถูกยุบพรรคการเมืองมีเพียงพรรคการเมืองที่ยอมศิโรราบเท่านั้นที่อยู่ได้”น.ต.ศิธากล่าว
“สุเทพ”ปัดวิจารณ์ข่าวก๊วน”สุดารัตน์“ซบภูมิใจไทย
นายสุเทพเทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าส.ส.ในกลุ่มของนางสุดารัตน์เกยุราพันธ์อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยจะย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยว่ายังไม่ได้ยินข่าวนี้จึงวิจารณ์ไม่ได้และไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเขา
เมื่อถามว่านายสนธิลิ้มทองกุลแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยระบุว่าถ้านางสุดารัตน์ไปรวมกับพรรคภูมิใจไทยจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกโดดเดี่ยวนายสุเทพกล่าวว่าเป็นทัศนะของนายสนธิซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลไม่จำเป็นต้องมาคุยกันเพราะเป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรคที่ต้องจัดการกันเอง
‘ชวรัตน์’ปูดหลังซักฟอกมีงูเห่าซบ”ภูมิใจไทย“
นายชวรัตน์ชาญวีระกูลรมว.มหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่ายังไม่ได้รับรายงานกรณีที่มีข่าวว่าคุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธ์และน.ส.ศิรัมภาเลิศนุวัฒน์อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยจะย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยแต่เบื้องต้นน.ส.ศุภมาศอิสระภักดีอดีตส.ส.ไทยรักไทยเข้ามาอยู่กับพรรคแล้วโดยจะมอบหมายให้ทำหน้าที่รองโฆษกพรรค
นายชวรัตน์กล่าวต่อว่าเรื่องการตั้ง12ส.ส.ของพรรคเพื่อเข้ามาช่วยดูแลข้อมูลให้กับตนและนายบุญจงวงศ์ไตรรัตน์รมช.มหาดไทยในการอภิปรายครั้งนี้ได้ผ่านการพิจารณาในที่ประชุมพรรคแล้วและยังมั่นใจจะชี้แจงได้ทุกประเด็นเพราะเป็นเรื่องที่ทำมาอยู่แล้วส่วนส.ส.พรรคจะยกมือโหวตอย่างไรให้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.ไม่มีการสั่งการ”การโหวตลงคะแนนเสียงไว้วางใจรัฐมนตรีไม่ใช่เป็นการชี้วัดว่าส.ส.จะมาเข้าร่วมพรรคแต่อาจมีความเป็นไปได้ว่าหลังการอภิปรายจะมีสส.บางส่วนสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคแต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง”
“บุญจง”ไม่ขัด”สุดารัตน์“ซบภูมิใจไทย
ที่กกต.นายบุญจงวงศ์ไตรรัตน์รมช.มหาดไทยในฐานะแกนนำพรรคภูใจไทยได้กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่นางสุดารัตน์เกยุราพันธ์อดีตกก.บห.พรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองจะมาเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทยว่ายืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีแต่หากใครจะมาเข้าร่วมกับทางพรรคเราก็ไม่ปฏิเสธแต่ทุกอย่างต้องนำเข้าที่ประชุมกก.บห.พรรคและจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการประสานเข้ามา
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์