นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตสินค้า ห้างค้าปลีก ถึงการจัดทำโครงการบัตรสีฟ้า (บลูการ์ด) เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนที่เข้ามาเป็นสมาชิกนำบัตรดังกล่าวไปลดราคาสินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพาณิชย์ เบื้องต้นได้กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับผู้มีสิทธิ์ถือบัตรบลูการ์ดคือ จะต้องเป็นประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆในการสมัครเป็นสมาชิก เพราะกรมได้เตรียมงบประมาณ 140 ล้านบาท รองรับโครงการดังกล่าวซึ่งเป็นงบประมาณที่ได้มาจากงบช่วยเหลือค่าครองชีพ 1,000 ล้านบาท ที่กรมได้รับอนุมัติจากงบประมาณเพิ่มเติมกลางปี 116,000 ล้านบาท
“ตอนนี้กำลังวางหลักเกณฑ์ผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกบัตรบลูการ์ดซึ่งเงื่อนไขอาจเหมือนเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท คือผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท โดยผู้ที่เข้าหลักเกณฑ์จะมีข้าราชการระดับล่าง คนขับแท็กซี่ ชนชั้นกลางทั่วไป เป็นต้น แต่บัตรดังกล่าวจะไม่ใช่โครงการถาวรอาจมีระยะเวลาใช้งาน 6 เดือน หรือมีระยะเวลาเท่ากับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเท่านั้น”
สำหรับสินค้าและบริการที่จะนำมาลดราคาในโครงการบัตรบลูการ์ดนั้น จะเน้นสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสารบรรจุถุง น้ำมันพืช ของใช้ส่วนบุคคล แต่ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ผลิตสินค้าว่าจะนำสินค้าชนิดใดมาเข้าร่วมด้วยและวางจำหน่ายในช่องทางใดเพื่อให้ประชาชนสามารถนำบัตรดังกล่าวไปใช้ลดราคาสินค้า เบื้องต้นจะกำหนดให้ลดราคาสินค้าภายใต้บัตรบลูการ์ดอย่างต่ำ 10-20% ส่วนบริการที่เข้าร่วมจะเน้นกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศ โดยจะให้ลดราคาค่าที่พักโรงแรมตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งจะผลักดันให้บัตรบลูการ์ดใช้ได้ภายใน เม.ย.นี้ โดยล่าสุดได้เจรจากับผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่นให้มาเข้าร่วมโครงการเพราะมีสาขาทั่วประเทศมากกว่า 7,000 สาขา
”โครงการบัตรบลูการ์ดจะเป็นส่วนเสริมกับโครงการสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดที่ยังมีจุดอ่อนคือกระจายการจัดงานไปไม่ทั่วถึงทั้งประเทศ ส่วนใหญ่ กระจุกตัวอยู่ตามเมืองใหญ่เท่านั้น แต่บัตรบลูการ์ดประชาชนสามารถนำไปใช้ในช่องทางค้าปลีกที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ใดก็ได้ ครอบคลุมทั้งประเทศ”.
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์