กรณีที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยแกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คน และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ พร้อมด้วยนายสมชาย แสวงการณ์ ส.ว.สรรหาภาควิชาชีพ มายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ขอให้ดำเนินคดีอาญาต่อคณะรัฐมนตรี อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เจ้ากรมแผนที่ทหาร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่ ครม.ได้มีมติ 17 มิ.ย. 2551 ให้ความเห็นชอบกับคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา กรณีปราสาทพระวิหาร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่าคำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ ทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมและประเทศอย่างกว้างขวางอีกด้วย ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 นั้น
วันนี้ (15 ก.ค.) นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า กรรมการป.ป.ช. ได้มีมติรับคำร้องทั้ง 2 กรณีข้างต้นไว้ดำเนินการ และมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำไปรวมประมวลรายละเอียดข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาโดยด่วนอีกครั้งหนึ่ง
นายวิชา ยังชี้แจงกรณีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์สถานะของกรรมการ ป.ป.ช.ไม่มีสิทธิถอดถอนคณะรัฐมนตรี ว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีหนังสือลงวันที่ 20 ธ.ค. 2549 แจ้งว่า ได้ขอให้สำนักเลขาธิการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว ได้รับแจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ได้มีประกาศฉบับที่ 19 แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ย่อมถือได้ว่ามีผลสมบูรณ์บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย เนื่องจากขณะนั้น คปค.มีฐานะเป็น “รัฎฐานิปัตย์” มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว ประกาศ หรือคำสั่งของคณะปฏิรูปต่างๆ ย่อมมีผลบังคับใช้ได้โดยชอบ
นายวิชา กล่าวต่อว่า ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 มาตรา 299 ได้บัญญัติให้กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ คงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดวาระ โดยให้เริ่มนับวาระตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ดังนั้น จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนความพยายามของ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. นั้น นายวิชา กล่าวว่า เป็นสิทธิที่ทำได้ ป.ป.ช. ไม่รู้สึกหวั่นไหวและจะทำหน้าที่ต่อไป เพราะถือว่าเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ส่วนเหตุผลที่ยื่นถอดถอน ป.ป.ช. จะสมเหตุสมผลหรือไม่นั้น ประธานวุฒสภาจะเป็นผู้พิจารณาเอง ป.ป.ช.จะไม่ก้าวก่ายในเรื่องนี้
นายวิชา กล่าวต่อว่า ส่วนจะเป็นการลดความน่าเชื่อถือการทำงานของ ป.ป.ช. หรือไม่นั้น อยู่ที่ประชาชนจะพิจารณา ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะการทำงานที่ผ่านมา ป.ป.ช.คำนึงถึงประชาชน 14 ล้านเสียงที่สนับสนุนรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นหลัก
“ภาษิตโบราณ การดิ้นรนเป็นอาการของเด็กๆ ซึ่งคงมีผลกระทบมากเลยรู้สึกเดือดร้อน ที่รู้สึกบีบคั้นทำให้ต้องดิ้นรนพอสมควร คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนไม่รู้สึกกังวล กับการทำหน้าที่ แต่กลับทำให้ ป.ป.ช. มีความเข้มแข็ง ถือหลัก เหล็กดีต้องผ่านไฟ เพราะทราบดีกว่าตำแหน่ง ป.ป.ช.เป็นตำแหน่งร้อน และถ้าไม่มีเรื่องนี้อาจจะลาออกไปแล้ว” นายวิชา กล่าวในที่สุด
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์