“เลี้ยบ”รองนายกฯ-คลังเฉลิมนั่งเก้าอี้ มท.1 แน่ฟันประชัยพ้นมัชฌิมา
“เลี้ยบ” ส่อแววอ่วม ลุ้นนั่งรองนายกฯ ควบ รมว.คลัง ประสานเสียง “มิ่งขวัญ” รองนายกฯ ควบคมนาคม พปช.ยันโผลงตัว เผย “สมัคร” ส่งให้เลขาธิการ ครม.ตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่ รมต.แล้ว คาดใช้เวลา 1-2 วันก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เลขาพปช.รับโผเปลี่ยนแปลงตลอด แต่ตอนนี้ถือเป็นที่ยุติ นัด 1 ก.พ.ประชุมพรรคร่วมหารือนโยบายรัฐบาล พปช.ยืนยันคุณสมบัติ “สมัคร”ครบถ้วนไม่ติดเงื่อนไขเคยเป็น ส.ว.ตกสวรรค์ “สมัคร” แวบออกจากบ้านตั้งแต่เช้าหารือโผนัดสุดท้าย นายกฯจีนส่งสารแสดงความยินดี “เด็กบิ๊กจิ๋ว” หอบดอกไม้อวยพรนายกฯ ใหม่ ปชป. เดินหน้าตั้ง ครม.เงาประกบทันที “หมอประเวศ” แนะแนวทางพิชิต “มหาวิกฤติประเทศ” ให้ได้ ชี้ประชานิยมจ๋าไม่ได้ผล เอแบคโพลเผยประชา ชนหวั่นใจอายุรัฐบาลอยู่ไม่นาน มติ กกต.ฟัน “ประชัย” พ้นหัวหน้ามฌ.มีผลตั้งแต่ 4 ธ.ค. 50 ชี้เหตุจากยื่นหนังสือลาออกแล้ว “เจ๊เป้า” นัด 17 ก.พ. ประชุมเลือกหน.คนใหม่ “สมชัย” ให้กำลังใจ “บิ๊กบัง” ส่วน “แก้วสรร” ไม่หวั่นใจคมช.ฝ่อ “บิ๊กแอ้ด” อำลาขรก.ทำเนียบ
“สมัคร” แวบหารือโผ ครม.
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า ภายหลังจากที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องโผการจัดตั้งครม. “สมัคร 1”นั้นปรากฏว่านายสมัครได้หลบผู้สื่อข่าวออกจากบ้านพักในหมู่บ้านโอฬารพัฒนา 2 ตั้งแต่เช้ามืดไปกับคนสนิทเพียงลำพัง โดยไม่มีชุด รปภ.คอยติดตามแต่อย่างใด โดยนายสมัครได้บอกกับทีมรปภ.ว่า ขอส่วนตัวไม่ให้ติดตาม ทั้งนี้คาดว่านายสมัครได้ไปหารือเรื่องการจัดทำโผ ครม.กับคนใกล้ชิดและแกนนำระดับสูงของพรรคพลังประชาชน ก่อนที่จะมอบหมายให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชนออกมาแถลงความชัดเจนต่อสื่อมวลชนในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
ตลอดทั้งวันยังคงมีกลุ่มผู้สื่อข่าวปักหลักเฝ้าสังเกตการณ์อยู่จำนวนมาก และมีคนรู้จักและบุคคลที่เคารพนับถือนำกระเช้าดอกไม้มาแสดงความยินดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนายจาง จิ่วหวน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นำสารแสดงความยินดีจากนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนร่วมแสดงความยินดี นอกจากนี้ ผู้แทนจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯได้นำกระเช้าดอกไม้เข้าอวยพรด้วย
ส่วนเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้มาปรับปรุงซ่อมแซมไฟส่องสว่างตามทางในหมู่บ้าน อีกทั้งเจ้าหน้าที่การประปานครหลวงและองค์การโทรศัพท์ได้มาดูแลระบบท่อประปาและระบบโทรศัพท์สาธารณะภายในหมู่บ้านให้เกิดความเรียบร้อยด้วยเช่นกัน ทั้งนี้นายสมัครเดินทาง กลับเข้าบ้านพักในเวลา 15.00 น. พร้อมกับนายธีรพล นพรัมภา ว่าที่เลขาธิการนายกฯ และนายสหัส บัณฑิตกุล หนึ่งในผู้มีชื่อเป็น รมช. คมนาคม
พปช. แถลงจัดครม.ลงตัว
ที่ทำการพรรคพลังประชาชน เวลา 14.00 น. นพ.สุรพงษ์ แถลงข่าวร่วมกับ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา หลังนายประดิษฐ์เดินทางมายังที่ทำการพรรคพลังประชาชนเพื่อยื่นรายชื่อรัฐมนตรีในกระทรวงที่เป็นโควตาของพรรครวมใจไทยฯ เพื่อส่งให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดย นพ.สุรพงษ์ แถลงว่า นายกฯได้รวบรวมรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมทั้งของพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลเสร็จเรียบร้อยแล้วและได้เชิญเลขาธิการครม.มาพบ เพื่อให้นำรายชื่อไปตรวจสอบคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญให้เรียบร้อยอีกครั้ง คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน หลังจากนั้นจะได้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
นพ.สุรพงษ์ กล่าวต่อว่า โผต่าง ๆตลอด 2 สัปดาห์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้ในวันที่ 31 ม.ค.ที่ปรากฏเป็นโผมีหลายตำแหน่ง ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ตนมีอยู่แต่รายชื่อ ครม. ที่ส่งให้เลขาธิการ ครม.ถือเป็นข้อสรุปแล้วแต่ผู้ที่รับผิดชอบไม่ควรเปิดเผย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 1 ก.พ. เวลา 10.00 น. จะมีการประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่จะมาร่วมร่างนโยบายการบริหารประเทศที่โรงแรมสุโขทัย ส่วนกรณีที่อดีต ส.ส.ร.บางส่วนออกมาระบุว่านายสมัครอาจขาดคุณสมบัติการเป็นนายกฯ นั้น ตนเห็นว่านายสมัครและผู้ที่มีรายชื่อใน ครม.ได้ผ่านการตรวจ สอบคุณสมบัติเบื้องต้นแล้วซึ่งครบถ้วนทุกประการไม่มีปัญหา
“เลี้ยบ” อ่วมส่อควบรองนายกฯ
สำหรับความเคลื่อนไหว การจัดครม. นั้น รายงานข่าวแจ้งว่า นายสมัคร ได้นัดนพ.สุรพงษ์ เข้าหารือ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อสรุปรายชื่อครม. เป็นครั้งสุดท้าย โดยมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะนำส่งสำนักงานเลขาธิการครม. เพื่อนำไปตรวจสอบคุณสมบัติ ทั้งนี้ คาดว่าโผครม.หลังการปรับแก้ไขแล้ว น่าจะเป็นไปดังนี้คือ รองนายกฯ 6 คน ประกอบด้วย 1.นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่จะรับตำแหน่งรองนายกฯควบรมว.คลัง 2.นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯ ควบ รมว.พาณิชย์ สลับกับ นายสันติ พร้อมพัฒน์ ที่จะมาเป็น รมว.คมนาคม 3.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯควบรมว.ศึกษาธิการ 4.นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกฯ ควบรมว. อุตสาหกรรม 5.พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และนายสหัส บัณฑิตกุล
ส่วนกระทรวงกลาโหมยังคงเป็นนายสมัครที่จะควบตำแหน่งนี้ และมีพล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ เป็นที่ปรึกษานายกฯฝ่ายความมั่นคง แต่มีแนวโน้มว่านายสมัครจะควบ รมว.กลา โหม ในระยะหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นคาดว่าจะมีการปรับให้พล.อ.เรืองโรจน์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน สำหรับกระทรวงมหาดไทย คาดว่า ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง จะเป็นรมว.มหาดไทย มีนายสุพล ฟองงาม ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน และนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็น รมช.มหาดไทย ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ คาดว่า นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำ นปก. จะมารับตำแหน่งเพื่อดูแลงานในด้านสื่อ และนายสุขุมพงษ์ โง่นคำ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน เพื่อดูแลงานด้านกฎหมายและกฤษฎีกา
“ป้าอุ” โผล่ลุ้นดูแลจับกัง
ขณะที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นรมว.เกษตรฯ มีนาย กมล จิระพันธุ์วณิช ส.ส.ลพบุรี พรรคชาติไทย และนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน เป็นรมช.เกษตรฯ, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย จะเป็น รมว. การท่องเที่ยวฯ คาดว่านายสุธา ชันแสง ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคพลังประชาชนจะมารับตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน คาดว่าจะรับตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ส่วนกระทรวงแรงงาน คาดว่านางอุไรวรรณ เทียนทอง ภริยานายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะตัดสินใจมารับตำแหน่งรมว.แรงงาน ส่วนนายมั่น พัธโนทัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน คาดว่าจะเป็นรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, นายวุฒิพงษ์ ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชาชน น่าจะเป็น รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนนายอนุรักษ์ จุรีมาศ น่าจะเป็นรมช.คมนาคม
พ่ออนุทินได้นั่งเก้าอี้รมช.
ส่วนกระทรวงพลังงาน หลังการต่อรองอย่างหนักระหว่างพรรคพลังประชาชนและพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมาปรากฏว่านายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาสามารถดึงกลับไปดูแลได้ โดยคาดว่าพล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ ภรรยานายสุวัจน์ จะเป็นรมว.พลังงาน ด้านกระทรวงการต่างประเทศ คาดว่านายนพดลปัทมะ จะได้เป็น รมว.ต่างประเทศ และมีความเป็นไปได้ว่านายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดานาย อนุทิน ชาญวีรกูล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จะมารับตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข โดยคาดว่า นายไชยา สะสมทรัพย์ จะเป็น รมว. สาธารณสุข
นอกจากนี้ยังมีรายชื่อของส.ส.ตามภาคต่าง ๆ ที่ได้รับการพิจารณาเข้ามาเป็นรมช. ตามโควตาส.ส.เขต เนื่องจากตำแหน่งรมว. ถูกกำหนดให้เป็นของแกนนำสำคัญของพรรคที่กระจายลงสมัครส.ส.สัดส่วน และเป็นโควตากลาง ซึ่งประกอบด้วย 1.นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน และกลุ่มทุนพรรคพลังประชาชน คาดว่า จะเป็นรมช.พาณิชย์ นายพงศกร อรรณนพพร อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย ที่ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ เป็นรมช.ศึกษาธิการ ในโควตานายเนวิน ชิดชอบ คู่กับนายบุญลือ ประเสริฐโสภา ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชาชน ในโควตานายสรอรรถ กลิ่นประทุม และนาย อนุสรณ์ วงศ์วรรณ น่าจะได้นั่งรมว.วัฒนธรรม
“ประชา” ฮึ่ม!ขู่คว่ำรมต.สีเทา
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปรา การ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่ จะต้องไม่มีสีเทา หากมีข้อมูลว่าเกิดความไม่โปร่งใสไม่ว่ารัฐมนตรีรายนั้นจะเป็นใครและมาจากพรรคการเมืองใด ตนจะตรวจสอบในสภาอย่างไม่ไว้หน้า โดยถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ 2550 มติพรรคจะมาบังคับไม่ได้ แม้ว่าใน จ.สมุทรปราการ จะชนะการเลือกตั้งยกจังหวัดมี ส.ส. 7 คน แต่พวกตนก็เป็นเด็กดี ไม่เรียกร้องตำแหน่ง เพราะถือว่าประชาชนเลือกให้มาเป็นส.ส.ไม่ใช่รมต.
นายประพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส. สัดส่วน กลุ่มว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี หัวหน้ากลุ่มโคราช กล่าวว่า ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี มีความรู้ ความสามารถเพียงพอที่จะบริหารงานในเก้าอี้ รมช.คลังได้คนที่จะมานั่งกระทรวงนี้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะด้านการเงินเพียงอย่างเดียว เพราะสามารถที่จะหาทีมงานมาให้คำปรึกษาได้ จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะทำงานไม่เป็น หลังจากนี้ทางกลุ่มก็จะเดินหน้าทำหน้าที่ ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดินต่อไปไม่มีปัญหาเพียงแต่บางครั้งก็ต้องแสดงออกให้เขารับรู้ว่าเรา ต้องการจะทำงานตรงไหนบ้างเมื่อคุยกันจบ ทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
พปช.ยืนยันคุณสมบัติ “หมัก”
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายคมสัน โพธิ์คง อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ออกมาระบุว่านายสมัครขาดคุณสมบัติเป็นนายกฯ ตามมาตรา 174 (6) เพราะเคยเป็นอดีต ส.ว.ปี 49 แม้ตอนหลังจะโมฆะไปหลังเกิดรัฐประหารแต่รัฐธรรมนูญ 2540 ได้นับสถานภาพตั้งแต่วันเลือกตั้งว่า ยืนยันว่านายสมัครไม่ขาดคุณสมบัติเพราะมีบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ระบุชัดเจนว่าข้อห้ามดังกล่าวตามที่นายคมสันกล่าวอ้างนั้นมิให้นำมาใช้บังคับกับส.ว.ชุดปี 49 และบทเฉพาะกาลก็บังคับใช้ครอบคลุมทั้งรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และรัฐบาลนายสมัคร ทั้งนี้การพิจารณาคุณสมบัติต้องดูหลายมาตราประกอบกันทั้งมาตรา 174, 296 และ 306
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส.ส.ร.บางคนเคยออกมาแสดงความเห็นทำนองนี้มาโดยตลอดที่ผ่านมาก็บอกว่านายสมัคร เคยต้องคำพิพากษาในคดีหมิ่นประมาท ทำให้ขาดคุณสมบัติ แต่ในที่สุดเลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ก็บอกว่าไม่ขัดแม้จะมีใครยื่นตีความก็ไม่เป็นไรเพราะพรรคพลังประชาชนมั่นใจ ว่านายสมัครไม่ขาดคุณสมบัติเพราะได้ดูกฎหมายทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว
“มีชัย” ดีใจนิติฯมธ.รุ่น1ได้ดี
ที่ห้องรับรอง รัฐสภา 2 เวลา 13.00 น. ผู้บริหารระดับสูงของรัฐสภา นำโดย นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการวุฒิสภา เข้าอวยพรนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เนื่องในโอกาสครบวันเกิด 69 ปี หลังการอวยพรนายมีชัย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการมองว่านายสมัคร ขาดคุณสมบัติของการเป็นนายกฯ เพราะเคยเป็น ส.ว.มาก่อนว่า ตนมองเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจวินิจฉัย เราเป็นคนนอก ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง สนช. อย่าไปยุ่งกับ ส.ส.
เมื่อถามว่าได้คุยกับนายสมัครในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ รุ่น 1 หลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯหรือยัง นายมีชัย กล่าวว่า ไม่ได้คุย แต่ดีใจที่นิติศาสตร์รุ่นเดียวกันได้เป็นนายกฯ คนที่ 2 เมื่อถามว่าลักษณะของนายสมัครจะทำให้มีปัญหาในการทำงานหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า นายสมัครเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเปลี่ยน เป็นรูปแบบหนึ่ง ที่สร้างจนคนชอบและเลือกเข้ามาด้วยคะแนนท่วมท้น แสดงว่าสื่อกับประชาชนได้
เผยก.ม.7 ชั่วโคตรยังไม่ใช้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชาชน กังวลว่าร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนตัว หรือที่เรียกว่ากฎหมายเอาผิด 7 ชั่วโคตร จะส่งผลกระทบต่อการตั้งรัฐบาล นายมีชัยกล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้ยังไม่ได้ประกาศใช้เป็นกฎหมาย เนื่องจากมี สนช. เข้าชื่อเสนอศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ เพราะเนื้อหาของกฎหมายมีความเกี่ยวโยงกับเครือญาติที่ไปไกลมาก ไม่รู้ว่าคนที่เป็นญาติของตนเองไปทำอะไรไว้ที่ไหนหรือไม่รู้ว่าญาติอยู่ตรงไหนบ้าง จะทำอะไรต้องระมัดระวัง กฎหมายนี้ไม่หยุมหยิม แต่ไปสร้างเงื่อนไขให้ไปเชื่อมโยงคนหมู่มาก ดังนั้นอะไรที่ตึงหรือหย่อนเกินไปก็มีพิษมีภัยต้องดูด้วยความเหมาะสม
เมื่อถามว่า กฎหมาย ป.ป.ช. ครอบคลุมเรื่องฮั้วกันของญาติพี่น้องหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า กฎหมาย ป.ป.ช.ครอบคลุมเฉพาะสามี ภรรยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่กฎ หมาย 7 ชั่วโคตรนี้รวมไปหมด ทั้งภรรยาที่จดหรือไม่จดทะเบียน เช่น หากมีญาติบางคนไปอ้างว่ามีญาติเป็นรมต. จะทำให้ รมต.คนนั้นจะเข้าข่ายผิดกฎหมายนี้ทันที
เลขาครม.เช็กการถือหุ้น
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ให้ สัมภาษณ์ถึงสถานภาพของนายสมัคร ในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่อาจขัดกับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายสมัครเคยดำรงตำแหน่ง ส.ว. เมื่อปี 2549 ว่า ในเบื้องต้นกกต.ได้ตรวจสอบคุณ สมบัตินายสมัครแล้ว เมื่อตอนสมัครลงเลือกตั้ง ส.ส. และนายสมัครผ่านการตรวจคุณสมบัติ และสามารถลงเลือกตั้ง ส.ส. ได้ โดยไม่มีบุคคลใดทักท้วง ดังนั้นถือได้ว่านายสมัครไม่มีปัญหา ส่วนความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 ก็ไม่มีปัญหา แต่หากมีผู้ข้อโต้แย้งเพิ่มเติมเข้ามายัง กกต. ก็พร้อมพิจารณาแต่อยู่ ๆ จะให้ กกต. ไปรื้อค้นมาตรวจสอบเองคงไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ยังสับสนอยู่ว่า ส.ว. ปี 2549 สามารถลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ได้หรือไม่นั้น กกต. ได้มีมติ ไปว่า ส.ว. ปี 2549 มีบทเฉพาะกาลยกเว้นไว้ให้
ขณะที่นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการครม. ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบคุณสมบัติครม. ชุดใหม่ว่า สำนักเลขาธิการครม. ได้ส่งแบบฟอร์มและเอกสารที่ต้องใช้ในการตรวจสอบคุณสมบัติให้กับผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรมต. เรียบร้อยแล้ว ส่วนการจะตรวจสอบช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับว่าเอกสารครบถ้วนหรือไม่ ทั้งนี้สำนักเลขาธิการครม.จะตรวจสอบไปถึงเรื่องการถือครองหุ้นของ รมต. ด้วย เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นเหมือนกับรมต.ชุดที่ผ่านมาโดยจะต้องตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
“ประเวศ” แนะแนวทางให้รัฐบาล
ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ศ.นพ. ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวถึงรัฐบาลชุดใหม่ว่า ประชาชนคาดหวังอยากได้รัฐบาลใหม่ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ ความสามารถมาบริหารประเทศ เพื่อวางนโยบายประเทศให้ก้าวไปในทิศทางถูกต้อง เพราะบ้านเมืองกำลังประสบ “มหาวิกฤติประเทศ” ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงความล้มเหลวของกลไกรัฐ รัฐบาลอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องของการ แบ่งปันผลประโยชน์กัน ที่ผ่านมาได้เคยบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปแล้วว่าการใช้อำนาจอย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ ดังนั้นอยากให้ประชาชนทั้งประเทศ ให้กำลังใจรัฐบาลชุดใหม่ให้บริหารประเทศประสบความสำเร็จ
ศ.นพ.ประเวศ เสนอรัฐบาลใหม่ว่า ในการประชุม ครม.บางครั้งควรดึงสภาชุมชนซึ่งประกอบด้วยผู้นำชุมชนในแต่ละชุมชน ทุกภาคส่วน ร่วมประชุมด้วยเพื่อร่วมกันกำหนดนโยบายประเทศและหาทางออกร่วมกัน เพราะเป็นวิกฤติใหญ่ที่ยังไม่มีรัฐบาลใดแก้ไขได้ แม้แต่ พ.ต.ท. ทักษิณที่เป็นคนเก่งก็ยังนำพาประเทศให้ออกจากวิกฤติปัญหาไม่ได้ โดยเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาเป็นอันดับต้น ๆ คือปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ชี้ประชานิยมจ๋าไม่ได้ผล
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลชุดใหม่เตรียมฟื้นนโยบายประชานิยมว่า นโยบายประชานิยมที่รัฐบาลชุดก่อนเคยทำมา นั้นส่วนหนึ่งได้ช่วยเหลือประชาชนที่กำลังยากลำบากเพราะเมื่อมีใครนำอะไรมาให้ก็ชอบแต่นโยบายดังกล่าวแก้ปัญหาจริงไม่ได้ การแก้ปัญหาจะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ส่งเสริมให้เกิดการรวมตัวกัน เพื่อร่วมกันคิดร่วมกันทำร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้หลุดจากความยากจนอย่างถาวร ดังนั้นหากรัฐบาลชุดใหม่จะฟื้นประชานิยมก็ขอให้ทำพอสมควรควบคู่กับการแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดความยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวถามมีเรื่องใดที่อยากแนะนำ นายสมัคร ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า ตนคงไม่มีอะไรจะแนะนำ เพราะท่านเป็นคนเก่ง ฉลาด รู้ดี และรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำและหากต้องการให้ตนช่วยเหลืออะไรก็ยินดีแต่คงไม่ขอรับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักการประนีประนอม เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งหมด ดังนั้นอย่าแบ่งแยกคน โดยไม่พูดอะไรที่เป็นการแบ่งแยกเพราะหากมัวแต่ทะเลาะกันจะแก้ปัญหาชาติไม่ได้ นอกจากนี้หน้าที่ของผู้นำที่ดีไม่ใช่เรื่องของการบริหารเพียงอย่างเดียวแต่จะต้องนำพาประเทศชาติไปในทิศทางที่ถูกต้อง
โพลเผยหวั่นใจอายุรัฐบาล
นายนพดล กรรณิกา ผอ.ศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แถลงผลสำรวจเรื่องความเชื่อมั่นของประชาชนต่อนายสมัคร ในการแก้ไขประเด็นปัญหาสำคัญของประเทศและ ลักษณะของ รมต.ที่พึงประสงค์ ในสายตาของประชาชน โดยสำรวจผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีภูมิลำเนาใน 27 จังหวัด 3,506 คน ระหว่างวันที่ 20-30 ม.ค. พบว่าประชาชนร้อยละ 82.1 ต้องการเห็นในคุณลักษณะของรมต.ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 71.7 ต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถ ร้อยละ 69.5 ต้องการคนที่รวดเร็วฉับไวในการแก้ปัญหาประชาชน ร้อยละ 64.6 ต้องการคนกล้าตัดสินใจ ร้อยละ 61.4 ต้องการคนกล้ารับผิดชอบ ร้อยละ 45.3 ต้องการคนที่ไม่ข่มขู่ใคร ร้อยละ 42.2 ต้องการคนที่อดทนอดกลั้น
นายนพดล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อนายสมัคร นายกฯคนใหม่ในการแก้ไขปัญหาของประเทศพบว่าประชาชนไม่ค่อยเชื่อมั่นเรื่องความรักความสามัคคีของคนในชาติ การแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ นอกจากนี้ยังพบว่า ประชาชนร้อยละ 48 ต้องการให้พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลทำงานนาน 3 ปี เพราะเชื่อว่าจะแก้ปัญหาประชาชนได้และมีอุดมการณ์เหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาล ขณะนี้ประกอบด้วยหลายพรรคการเมืองทำให้ประชาชนร้อยละ 58.5 เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ถึง 1-2 ปี เพราะจะเกิดความแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พรรคการเมืองบางพรรคอาจถูกยุบ เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เกิดการชุมนุมประท้วงและอาจเกิดการปฏิวัติ
ปชป.สัมมนายกเครื่องใหม่
ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พัทยา จ.ชลบุรี เวลา 09.30 น. พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการสัมมนา ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กล่าวเปิดสัมมนาหัวข้อ “พรรคคุณภาพ ส.ส. คุณภาพ” ตอนหนึ่งว่า ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่ชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาและเราไม่ชนะการเลือกตั้งตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2535 แม้เราจะได้เป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้ที่นั่งมากที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก และจากประวัติศาสตร์การต่อสู้ของพรรคที่เราเหนื่อยยากลำบาก ทำให้เราทราบว่าคะแนนที่เราได้มานั้นยากกว่าของคู่แข่งมากแค่ไหน โดยแต่ละคนต้องแลกด้วยความอดทนและความแน่วแน่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ถ้าพูดถึงการเมืองที่มี 2 พรรคใหญ่ แล้วถ้าเราอยากชนะได้เป็นรัฐบาล ต้องได้ 240 ที่นั่งซึ่งเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ตนเชื่อว่าเรามีโอกาสทำได้ เพราะจากการที่เราทำงานหนักและขณะนี้มีสัญญาณที่ดีหลายอย่างนอกเหนือจากตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วก็ยังมีความเปลี่ยนแปลงหลายด้าน เช่น คนรุ่นใหม่และนักธุรกิจเริ่มให้ความสนใจเรามากกว่าพรรคอื่น ๆ ซึ่งน่าจะทำให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองร่วมกับเรา เป็นฐานเสียงซึ่งตนคิดว่าจะเป็นกุญแจสำคัญให้เราก้าวเดินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
“มาร์ค” เสนอตั้งครม.เงาประกบ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนขอเสนอ 2 เรื่อง คือ 1.การทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายตรวจสอบ เราต้องตั้งคณะรัฐมนตรีเงาขึ้นมาที่ต้องมีการประชุมทุกสัปดาห์และคนที่เป็นคณะรัฐมนตรีเงาต้องไม่เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ซึ่ง ครม.เงาต้องนำวาระ ครม.มาดูและมีการแสดงออกต่อสาธารณะว่าถ้าเราเป็นรัฐบาลเราคิดอะไรบ้างที่แตกต่างและดีกว่าอย่างไร รวมถึงทุกคนต้องติดตามเกาะติดการทำงานของรัฐมนตรีและให้ถือเป็นโฆษกในงานนั้น ๆ ด้วย ซึ่งถ้าครม.จริงชุดนี้ตั้งเสร็จภายใน 1-2 วัน พรรคจะเริ่มทำงานครม.เงาในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราได้เป็นรัฐบาลแล้วคนที่เป็นครม.เงาจะต้องได้เป็นรมต. แต่ถ้าใครในครม.เงาทำงานไม่ดี ตนก็ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า 2.การปรับปรุงโครงสร้างพรรค เพราะเรามีปัญหาหลายเรื่องเริ่มจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เช่น สาขาพรรคที่ขณะนี้เขตเลือกตั้งเดียวมีหลายสาขา ปัญหาจำนวนสมาชิกพรรคที่ตามกฎหมายนับจำนวน สมาชิกพรรคที่จ่ายเงินค่าสมาชิกรายปี รวมถึงการรื้อฟื้นโครงการยุวประชาธิปัตย์ การใช้เทคโน โลยีสารสนเทศ การมีกลุ่มต่าง ๆ ที่ให้คำปรึกษา และการระดมทุนของพรรค ดังนั้นการปรับโครงสร้างพรรคจึงต้องได้ข้อยุติภายใน 1-2 เดือนเพราะศึกภายนอกเป็นเป้าหมายใหญ่
มติกกต.”ประชัย” พ้นหน.มฌ.
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวภายหลังการประชุมกกต.ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่า นายประชัย เลี่ยว ไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค นับตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 50 ที่นายประชัย ได้ยื่นหนังสือลาออกต่อนายธนพร ศรียากูล รองหัวหน้าพรรค ในฐานะนายทะเบียน พรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งเมื่อความเป็นสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง ก็ส่งผลให้สถานภาพการเป็นหัวหน้าพรรคของนายประชัย สิ้นสุดลงไปด้วย
เมื่อถามว่า หากการลาออกของนายประชัย มีผลเมื่อ 4 ธ.ค.ก่อนการเลือกตั้ง การหาเสียงในฐานะหัวหน้าพรรคของนายประชัยเข้าข่ายหลอกลวงให้เกิดความเข้าใจผิดหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นการตอบในข้อหารือที่พรรคมัชฌิมาธิปไตย สอบถามมาว่านายประชัยยังมีสถานะเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่กกต. จึงไม่ได้พิจารณาในประเด็นอื่น ๆ รวมไปถึงไม่ได้พิจารณาว่า การพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคของนายประชัยจะมีผลต่อการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรมต.ของพรรคมัชฌิมาธิปไตยหรือไม่ เพราะต้องไปดูข้อบังคับของพรรคมัชฌิมาธิปไตยว่าการดำเนินการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ใครจะเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการต่อไป
ขีดเส้น 15 วันเสนอชื่อหน.ใหม่
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงเย็น นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง จะส่งหนังสือถึงพรรคมัชฌิมาธิปไตยเพื่อแจ้งมติกกต.ให้ทราบ และจากนี้พรรคจะต้องมีการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และต้องส่งหนังสือแจ้งกลับมาที่กกต.ภายใน 15 วัน เพราะหากพรรคลืมส่งหรือแจ้งกลับมาไม่ทัน อาจมีความผิดถึงขั้นยุบพรรคการเมืองได้ ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง
ด้านนายธนพร ศรียากูล รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อกกต. วินิจฉัยออกมาเช่นนี้ ต่อจากนี้ไปคงต้องเป็นหน้าที่ของนายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ รองหัวหน้าพรรคและรักษาการหัวหน้าพรรค และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค จะต้อง ไปหารือกันเพื่อจัดการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ภายใน 30 วัน สำหรับตนถือว่าการได้รักษาไว้ซึ่งหลักการกฎระเบียบ ของพรรคเป็นสิ่งที่นายทะเบียนสมาชิกพรรคสมควรทำ ทั้งนี้ตนไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกับนายประชัยมาก่อนเพียงแต่ต้องการให้นายประชัยในฐานะนักการเมืองหน้าใหม่ รับทราบว่าสังคมการเมืองของประเทศต้องเคารพในหลักการ
“ประชัย” รู้ซึ้งแค่ชั้นอนุบาล
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า พรรคจะจัดประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่ในวันที่ 17 ก.พ. ซึ่งการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้เราต้องพิจารณาให้ดี และหากใครที่คิดว่ามีความเหมาะสมก็สามารถมาสมัครเพื่อคัดเลือกเป็นหัวหน้าพรรคได้ ส่วนหากพรรคถูกยุบนั้น ตนว่าการตัดสินคงใช้เวลาอีกนาน
นายประชัย เปิดเผยภายหลังว่า จาก นี้ไปจะให้นายประมวล ขึ้นรักษาการแทน และคงเรียกประชุมใหญ่เลือกหัวหน้าพรรคต่อไป ตนรู้สึกว่าพ้นจากดงหนาม มีความสุขดี หลังจากนี้ตนคงไม่ทำอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่เอาแล้ว ทุกอย่างจบหมด ตนพอแล้ว ยอมรับว่าเป็นอนุบาลทางการเมืองจริง ๆ ในเรื่องการซื้อขายเสียง เพราะทำอะไรอย่างนี้ไม่ได้ การเมืองเองสกปรก และไม่เคยคิดว่าจะมีงูเห่ามากมายขนาดนี้ พรรคไหนไม่เคยมีมากเท่าพรรคนี้ ไม่เป็นไรเชื่อว่ากรรมจะตามคนที่มาแว้งกัดตนเอง และงูเห่าก็จะกัดกันเอง
“สมชัย” ให้กำลังใจ “บิ๊กบัง”
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้กำลังใจ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช.ที่ทำรัฐประหารเนื่องจากเหตุการณ์ตอนนั้นบ้านเมืองมีอยู่ 2 ขั้ว และหากมีปัญหาการเผชิญหน้ากันเกิดขึ้นคิดว่าบ้านเมืองเราจะ เป็นอย่างไร ดังนั้นจึงไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้น จำเป็นต้องออกมาปฏิวัติมันเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาอย่างน้อยที่สุดก็ทำให้คนไทยที่แบ่งขั้ว และจะทำลายล้างกันหยุดลงได้
นายสมชัย กล่าวต่อว่า หากลองย้อนกลับไปมองทุกคนตอนนั้นก็ชื่นชม แม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาก็เข้าใจว่าทหารตอนนั้นออกมาแทรกแซงเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองเป็นความจำเป็น เรื่องนี้ต้องเข้าใจ ก็อยากจะเรียนและบอกว่าขอให้กำลังใจพล.อ.สนธิและคณะคปค. ตอนนั้น เพราะตอนนั้นก็ชื่นชมว่าท่านทำถูกแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้นายสมชัยเคยให้สัมภาษณ์ อย่างมีอารมณ์ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการปฏิวัติ โดยระบุว่าอย่ามาพูดเรื่องนี้ แต่วันนี้ทำไมนายสมชัยอยู่ดี ๆ ออกมาพูดประเด็นนี้ จึงเป็นที่วิจารณ์กันว่า อาจเป็นเพราะข่าวที่ พล.อ.สนธิได้โทรศัพท์ไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ และทำความเข้าใจกันเพื่อความสมานฉันท์แล้ว
“แก้วสรร” ไม่หวั่นคมช.ฝ่อ
นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส. กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ เจรจากับพ.ต.ท. ทักษิณ แล้วว่า เป็นเรื่องของ พล.อ.สนธิ คตส. ไม่รู้สึกหวั่นไหวและยังมีกำลังใจดี เพราะการเข้ามารับงานนี้จะไปฝากกำลังใจไว้ที่คนอื่นไม่ได้ ทั้งนี้ คตส. เข้ามาทำงานไม่ได้ทำเพราะพล.อ.สนธิ และไม่ได้อาศัยอำนาจของคมช. เป็นการอาศัยอำนาจกฎหมาย ป.ป.ช. ไม่ใช่ศาลเตี้ย มีหน้าที่สรุปสำนวนส่งศาล เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรมไม่ได้คิดกลั่นแกล้งใคร และยังไม่มีอะไรมากระทบต่อคดีที่ คตส. รับผิดชอบอยู่
นายแก้วสรร กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 4 ก.พ. จะมีการประชุม คตส. โดยที่ประชุมจะพิจารณา 2 คดี คือ คดีการทุจริตจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ และคดีบ้านเอื้ออาทร โครง การร่มเกล้า-บางพลี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง 2 คดี ทางคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้สรุปสำนวนเสร็จแล้ว ซึ่งการเสนอให้ คตส.พิจารณาครั้งนี้เพื่อให้ คตส.มีมติส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อส่งฟ้องต่อศาลต่อไป จึงถือว่า คตส.จะทำงานเสร็จสิ้นตามแผนที่กำหนดไว้เพิ่มอีก 2 คดี
รีดภาษีไทยคมเคลมประกัน
แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ เอื้อประโยชน์ออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัวและพวกพ้อง แจ้งว่า ในการประชุม คตส.วันที่ 4 ก.พ. จะมีการเสนอให้ที่ประชุม คตส. ส่งเรื่องให้กรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีเงินได้จากเงินเคลมประกัน 33 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 1 พันล้านบาทกรณีดาวเทียมไทยคมเสียหายโดย คตส.ไม่ได้ประเมินวงเงินการเสียภาษีให้เพราะถือเป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรที่จะต้องประเมินเอง
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การเรียกเก็บเงินภาษีดังกล่าว มาจากการที่คณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ เอื้อประโยชน์ ดาวเทียมไทยคม ได้ตรวจสอบพบว่าเงินดังกล่าวมีการโอนเข้าบัญชีของบริษัทชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) จึงมอบหมายให้นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการ คตส. ซึ่งชำนาญด้านภาษีเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว โดยเห็นว่า แม้จะเป็นเงินที่ได้จากการประกันดาวเทียม แต่เงินดังกล่าวไปอยู่ในบัญชีของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) จึงถือเป็นเงินได้พึงประเมินตาม ภ.ง.ด. 50 ซึ่งกรมสรรพากรมีอำนาจเรียกเก็บภาษีตามประมวลกฎหมาย รัษฎากร มาตรา 65
“บิ๊กแอ้ด” อำลาขรก.ทำเนียบฯ
ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้เปิดโอกาสให้หัวหน้าส่วนราชการที่สังกัดสำนักนายกฯ และข้าราชการระดับสูง ประมาณ 100 คน เข้าอำลาหลังจากพ้นจากตำแหน่ง มีนายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง เป็นตัวแทนข้าราชการกล่าวอำลา
โดย พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวตอบว่า ขณะนี้ถือว่าไม่เป็นเวลาที่วิกฤติแล้วแต่เป็นการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลที่ได้รับการแต่งตั้งไปสู่รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลที่ได้รับการแต่งตั้งได้ทำหน้าที่ที่จะให้บ้านเมืองของเราเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ตามที่ ทุกคนคิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสำนักเลขาธิ การนายกฯ ได้มอบซีดีประมวลภาพเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ พล.อ.สุรยุทธ์ เข้ารับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงการปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรี และภาพสีน้ำมันตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งวาดโดยนายพิชัย นิรันดร์ ศิลปินแห่งชาติสาขาจิตรกรรม นอกจากนั้น นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ เลขาธิการ ป.ป.ส.ได้มอบพระพุทธรูปพระพุทธชนาภิบาลทศพลญาณมุนี ให้แก่นายกฯ เป็นที่ระลึก รวมทั้งข้าราชการทำเนียบรัฐบาลได้มอบดอกกุหลาบสีแดงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนายกฯ ด้วย
ย้อนเวลาได้ไม่ขอรับเก้าอี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาช่วงใดมีความสุขที่สุดและช่วงใดที่หนักใจที่สุด พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงเวลาที่มีความสุขคือช่วงเวลาที่ได้นอนยาว ๆ ส่วนช่วงเวลาที่หนักใจที่สุดนั้นคือเวลาที่จำเป็นจะต้องพบปะพูดคุยทำความเข้าใจทั้งคนของเราเองและผู้นำต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่จำเป็นต้องรวบรวมทั้งความคิด และสมาธิ ในการที่จะพูดให้น้อยที่สุด แต่ให้ผู้ที่จะรับฟังนั้นเข้าใจว่าเรามีความมุ่งหมายอะไรที่จะทำให้เขาเกิดความเชื่อมั่น ทั้งนี้หากย้อนเวลากลับไปได้ตนไม่อยากเป็นนายกฯ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบเป็นอย่างมากและไม่เคยมีความคิดที่จะมาทำงานทางการเมืองแต่เมื่อมันเป็นความจำเป็นก็ยอมรับด้วยความลำบากใจ
“แต่ถ้าให้ย้อนเวลาได้อย่างที่มีคำถามบอกมานี้ คือไม่อยากลำบากใจก็ไม่จำเป็นต้องมารับงานนี้ผมคงไม่กลับมาลำบากอีกแล้ว ผมไปแล้วผมก็คงไปเลย และคิดว่าสังคมของเราไม่ควรเป็นสังคมที่จ้องล้างแค้นกัน ผมมีบทเรียนที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นทำอย่างไรที่จะแก้ปัญหาด้วยความคิดเห็นทางการเมือง” พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์