<b>?สิงโต? คำรามแผ่ว แค่เฉือน เอกวาดอร์ 1-0 เฮลิ่วรอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้ว ?เบคแฮม? ยังแม่นเป็นฮีโร่ ปั่นฟรีคิกสุดสวย-ประตูโทนครึ่งหลัง ?แลมพ์? เท้ายังบอดซัดไม่เข้า ?รูนีย์? ออกลีลาสับขาทำแผงหลังปั่นป่วน</b>
ฟุตบอลโลก 2006 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ประจำวันอาทิตย์ที่ 25 มิ.ย. ที่สนามก็อตลีบ เดมเลอร์ สเตเดี้ยม เมืองสตุ๊ดการ์ด ประเทศเยอรมัน เป็นการแข่งระหว่าง อังกฤษ กับ เอกวาดอร์
ครึ่งแรกในช่วงต้นเกมทั้งสองทีมยังผลัดกันครองบอล แต่ยังไม่มีจังหวะลุ้นประตู จนนาทีที่ 11 อังกฤษ เกือบเสียประตูจากจังหวะสวนกลับเร็วของ เอกวาดอร์ ที่เปิดบอลจากแดนหลังขึ้นหน้ามาในแดนอังกฤษ มี จอห์น เทอร์รี่ แผงหลังของอังกฤษที่ห้อยท้ายเพียงคนเดียวโหม่งสกัดแต่ไม่ขาด เป็น คาร์ลอส เทโนริโอ ศูนย์หน้าเอกวาดอร์ ที่โฉบบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ ก่อนง้างเท้าขวายิง แต่บอลแฉลบขาของ แอชลีย์ โคล ที่อาศัยสปีดวิ่งมาสกัด ทำให้บอลเหินไปชนคานกระดอนออกไป ช่วยให้อังกฤษรอดพ้นการเสียประตูอย่างหวุดหวิด
จากนั้นทั้งสองทีมมีการทำฟาล์วอยู่บ่อยครั้ง นาทีที่ 28 แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้ยิงเต็มข้อหน้ากรอบเขตโทษ แต่ คริสเตียน โมร่า ก็พุ่งรับไว้ได้ติดมือ
นาทีที่ 36 เดวิด เบคแฮม ปั่นฟรีคิกระยะ 35 หลา ข้ามกำแพงแต่หลุดออกข้างไปอย่างไม่ได้ลุ้น
เกมในช่วงท้ายครึ่งแรก เอกวาดอร์ กลับเป็นฝ่ายครองบอลและบุกได้มากกว่า ในขณะที่อังกฤษ ต้องลงมาช่วยในเกมรับเป็นส่วนใหญ่ แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่มีจังหวะลุ้นทำประตู จนจบครึ่งแรก เสมอกัน 0-0
เริ่มครึ่งเวลาหลัง ทั้งสองทีมยังคงผลัดกันครองเกม และยังไม่มีโอกาสบุกมากนัก แต่แล้วนาทีที่ 60 อังกฤษ ได้ลูกตั้งเตะฟรีคิกบริเวณหน้ากรอบโทษเยื้องทางซ้าย <b>เบคแฮม</b> รับหน้าที่ปั่นข้ามกำแพง บอลลอยโค้งเบียดเสาแรกเข้าไปเป็นประตู สุดที่ โมร่า จะพุ่งปัดถึง อังกฤษ ขึ้นนำ<b>1-0</b>
หลังจากมีประตูแรกเกิดขึ้น เกมเริ่มสนุกขึ้นเป็นลำดับ นาทีที่ 63 แฟรงค์ แลมพาร์ด ซัดด้วยซ้ายบริเวณเส้นกรอบเขตโทษ แต่บอลพุ่งเลียดเฉียดเสาออกไป
นาทีที่ 66 หลุยส์ วาเลนเซีย ของเอกวาดอร์ ได้ยิงเต็มข้อ พอล โรบินสัน นายทวารสิงโต ต้องออกแรงพุ่งซูเปอร์เซฟปัดออกหลังไปได้
นาทีที่ 73 อังกฤษ ได้ลุ้นประตูที่สอง เมื่อ เวย์น รูนีย์ ได้บอลที่มุมธงฝั่งซ้าย ก่อนจะโชว์ลีลาเอาบอลลงพื้นอย่างนิ่มนวลก่อนแตะลอดขา อิวาน เฮอร์ทาโด แผงหลังเอกวาดอร์ หลุดกระชากเข้าถึงเขตโทษ ก่อนใส่พานเข้ากลางให้ แลมพาร์ด ที่วิ่งเติมขึ้นมาล้มตัวยิงด้วยขวาหน้าประตู แต่บอลกลับเหินข้ามคานออกหลังไปไกลชนิดผิดหวังไปตาม ๆ กัน
นาทีที่ 75 รูนีย์ มีโอกาสซัดเน้น ๆ เป็นครั้งแรก แต่ โมร่า ก็พุ่งเซฟไว้ได้ติดมืออย่างสุดสวย
นาทีที่ 77 อังกฤษ ถอด โจ โคล ออก และส่งตัวสำรอง เจมี่ คาราเกอร์ ลงมาแทน
นาทีที่ 87 อังกฤษ ตัดสินใจพัก เบคแฮม ที่มอบปลอกแขนกัปตันทีมให้ จอห์น เทอร์รี่ ก่อนส่ง แอรอน เลนนอน ลงมาแทน นาทีที่ 92 อังกฤษเปลี่ยนตัวสำรองคนสุดท้าย โดยถอดเอา สตีเฟน เจอร์ราร์ด ออก และส่ง สจ๊วต ดาวน์นิ่ง ลงมาแทน
จากนั้นเกมเริ่มผ่อนลง จนหมด 90 นาที อังกฤษ เฉือนชนะ เอกวาดอร์ ไป 1-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้สำเร็จ.
<b>รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม</b>
<b>อังกฤษ</b> : พอล โรบินสัน , โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , จอห์น เทอร์รี่ , แอชลี่ย์ โคล , เดวิด เบ็คแฮม , ไมเคิล คาร์ริค , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , โจ โคล , สตีเว่น เจอร์ราร์ด , เวย์น รูนี่ย์
<b>เอกวาดอร์</b> : คริสเตียน โมร่า , อูลิเซส เด ลา ครูซ , อีวาน อูร์ตาโด้ , โจวานนี่ เอสปิโน่ซ่า , เนเซร์ เรอาสโก้ , เอดิสัน เมนเดซ , เอ็ดวิน เตโนริโอ , เซกุนโด้ กัสติโย่ , หลุยส์ วาเลนเซีย , อกุสติน เดลกาโด้ , คาร์ลอส เตโนริโอ
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์