วันนี้ (22 มิ.ย.) นายสมชาย ชุ่มรัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการพังทลายของตลิ่งริมแม่น้ำโขงในหลายพื้นที่ อาทิ จ.เชียงราย เลย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี โดยยอมรับว่าจากการสำรวจของกรมโยธาธิการฯ พบว่า ไทยสูญเสียแผ่นดินริมตลิ่งแม่น้ำโขงจากปัญหาการพังทลายปีละไม่ต่ำกว่า 280 ไร่ หลายพื้นที่ตั้งแต่ จ.เชียงราย จนถึงอำนาจเจริญ แม่น้ำโขงได้กัดเซาะเข้ามาถึงชุมชน ทำให้บ้านหลายหลัง โรงเรียน สถานีอนามัย ต้องขยับย้ายเลื่อนขึ้นมาให้ไกลตลิ่ง ตรงนี้ถือเป็นปัญหาที่เราไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
นายสมชาย กล่าวว่า ทางกรมฯกำลังของบประมาณปี 2552 จากงบกลาง เพื่อนำมาสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแล้ว โดยมีพื้นที่ที่ต้องสร้างเร่งด่วนประมาณ 124 กิโลเมตร คิดเป็นเงินประมาณ 8 พันล้านบาท หากได้รับงบประมาณจำนวนนี้มา ก็คาดการสร้างเขื่อนจะเสร็จภายในปี 2553 สิ่งที่น่ากังวลใจคือ การที่ร่องน้ำลึกของแม่น้ำโขงเปลี่ยนไป จะทำให้แนวเขตประเทศที่กำหนดไว้โดยสนธิสัญญาเปลี่ยนไปด้วย ทำให้ไทยเสียดินแดนมากขึ้น
ส่วนสาเหตุการพังทลายของตลิ่งแม่น้ำโขงนั้น อธิบดีกรมโยธาฯ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากธรรมชาติ ซึ่งไทยจะได้รับผลกระทบมากกว่าลาว เพราะเส้นทางเดินของน้ำจะพุ่งเข้าหาฝั่งไทยในลักษณะคุ้งน้ำมากกว่า นอกจากนี้ การสร้างเขื่อนและระเบิดแก่งหินเพื่อรองรับการเดินเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ของจีน ก็ทำให้ปัญหาตลิ่งพังรุนแรงขึ้น
ด้านนายจิรพล สินธุนาวา อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การที่ในแม่น้ำโขงมีเรือดูดหินดูดทรายของผู้ประกอบการไทยและลาวอยู่เป็นจำนวนมาก ก็ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการพังทลายของตลิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจุบันหินและทรายในแม่น้ำโขงเริ่มมีปริมาณน้อยลง เพราะจีนสร้างเขื่อนกักไว้ ดังนั้น หากมีการดูดหินและทรายขึ้นมาใช้จำนวนมาก การพังทลายของตลิ่งเพื่อไปถมทดแทนจะมีมากขึ้นตามไปด้วย
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์