แฉแก๊ง ตชด. ขู่ ข่มขืน ลูกสาวเหยื่อ ( ข่าวทั่วไป )

หากไม่ยอมสารภาพเด้งแล้ว ผกก.ตชด.41 ยธ.เร่งช่วยผู้บริสุทธิ์

สั่งเชือดแล้ว "ผกก.ตชด.41 ชุมพร" เจ้านาย "ผู้กองณัฏฐ์" กับทีมอุ้มมหากาฬ "ผบช.ตชด."เพิ่งรู้สึกตัว ตวัดปากกาเซ็นเด้งฟ้าผ่า เข้ากรุตบยุงนาน 30 วัน เผยที่ผ่านมาไม่เคยนิ่งเฉยปล่อยปละละเลย ด้าน “รอง ผกก.41” ลั่นถูกตำรวจระดับนายพลคนหนึ่งกลั่นแกล้ง ขณะที่เหยื่อยังโผล่เป็นดอกเห็ด ล่าสุดสาวใหญ่พร้อมลูกสาววัย 14 ถูกอุ้มยัดยาบ้า-รีดเงินร่วม 2  แสน แฉทำทุกวิธีให้รับสารภาพ แต่ไม่สำเร็จ งัดกลยุทธ์ชั่วจะข่มขืนเด็ก แม่แทบหัวใจสลายต้องจำยอม นรกส่งมาเกิดแม้แต่พระยังไม่เว้น บุกเข้ากุฏิให้พระเป็นสายล่อซื้อ ถูกปฏิเสธ เลยยัดยานรกหิ้วผ้าเหลืองดำเนินคดี ด้าน 2 สาวเมืองกาญจน์ ถูกอุ้มขึ้นรถตู้ซุกเซฟเฮาส์รีดเงิน “ร.ต.อ.” หัวหน้าชุดหน้ามืดลวนลามผู้เสียหาย กรรมสนองถูกถีบตกรถหัวกระแทกพื้นเป็นเจ้าชายนิทรา สลดหนุ่มใหญ่ชาว “ตรัง” ถูกไฟฟ้าช็อตที่อวัยวะเพศจนใช้การไม่ได้ “ปลัดยุติธรรม” สั่งเร่งช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ถูกยัดข้อหา เผยทีมมหากาฬก่อเหตุมาอย่างโชกโชน  คาดได้ทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 10 ล. “เสรีพิศุทธ์” เปรยไม่เหนื่อยหน่าย วงการตำรวจมีซากแก๊ง ตชด. ตอบไม่มั่นใจมีตำรวจเลวแอบแฝงในวงการ โทษรากเหง้าสังคม โยนรัฐให้งบสนับสนุนน้อย สร้างปัญหาสะสมมาโดยตลอด
 
จากข่าวฉาวโฉ่สะเทือนวงการสีกากี กรณี ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชนนิธิวณิชย์ ช่วยราชการ ตชด. 41 จ.ชุมพร พร้อมลูกน้อง ตชด.สังกัดเดียวกัน และพลเรือน รวม 12 คน ก่อเหตุร่วมกันอุ้มเศรษฐินีสาวใหญ่เจ้าของโรงงานผลิตกางเกงยีนไปเรียกค่าไถ่ได้เงินไปกว่า 8 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาทีมอุ้มถูก พล.ต.ท. อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พร้อม พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.น.7 นำกำลังฝ่ายสืบสวนบุกจับกุมได้สำเร็จ ล่าสุด พล.ต.ต.อวยพร จินตกานนท์ ผบก.ปส.2 บช.ปส. ออกมาเปิดเผย เรื่อง ร.ต.ท.ศรัญญู สุรินทร์รังสี รอง สว.กก.1 ปส.1 ซึ่งเป็นตำรวจยังถูก ร.ต.อ.ณัฏฐ์ กับพวกจับกุมยัดยาบ้าขณะปฏิบัติหน้าที่ให้ด้วย ด้าน พ.ต.ท.สุรกิตติ์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด. ที่ 41 จ.ชุมพร ผู้บังคับบัญชาทีมอุ้มนอกรีตได้เดินทางเข้ามอบตัว หลังถูกออกหมายจับ เบื้องต้นเจ้าตัวยืนยันปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ลูกน้องไปก่อมา ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.สุรกิตติ์ ออกจากราชการไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม หลังข่าวแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีผู้เสียหายทยอยมาชี้ตัวว่าถูก ร.ต.อ.ณัฏฐ์ กับสมุนยัดยาบ้าให้อย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้เสนอข่าวไปให้ทราบแล้วนั้น

เหยื่อแก๊งตชด.โหดโผล่แจ้งอื้อ
ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้ที่ สภ.กาญจน ดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี วันที่ 31 ม.ค. นางจอย (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี พร้อมนางรวย (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี และ ด.ญ.เก๋ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ลูกสาว นางจอย เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ร้องเรียนกรณีถูกแก๊ง ตชด.ชุด ร.ต.อ.ณัฏฐ์ บุกจับตัวในข้อหาค้ายาบ้า โดยถูกรีดทรัพย์ไปเกือบ 200,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 50 นางจอย เล่าเรื่องเลวร้ายที่ประสบมากับตัวเองว่า ตนเป็นแม่ค้าขายข้าวต้มมัดอยู่ในตลาดโต้รุ่งเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี ก่อนหน้าที่จะถูกจับกุม มีเพื่อนแม่ค้าทราบเพียงชื่อเล่นว่า นาง   น้อย ขอยืมเงินไป 20,000 บาท ต่อมาตนได้ทวงถามเลยมีปากเสียงกัน โดยคู่กรณีขู่ว่ามีพรรคพวกเป็นตำรวจ หากมีปัญหามากนักจะให้ตำรวจยัดยาบ้าให้

ยัดยาบ้าขู่แม่ค้ารับเป็นเอเย่นต์
ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า กระทั่งช่วงค่ำวันเกิดเหตุ ขณะที่ตนขี่ จยย.ไปซื้อของที่ตลาด จู่ ๆ มีชายฉกรรจ์ 8 คน อ้างตัวเป็นตำรวจขับรถปาดหน้า ก่อนจะขอจับกุมอ้างว่าตนเป็นเอเย่นต์ยาบ้า พร้อมคุมตัวไปค้นบ้านพัก ซึ่งมีนางอารวย ภรรยา อีกคนของสามีพักอยู่ แต่จากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ทีมอุ้มจึงยึดข้าวต้มมัดที่ตนทำเตรียมไว้ขายวันพรุ่งนี้ สมุดธนาคาร-บัตรเอทีเอ็ม รวมถึงรถยนต์ของสามีและลูกชายรวม 2 คันไป โดยอ้างว่าจะเอาไปตรวจสอบ ก่อนจะพาพวกตนไปเก็บไว้ที่เซฟเฮาส์ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเทส โก้โลตัส ซึ่งเมื่อไปถึงพวกตนถูกทำร้ายตบตี ขู่ต่าง ๆ นานาให้ยอมรับสารภาพว่าครอบครองยาบ้า 201 เม็ด แต่จนแล้วจนรอดพวกตนก็ไม่ยอม

สุดชั่วไม่ยอมจะข่มขืนลูกสาว
เช้าวันต่อมา มีตำรวจหน้าตาดี ทราบภายหลังคือ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ได้สั่งให้ลูกน้องให้นำตัวลูกสาวตนขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านพัก ผ่านไปชั่วครู่ก็นำตนตามขึ้นไป ซึ่งเมื่อเข้าไปในห้องตนต้องตกใจมาก เห็นลูกสาวถูกจับถอดเสื้อผ้าเหลือ เพียงชุดชั้นใน มีชายฉกรรจ์ 3-4 คน พยายามปลุกปล้ำลูกตน โดยความที่รักและสงสารลูกตนจึงยอมรับสารภาพ ทั้งนี้ทีมอุ้มได้เรียกเงิน ก่อน   พาตนกับนางอารวยไปกดเอทีเอ็มได้เงินสดไป 139,900 บาท หลังจากนั้นก็นำตัวตนส่ง สภ. กาญจนดิษฐ์ ส่วนลูกกับนางอารวย ถูกปล่อยตัวกลับบ้าน ทั้งนี้หลังจากที่ถูกนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลาง จ.สุราษฎร์ธานี ตนไม่ได้ประกันตัว กระทั่งญาติ ๆ ทราบว่า ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ถูกจับกุม จึงยื่นขอประกันตัวต่อศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา

สั่งตรวจทุกคดีที่ชุดตร.ฉาวจับ
พล.ต.ต.เทศา กล่าวว่า ขณะนี้ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนทุก สภ. เร่งตรวจสอบคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ผู้ต้องหาถูกชุด ร.ต.อ. ณัฏฐ์ จับกุม เนื่องจากคาดว่า อาจจะยังมีผู้เสียหายที่ถูกกระทำในลักษณะนี้อีกหลายราย เพราะ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ทำงานในพื้นที่มานาน ทั้งนี้ได้สั่งการไปยังหัวหน้าโรงพัก ให้สอบสวนปากคำอย่างละเอียดพร้อมกับเร่งตรวจสอบว่าเป็นจริงตามที่ผู้เสียหายร้องเรียนหรือไม่

อนาถพระยังไม่เว้นตกเป็นเหยื่อ
อีกรายที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นายศุภโชค จันทร์แพทย์ อายุ 21 ปี พร้อมนางจันทนา เยาวณีย์ แม่ อยู่บ้านเลขที่ 50/49 หมู่ 4 ถนนกาญจนวิถี ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรม กับ พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา ผกก. กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ จับกุมขณะบวชเป็นพระอยู่ที่วัดท่าทอง เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 50 พร้อมยัดของกลางยาบ้าให้ 5 เม็ด โดยขณะถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวต่อรองให้นายศุภโชคเป็นสายล่อซื้อยาบ้า แต่นายศุภโชคปฏิเสธ เลยถูกจัดการยัดข้อหาส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ช่างฟิต “หลังสวน” เจออุ้มด้วย
ขณะที่พื้นที่ สภ.หลังสวน จ.ชุมพร  นายบรรยงค์ อินทมาตย์ นายก อบต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร นำตัวนายนุกูล เมตตาจิตร อายุ 46 ปี พร้อมหลักฐานบันทึกการจับกุม ใบรับรองแพทย์ ผลการตรวจร่างกาย ภาพถ่ายสภาพร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.อุดม เลิศเพชรไพศาล รอง ผกก. กรณีถูกทีมอุ้มที่เป็นข่าวฉาว ทำร้ายร่างกายพร้อมยัดยาบ้า จนถูกดำเนินคดี นายนุกูล ให้การว่า ตนเป็นช่างเครื่อง หจก.ชุมพรมรกตก่อสร้าง มีนายโกเวทย์ ตันติประวรรณ อดีตรองนายก อบจ. ชุมพร เป็นเจ้าของ ช่วงบ่ายวันที่ 19 มี.ค. 50  มีชายฉกรรจ์ 3 คนเข้าไปหา เมื่อพบไม่พูดพร่ำทำเพลง หิ้วตนขึ้นรถเก๋งเอาผ้าปิดตาไปยังบ้านหลังหนึ่งกลางตลาดหลังสวน จากนั้นก็ลงมือทุบตี ใช้ถุงคลุมหัว บังคับให้ยอมรับว่าค้ายาบ้า ตนไม่ยอมรับ เลยถูกยัดยาบ้าให้ 11 เม็ด นำตัวส่ง สภ.หลังสวน ดำเนินคดี ต่อมาได้ประกันตัวจากศาล กระทั่งทราบข่าวว่า ตชด.ชุดดังกล่าวถูกจับกุม จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดังกล่าว

ชี้เรื่องของบุคคลไม่เกี่ยวสตช.
ขึ้นไปทางอีสาน ที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา เช้าวันเดียวกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางตรวจเยี่ยมติดตามประเมินผลการปฏิบัติราชการตามแผนพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า เรื่องแก๊ง ตชด. นอกรีต เป็นเรื่องของบุคคล ไม่ได้เกี่ยวกับสถาบันตำรวจ ถ้าคนคิดเป็นก็จะไม่เป็นผลลบต่อภาพลักษณ์ตำรวจ เพราะว่าข้าราชการตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติพยายามทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด ต้องเข้าใจว่าสำนักงานตำรวจไม่ได้เป็นหน่วยงานที่เกิดใหม่ มีมานานเป็นร้อยปีแล้ว เรื่องแบบนี้มีให้เห็นทุกยุคทุกสมัย เลยทำให้ปัญหาต่าง ๆ สะสมมานาน

ผบ.ตร.เตรียมเสนอแผนพัฒนาฯ
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า บางครั้งรัฐบาลหลาย ๆ รัฐบาลก็ไม่ได้ทำงานตามหลักการ มักจะเอาเงินมากำหนดงาน แทนที่มีงานมากน้อยแค่ไหน ตำรวจก็จะได้ทำงานตามนั้น แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น รัฐฯมีเงินให้เท่านี้ ตำรวจไปทำงานมาให้ได้ก็แล้วกัน แล้วแบบนี้มันจะสงบเรียบร้อยได้อย่างไร เงินเดือนเบี้ยเลี้ยงเอาไปแค่นี้ รัฐฯ ขี้เกียจหางบประมาณมาสนับสนุน เรื่องนี้เป็นปัญหาสะสมมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม หลังจากตนเข้ามารับตำแหน่ง ได้จัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้ทำงาน 24 ชั่วโมง ทุ่มเทให้ตลอดในการพัฒนาตำรวจให้เป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ตนได้เสนอแผนพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กรรมาธิการงบประมาณพิจารณา ซึ่งแผนมีความชัดเจนมากที่จะพัฒนาตำรวจไทย เพียงแต่ว่าถ้าจะให้บรรลุตามแผน รัฐบาลต้องสนับสนุน

ระบุเหตุมาจากรากเหง้าสังคม
“ข้าราชการตำรวจมี 2 แสนกว่าคน จะเป่าเพี้ยงเดียวให้เรียบร้อย คงเป็นไปไม่ได้ ตำรวจ ไม่ดี แต่ไม่มีหลักฐาน เราก็เอาออกไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ไม่เหมือนภาคเอกชน เดี๋ยวถูกฟ้องร้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งอาญา-แพ่ง-ปกครอง สำหรับการสอบสวนทางวินัยแก๊ง ตชด.ฉาว มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ไม่ให้ทาง ตชด. ดำเนินการ เนื่องจากเกรงจะช่วยเหลือกัน อาจสาวไม่ถึงระดับผู้บังคับบัญชาที่ปล่อยปละละเลย ไม่สนใจ หรือรู้เห็นเป็นใจ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน ถูกต้องและชอบธรรม ข่าวที่เกิดขึ้นสร้างภาพลบให้วงการตำรวจ ผมไม่เหนื่อยหน่ายหรอก เพราะเขาให้ผมมาแก้ไขปัญหา จะบอกเหนื่อยได้อย่างไร ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และเราคงจะบอกไม่ได้ว่าวงการตำรวจจะมีตำรวจเลว ๆ อยู่อีกหรือไม่ มันมาจากระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม อะไรต่าง ๆ ของเรา ที่เป็นรากเหง้ามายาวนาน”

หิ้วปีกตบทรัพย์หมดไม่ว่าใคร
ส่วนความคืบหน้าเรื่องคดีที่ สน.บาง พลัด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภิญโญ ตรงฉาก อายุ 30 ปี ชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ คนขับรถส่งไก่สด เดินทางเข้าแจ้งความว่า เคยถูกแก๊ง ตชด. อุ้มไปทำร้ายร่างกาย และยัดยาบ้า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 50 ขณะนี้อยู่ระหว่างประกันตัวออกมาสู้คดี เมื่อตนเห็นข่าวว่ากลุ่ม ตชด.ที่ก่อเหตุถูกจับกุม จึงไปแจ้งความที่ สภ.ปราณบุรี แต่ พนักงานสอบสวนบอกให้มาแจ้งที่ สน.บางพลัด
 
ต่อมา พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก สตช.พร้อม พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รอง ผบช.น. เดินทางมาสอบถามรายละเอียดจากนายภิญโญเพิ่มเติม พร้อมทั้งให้ชี้รูปผู้ต้องหาแก๊งตชด. 2 คน คือ ส.ต.ท.มานพ สุขคงมิตร และ ด.ต.ประสาน สอนทวี ที่อ้างตัวเป็นหัวหน้าชุดจับกุม ก่อนจะแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ. ปราณบุรี จากนั้น พล.ต.ท.พงศพัศ ได้เบิกตัว พ.ต.ท.สุรกิตติ์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด. 41 มาสอบปากคำเพิ่มเติม

“สุรกิตติ์” ยินดีชดใช้ความผิด
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า วันนี้มาสอบปากคำ พ.ต.ท.สุรกิตติ์ เพิ่มเติมอีก 2-3 ประเด็น ซึ่งเจ้าตัวก็ให้ข้อมูลมาเป็นที่น่าพอใจ และได้รับปากในฐานะ ตชด.คนหนึ่งว่า หลังจากนี้เมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้วก็จะพูดคุยกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ และลูกน้องทั้งหมดที่ถูกจับว่า ให้พูดความจริง พร้อมทั้งยืนยันว่า ยินดีชดใช้ความผิดที่เกิดขึ้น และจะไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับกลุ่มประชาชนอีก เพราะที่ผ่านมาได้สำนึกแล้วว่าสิ่งที่ทำไปนั้น สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

อาจปล่อยตัว “แพะ” ชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า พ.ต.ท.สุรกิตติ์ รับสารภาพแล้วว่า มีส่วนรู้เห็นกับกลุ่ม ร.ต.อ. ณัฏฐ์ พล.ต.ท.พงศพัศ ตอบว่า ในเชิงคดี พ.ต.ท. สุรกิตติ์ ให้การปฏิเสธ แต่ในเชิงปฏิบัตินั้น ในฐานะที่เจ้าตัวเคยปฏิบัติงานกับผู้ต้องหากลุ่มนี้มาก็พอจะรู้ว่าสภาพภาวะจิตใจเป็นอย่างไร จึงอยากจะเข้าไปทำความเข้าใจ และให้ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่ทำไปผิดหรือถูก หากผิดจะได้ขอโทษประชาชน ทั้งนี้ขอให้พี่น้องที่ยังรู้สึกหวาดกลัวไม่กล้าเข้าแจ้งความ กล้าที่จะเดินทางมาแจ้งความกับตำรวจได้ หลังจากนี้จะเดินทางไปพบกับปลัดกระทรวงยุติ ธรรม และอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิ เพื่อเข้าไปดูแลเยียวยาผู้เสียหาย และเรื่องการทำขวัญ ส่วน ผู้เสียหายที่ถูกจำคุกอยู่ก็จะพูดคุยกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่า จะสามารถช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง อาจจะปล่อยตัวชั่วคราวออกมาก่อน

โบ้ยส่งมี “นายพล” กลั่นแกล้ง
บ่ายวันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สน. บางพลัด นำตัว พ.ต.ท.สุรกิตติ์ ขึ้นรถไปศาลจังหวัดตลิ่งชัน เพื่อฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกัน ตัว โดยก่อนขึ้นรถ พ.ต.ท.สุรกิตติ์ ระบายกับผู้สื่อข่าวว่า ในหมายจับนั้น มีการระบุว่า ตนไปนั่งดื่มกาแฟ ภายในร้านสตาร์บัคส์ สาขาเซ็นทรัล ลาด พร้าว คนเดียว แต่ในความเป็นจริงมีเพื่อนตำรวจยศ พ.ต.ท. นั่งอยู่ด้วย ถือว่าไม่ยุติธรรม งานนี้มีคนกลั่นแกล้งเป็นตำรวจระดับนายพลคนหนึ่ง

ทั้งนี้ก่อนเข้าไปในศาล พ.ต.ท.สุรกิตติ์ ปรี่เข้ามาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เรื่องเงิน 5 หมื่นที่มีการโอนเข้าบัญชีตนนั้น เรื่องจริงคือก่อนหน้าที่จะถูกออกหมายจับตนเคยทำเรื่องของบเงินจำนวนดังกล่าวไว้ล่อซื้อยาเสพติด ซึ่งก็ยังไม่มีการอนุมัติ กระทั่งจู่ ๆ มีตำรวจคนหนึ่งโทรฯมาบอกว่าเงินได้แล้ว ขอเลขบัญชีจะโอนไปให้ ตนก็ตอบไปว่าให้โอนเข้าบัญชี ร.ต.อ.ณัฏฐ์ เนื่องจากต้องเข้าอบรมผู้กำกับ แต่อีกฝ่ายกลับตื๊อเหมือนมีพิรุธ กระทั่งตนกลับบ้านภรรยาเล่าให้ฟังว่า มีตำรวจโทรฯมาขอเลขบัญชี ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องภรรยาตนจึงให้ไป จึงเป็นที่มาของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

โฉบฮุบเหยื่อถึงเมืองกาญจน์
ต่อมามีนายเอนก บุญเลิศ อายุ 35 ปี และนางอุไร ท้วมผึ้ง อายุ 55 ปี พร้อมนายสุกิจยตน์ พูนศรีเกษม ทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด เพื่อแจ้งความแทนนางระวิวรรณ บุญเลิศ อายุ 37 ปี และนางสมใจ ล้อมจันทร์ อายุ 34 ปี ผู้เสียหายที่เคยถูกกลุ่ม ตชด. ยัดยาบ้าจนต้องถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำขณะนี้ โดยนำบันทึกจับกุมที่มี พ.ต.ท.สุรกิตติ์ ร่วมจับกุมทั้งสองคนมายืนยันด้วย นายสุกิจยตน์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 50 ตำรวจ ตชด. ชุดดังกล่าวนำโดย ร.ต.อ.คนหนึ่งเป็นหัวหน้าชุด ได้เข้าจับกุมนายอำนาจ เรืองจุ้ย อายุ 24 ปี ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมยาบ้า 1,198 เม็ด จาก นั้นนำกำลังมาเฝ้าที่หน้าบ้านเลขที่ 8/19 ต.บ้านใต้ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี กระทั่งวันที่ 4 ส.ค. นางสมใจขับรถมาเยี่ยมภรรยาของนายอำนาจที่เพิ่งคลอดลูก เมื่อมาถึง จับกุมตัวพร้อมกล่าวหาว่า มารับเงินค่ายาบ้า จากนายอำนาจ

กรรมสนองผู้กองถูกถีบตกรถ
ทนายความ กล่าวอีกว่า เมื่อทีมอุ้มเปิดโทรศัพท์มือถือของนางสมใจก็พบเบอร์โทรฯ ของ นางระวิวรรณ ก็สอบถามว่า เป็นใคร เมื่อนางสมใจบอกว่า เป็นเจ้าหนี้โทรฯมาทวงเงิน กลุ่ม ตชด.กลับไม่เชื่อ รีบโทรศัพท์หานางระวิวรรณ ให้ออกมาเจอที่หน้าโรงเรียนท่าม่วงราชบำรุง ก่อนจะลงมืออุ้มนางระวิวรรณ และนางสมใจขึ้นรถตู้เพื่อไปข่มขู่ ระหว่างทาง ร.ต.อ.หัวหน้าชุดพยายามลวนลามนางระวิวรรณ เลยถูกนางระวิวรรณถีบจนตกรถตู้จนสลบไปถึงทุกวันนี้ยังไม่ฟื้น โดยกลุ่ม ตชด. ได้คุมตัวทั้งสองคนไปขังไว้ที่บังกะโลก่อนจะลงมือทำร้ายร่างกาย พร้อมกับรีดไถเงิน 8 แสนบาท จากนางสมใจ และรีดไถอีก 5 แสนบาทจากนางระวิวรรณ แต่ทั้งสองไม่มีให้ จึงถูกจับดำเนินคดี 
 
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุยังมาออกข่าวอีกว่า ร.ต.อ.คนดังกล่าว ถูกรถชนขณะปฏิบัติหน้าที่ อีก ทั้งยังฟ้องร้องดำเนินคดีนางระวิวรรณ ว่าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ วันนี้จึงต้องมาแจ้งความดำเนิน คดีกับกลุ่มตำรวจ ตชด. ทั้งหมดว่ากรรโชกทรัพย์ และกักขังหน่วงเหนี่ยว ส่วน ร.ต.อ. หัวหน้าชุด จะแจ้งความเอาผิดเพิ่มในข้อหาอนาจาร และพยายามกระทำชำเรานางระวิวรรณด้วย

เมียทหาร “รบพิเศษฯ” ก็โดน
ขณะที่ จ.ส.อ.สมบัติ บุตรเตือน อายุ  63 ปี อดีตข้าราชการทหารสังกัดศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ก็เข้าแจ้งความว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 48 นางชะลอ แก้วเกิด อายุ 38 ปี ภรรยา ถูกแก๊งตชด.ที่มี ร.ต.อ.ณัฏฐ์ เป็นหัวหน้าชุดอุ้มไปยัดยา อีกทั้งยังกรรโชกทรัพย์เป็นเงินสด 7 แสนบาท เหตุเกิดขณะภรรยาออกไปซื้อกับข้าวที่สถานีขนส่ง จ.ลพบุรี ถูกจับขึ้นรถตู้แล้วยัดยาบ้าให้ ขณะนี้ผู้เสียหายถูกศาลตัดสินจำคุก 25 ปี  ที่ร้ายสุดหลังจากนั้น 3-4 วัน หลานสาวอายุ  18 ปี ก็ถูกกลุ่ม ตชด.ดังกล่าว อุ้มไปบังคับให้รับสารภาพว่า มียาบ้า 200 เม็ด หากไม่รับ จะจับข่มขืน จึงต้องยอมรับ ปัจจุบันก็ถูกดำเนินคดีตัดสินจำคุก 5 ปีด้วย

แม่ “ทีมอุ้ม” ยันลูกชายบริสุทธิ์
ด้านนางสุภาพ มฤคพันธุ์ อายุ 69 ปี ชาว จ.ชุมพร เดินทางเข้าแจ้งความว่า นายภาดร มฤคพันธุ์ อายุ 36 ปี ลูกชายซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหา 12 รายที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้าเป็นผู้บริสุทธิ์ นางสุภาพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 50 ลูกชายไปเปิดโรงแรมแกรนด์พาเลซ จ.ชุมพร จากนั้นวันที่ 20 ธ.ค. ก็โทรฯ กลับมาที่บ้านโดยบอกว่า ถูกแก๊งตชด.ดังกล่าวอุ้มไปจากโรงแรม พร้อมทั้งให้ตนโอนเงินไปให้จำนวน 2 แสนบาท แต่ตนมีแค่ 5 หมื่นบาท จึงโอนไปให้แค่นั้น จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้อีกเลย โดยลูกชายจะเป็นคนติดต่อมาเอง 3-4 วันครั้งหนึ่ง เท่าที่สังเกตการโทรฯ มาแต่ละครั้ง เหมือนมีคนคอยบังคับให้พูด ทั้งนี้หลังจากลูกถูกจับ ก็ได้คุยกันบ้างแล้ว โดยลูกชายยืนยันว่า ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย

โผล่อีกลูกค้าตชด.แจ้งป.ช่วย
ที่กองปราบปราม นายพิศ ดับดี อายุ 46 ปี ชาว จ.ตรัง  นางกันยา ดับดี อายุ 40 ปี ภรรยา พร้อมนายชัยพร ชูเสน ทนายความ เดินทางเข้าแจ้งความกรณีถูกแก๊ง ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ทำร้ายร่างกายก่อนจะยัดยาบ้า และบังคับให้ติดต่อผู้ค้ายา    รายอื่น ขณะกำลังขับรถบรรทุกเพื่อส่งฟักทองเข้ากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 49 บริเวณ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นายชัยพร กล่าวว่า นายพิศจำหน้า ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ได้จากการดูข่าวในโทรทัศน์ ซึ่งเวลาผ่านไป 2 ปีกว่าแล้ว ทั้งนี้ผลจากการที่ถูกทำร้ายร่างกายใช้ไฟฟ้าช็อตบริเวณอวัยวะเพศนั้น ทำให้ผู้เสียหายต้องสูญเสียอวัยวะ ทำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตครอบครัว ขณะนี้ได้แนะนำให้ลูกความไปตรวจร่างกายที่ รพ.ศิริราช เพื่อเป็นการยืนยันเรื่องที่เกิดขึ้น สำหรับการเดินทางมาในวันนี้ เพื่อมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมแก่นายพิศ ซึ่งถูกศาลพิจารณาคดีความอยู่

ยธ.ประชุมช่วยเหลือผู้เสียหาย
ส่วนที่กระทรวงยุติธรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้เสียหายที่ถูกแก๊ง ตชด. จับกุมทำร้ายร่างกายและยัดยาเสพติด ประชุมเพื่อหาทางช่วยเหลือเยียวยาทางกฎหมายให้แก่ผู้เสียหาย

โกยเงินได้ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล.
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ตชด.แก๊งนี้มีผลงานด้านปราบปรามยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง หลายคดีที่ชุดนี้จับกุม  ศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกเลย แต่เมื่อข้อเท็จจริงเปิดเผยมาว่า วิธีการจับกุมเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งไม่มีใครยอมรับได้ อีกทั้งจำนวนผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะนี้คาดว่ามีกว่า 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นประชาชนใน จ.นครศรีธรรมราช ชุมพร สุราษฎร์ธานี นราธิวาส และกรุงเทพฯ
 
ดังนั้น สตช.จึงขอหารือร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อร่วมกันบรรเทาความเสียหายและจัดชุดคุ้มครองพยาน กรณีนี้ของผู้กองณัฏฐ์ เป็นเหมือนฝีแตกไปทั่วตัว มีคนร้องทุกข์กล่าวโทษทั่วประเทศ สตช.จะต้องตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมด ถึงบันทึกการจับกุมว่า ทำคดีอะไรมาบ้าง เคยถูกร้องเรียนเรื่องเก่าและมีการช่วยเหลือปิดบังกันอย่างไร ทั้งนี้วันนี้จะสรุปได้ว่ามีใครเกี่ยวข้องกับแก๊ง ร.ต.อ.ณัฏฐ์ จากการตรวจสอบไม่พบว่าแก๊งนี้มีธุรกิจผิดกฎหมายอื่น แต่การจับกุมทุกครั้งมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายรีดไถในรูปแบบเหมือน ๆ กัน คาดว่าจะมีทรัพย์สินที่ได้ไปไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ส่วนรถยนต์ที่ถูกรีดไถไปตอนนี้ยึดกลับมาได้หลายคันแล้ว

เหยื่อถูกคุมขังในเรือนจำ8ราย
ด้านนายวันชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า มีผู้ต้องขังที่ถูกแก๊ง ตชด.จับกุมในคดียาบ้า ถูกคุมขังในเรือนจำ 8 ราย เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำสมุทรปราการ 1 ราย เรือนจำกลางคลองเปรม 1 ราย ทัณฑสถานหญิงกลาง 5 ราย และเรือนจำจังหวัดตรัง 1 ราย ซึ่งขณะนี้เรือนจำให้ผู้ต้องหาทั้ง 8 รายทำคำร้องเสนอมาแล้ว นอกจากนี้ตนได้สั่งการให้ทุกเรือนจำทั่วประเทศสอบถามผู้ต้องขังว่า รายใดเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการกระทำของแก๊ง ตชด. คาดว่าคดีจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ผบช.ตชด.แถลงไม่ได้นิ่งเฉย
ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เย็นวันเดียวกัน พล.ต.ท.นิพนธ์ ศิริวงศ์ ผบช. ตชด.แถลงข่าวกรณีเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ที่ไม่ได้ออกมาให้ข่าวใด ๆ ตั้งแต่วันแรก เนื่องจากต้องการให้เจ้าหน้าที่ ตร.บช.น.และท้องที่ทำงานได้อย่างเต็มที่ และเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน ทั้งนี้ไม่ได้นิ่งเฉย หรือละเลยแต่อย่างใด ได้ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ บช.น.ตลอดเวลา นอกจากนี้ได้สั่งการให้กองนิติการของบก.ตชด. เร่งตั้งชุดทำงานเฉพาะกิจขึ้น 1 ชุดเพื่อประสานข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด มอบหมายให้ รอง ผบช.ตชด.คือ พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ สุริโย ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคใต้ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริง โดยให้ทำงานประสานข้อมูลกับรองผู้บังคับการอาวุโส ตชด. ภาค 4 พร้อมคณะอีก 3 นายที่ได้สั่งการให้ไปรักษาการแทน ผกก.ตชด.41 และให้เร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริงในการบริหาร และสายการบังคับบัญชาและรายงานมายังตนภายใน 7 วัน ซึ่งขณะนี้ผ่านไป 3 วัน คาดว่าอีก 4 วันก็จะทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด

เด้ง “ผกก.ตชด.41” เข้ากรุ
ผบช.ตชด. กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่อง พ.ต.อ. สิงหนาท สีกาแก้ว ผกก.ตชด.41 จ.ชุมพร ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของชุดเฉพาะกิจชุดนี้ ได้เซ็นคำสั่งให้เข้ามาช่วยราชการที่ บก.ตชด.เป็นเวลา 30 วัน ทั้งนี้ตนทราบว่าตัว ผกก. เพิ่งย้ายเข้ามารับหน้าที่เมื่อช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียด เนื่องจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้เรียกเข้าพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งตนจะได้สั่งการให้ทำรายงานข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาในขั้นต่อไป เบื้องต้นคาดว่าคงจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะเป็นผู้บังคับบัญชา สายตรง แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูหลักฐานต่าง ๆ ทั้งจาก ตร.บางพลัด และเจ้าหน้าที่ที่ให้ไปหาข้อมูล ขอยืนยันว่าหากหลักฐานพาดพิงไปถึงใครไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชาหรือใครก็จะดำเนินการลงโทษทั้งทางวินัย และ ดำเนินคดีอาญาอย่างเด็ดขาด

1 ปีผิดเอี่ยวยากว่า 100 ราย
ผบช.ตชด. กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่ายินดีที่จะให้มีการปราบปราม ตร.นอกรีตให้หมดไป เพราะถือว่าเป็นกาฝากคอยเกาะกิน และบ่อนทำลายองค์กรให้เสื่อมเสีย โดยเมื่อรอบปีที่ผ่านมา ตนเคยมีคำสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่ ตชด.ทั้งหมด 345 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 100 กว่าราย ซึ่งได้สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมด สำหรับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ มีการร้องเรียนเข้ามา แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดคณะกรรมการที่ตรวจสอบยังไม่แจ้งความคืบหน้าเข้ามา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับ ตชด.ทุกคนในภาพรวม ต้องขอโทษประชาชนทุกคน ถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นฝันร้ายของประชาชน ขอรับรองว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์