ใบหน้าที่กระชับเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย แถมคางยังคม คอระหง คือสุดยอดปรารถนาของคนที่รักสวยรักงาม แต่จะพึ่งเทคนิคทางการแพทย์อย่างไรให้มั่นใจได้ว่าจะไม่เสี่ยงต่ออันตรายหรือมีเอฟเฟกต์อะไรตามมา “รมย์รวินท์คลินิก” ศูนย์ผิวพรรณและเลเซอร์ความงาม จึงเชิญ ดร.ฟิลิป เลวี แพทย์ผิวหนังชื่อดังชาวแคนาดา ที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับการคิดค้นเทคนิคใหม่ในการฉีดโบท็อกซ์ที่ชื่อว่า “เนเฟอร์ติติ ลิฟท์” มาไขความลับการมีคางคม คอระหง ตามอย่างพระนางเนเฟอร์ติติ แห่งอียิปต์ ณ รมย์รวินท์ คลินิก สาขาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม
ดร.ฟิลิป ซึ่งมีประสบการณ์การฉีดโบท็อกซ์มาถึง 14 ปี เผยว่า คนเราเมื่ออายุมากขึ้น ประกอบกับแรงโน้มถ่วงของโลก จึงทำให้ประสบกับปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย คางยาน ตนจึงได้คิดค้นการฉีดโบท็อกซ์แบบใหม่ “เนเฟอร์ติติ ลิฟท์” เพื่อช่วยให้ผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณคาง ใต้คาง และเหนียงคอกระชับขึ้น โดยไม่ต้องทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า โดยใช้สาร “โบท็อกซ์” ซึ่งเป็นชื่อทางการ ค้าของสาร “โบทูลินั่ม ท็อกซิน” ชนิด A โดยเทคนิคใหม่ นี้ได้ตั้งชื่อตามพระนามของพระนาง “เนเฟอร์ติติ” ราชินี ผู้เลอโฉมแห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือถึงความงามของใบหน้าที่ได้สัดส่วน จนมีคนยกย่องให้ พระนางเนเฟอร์ติติเป็นหญิงที่มีโครงหน้าสวยสมบูรณ์แบบและยังมีลำคอยาวระหงอีกด้วย ทั้งนี้ การฉีด “โบท็อกซ์” มีความต่างจากการทำ “เนเฟอร์ติติ ลิฟท์” ตรงที่การฉีดโบท็อกซ์ส่วนใหญ่จะฉีดบริเวณหัวคิ้วและหางตา เพื่อคลาย กล้ามเนื้อส่วนที่ฉีด ทำให้คิ้วหายขมวด หางตาไร้ริ้วรอย ส่วนการทำ “เนเฟอร์ติติ ลิฟท์” เป็นการฉีดเพื่อยกกระชับส่วนที่หย่อนคล้อยให้กระชับเห็นโครงหน้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ด้าน พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโรคผิวหนัง แนะวิธีการฉีดโบท็อกซ์ให้ปลอดภัยว่า ก่อนฉีดสารโบท็อกซ์เข้าสู่ร่างกาย ผู้สนใจควรหาความรู้อย่างละเอียดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกใช้บริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ ยังต้องมั่นใจว่าสารที่ฉีดเข้าไปเป็นของแท้ มีการวิจัยคิดค้นอย่างต่อเนื่องและ ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. และหลังการฉีดควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของ แพทย์ เพื่อป้องกันการไหลของสารโบท็อกซ์ไปยังบริเวณใกล้เคียง อาทิ หลีกเลี่ยงการนวดคลึงบริเวณที่ฉีดประมาณ 7-10 วัน แต่ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับปริมาณการฉีดและความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วย.
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์