“สนธิ” โยนที่มาจาก สนช.บางส่วน ทรท.บุกพบ “แอ้ด”ยื่นล้ม คปค.27
รูดม่านความคิดเข็น ก.ม.ปลุกซากศพ ทรท. “บิ๊กบัง” ลั่น คมช.เลิกพูดแล้วยันไม่ใช่หน้าที่ ปฏิเสธไม่ใช่ต้นเรื่องโยนที่มาจาก สนช.บางส่วน ยืนยันสัมพันธ์นายกฯ ยังเหนียวแน่น-มองตารู้ใจ คาดหวังได้รัฐบาลผสม-ผู้นำดีพบประเทศผ่านปัญหา ทรท.บุกยื่นหนังสือถึง “บิ๊กแอ้ด” ล้มประกาศ คปค. ให้อิสระนักการเมืองทำกิจกรรม พร้อมไปกกต.ขอจองชื่อ “ไทยรักไทย” ส่วน “จาตุรนต์” เสียงแข็งไม่รับเมตตาจากคมช. ย้ำถูกรุมจ้องฝังศพ “อดิศร” ไม่ค้อมคำนับเผด็จการ อัด “เสธ. หนั่น” อย่ายกตัวเองมาเทียบ “นพดล” เผย “ทักษิณ” หนุนแนวทาง “จาตุรนต์” ไม่รับนิรโทษกรรม “มัชฌิมา” ชูสภาชุดใหม่ผลักดันพ.ร.บ. นิรโทษกรรมแทน “ปริญญา” ชี้ออก ก.ม. นิรโทษกรรมทำได้เฉพาะโทษทางอาญา ตัดสิทธิทางการเมืองไม่เกี่ยว ครป.หนุนคว่ำประกาศ คปค.ระบายอุณหภูมิการเมือง เอแบคโพลส์ รายงานประชาชนอยากให้เลือกตั้งใน 3 เดือน “สพรั่ง” ฉายแววนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. คนต่อไป คดี คตส. สอบที่ดินรัชดา มีสมุดปกเหลืองสรุปคำไต่สวน 24 ปาก รวมทั้ง 2 อดีตผู้นำประเทศให้การ “ทักษิณ” เอี่ยวทางอ้อม พร้อมชำแหละความผิดปกติที่ไต่สวนพบ
โยนสนช.ที่มานิรโทษกรรม
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี เวลา 13.15 น. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ได้เดินทางมาอัดเทปรายการ “ตัว จริง ชัดเจน” ซึ่งจะออกอากาศในเวลา 20.40 น. ของวันจันทร์และวันอังคารที่ 4-5 มิ.ย. โดย พล.อ.สนธิ ให้สัมภาษณ์ก่อนอัดรายการ ถึงแนวคิดการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า แนวคิดนี้มาจากคนภายนอก ความจริงประธาน คมช.ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย แต่เมื่อประธานคมช.ได้ทำการปฏิรูปการปกครอง ซึ่งเราต้องการให้บ้านเมืองไปสู่ประชาธิปไตย และมีการเลือกตั้งในอีก 6-7 เดือนข้างหน้า ดังนั้น อะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นแนวความคิด และสามารถทำให้เกิดพลังได้ เราก็จะทำ
พล.อ.สนธิ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เหมือนกับการเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน เอาไปสะสมเป็นรากฐานของความเป็นประชาธิปไตยในอนาคตได้ดีที่สุด ซึ่งแนวคิดนี้ ถือเป็นกุศโลบายในทางปฏิบัติที่จะทำให้เกิดความสมานฉันท์
ส่วนที่นายกฯ ระบุว่า จะไม่เป็นผู้เริ่มเรื่องนี้เองนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร เพราะเรื่องนี้มันเป็นเพียงความคิดของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่ง คมช. ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว และการที่มี สนช. บางส่วนไม่เห็นด้วยนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ความคิดนี้ ถือว่ามาจาก สนช.บางส่วนเช่นกัน
ลั่นคมช.จบเรื่องนี้ไปแล้ว
เมื่อถามว่า ถ้ามีคนคัดค้านแนวคิดนี้จำนวนมาก จะยกเลิกการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คมช.จบเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อถามอีกว่า ดังนั้น อำนาจสูงสุดในการตัดสินใจคือใคร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คมช. เพียงแค่เสนอแนวคิด ส่วนอำนาจสูงสุดเป็นของนายกฯ หรือไม่ ตนไม่ทราบ เมื่อถามอีกว่า หากจะนิรโทษกรรม จะทำเป็นรายบุคคลหรือไม่ พล.อ. สนธิกล่าวเพียงว่า ไม่มีแนวความคิดตรงนี้
สำหรับกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รก. หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาแสดงความไม่ยอมรับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะถือว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เมื่อถามว่า หากจะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะสวนทางกับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า เรามองเรื่องผลประโยชน์และกุศโลบายของชาติ การสร้างประชาธิปไตยมีแนวความคิดหลากหลาย สำหรับตนก็มีวิธีหนึ่งที่จะเอามารวมกันกับหลาย ๆ วิธี เมื่อถามว่า นายจาตุรนต์ จะแปลคำวินิจฉัยตุลาการรัฐธรรมนูญส่งไปต่างประเทศ จะกระทบภาพลักษณ์ประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ประชาชนจะรู้ว่า ควรทำหรือไม่ควรทำอะไร
“บิ๊กบัง” ปัดไม่ใช่คนต้นคิด
พล.อ.สนธิ ยังกล่าวระหว่างการบันทึกเทปรายการ “ตัวจริง ชัดเจน” ตอนหนึ่งถึงการยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ว่า ได้มอบให้นักกฎหมายไปพิจารณาแล้วว่ายังมีข้อขัดแย้งอะไรอยู่บ้าง ส่วนตัวเห็นว่าถึงเวลา แล้วที่จะต้องยกเลิกในบางประเด็น ซึ่ง พล.อ.สุร ยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี บอกแล้วว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการพิจารณาเรื่องนี้ ส่วนการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ตนไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้เท่าที่ควร เพียงแต่มีผู้รู้เสนอมา ซึ่งเห็นว่าก็ดีเหมือนกันเพราะคนหลาย ๆ คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ดังนั้นต้องดูว่าเป็นไปได้หรือที่จะมาสร้างความสมานฉันท์ ส่วนที่หลายฝ่ายคัดค้านหลายคนคงคิดไม่เหมือนตนที่ภารกิจของตนมันยิ่งใหญ่ ต้องคิดให้ครอบคลุมในการไปถึงปลายทางที่สมบูรณ์ บางคนอาจจะมองในจุดที่ต่างกัน
ประธาน คมช. กล่าวยืนยันว่า ตนกับนายกฯ ไม่มีวันขัดแย้งหรือแยกกันเด็ดขาด เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก เล่นกีฬามาด้วยกัน มองตาก็รู้ใจ ต่อข้อถามว่า กลัวกลุ่มอำนาจเก่าหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ถ้าตนกลัว คนทั้งชาติจะเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาก็พยายามสร้างความมั่นใจให้กับคนรอบข้าง นอกจากนี้ เรื่องการทาบทามให้เป็นนายกฯ ตนยอมรับสภาพตัวเองถ้าเป็นไม่ได้อย่าฝืน เราจะไปฆ่าตัวเองทำไม ถึงวันนี้ยังไม่คิดที่จะเป็นนายกฯ เมื่อถามว่า พร้อมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับเข้าประเทศหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องเข้าเพราะเป็นความจำเป็นต้องมาต่อสู้คดี ส่วนมาก่อนหรือหลังการเลือกตั้งนั้นอยู่ที่รูปคดี
หวังรัฐบาลผสมเข็นประเทศ
ต่อข้อถามว่า คิดว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จะมีพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของทหารหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การจัดตั้งพรรคการเมืองจะต้องมีทั้งทุนและความนิยม ซึ่งตนมองไม่เห็นเลยว่า คมช. แต่ละคนมีบุคลิกที่เดินแบบ ทหารไม่เหมาะที่จะเป็นนักการเมือง อย่างไร ก็ตามหลังการเลือกตั้งผ่านไป ตนฝันที่จะอยากเห็นรัฐบาลที่ตั้งใจจริงในการพัฒนาประเทศและต้องทำให้ประชาชนมั่งมีร่ำรวย กินดีอยู่ดี ถ้าทำตรงนี้ได้ตนก็พอใจ
ต่อข้อถามว่า ถึงวันนี้มีความสบายใจหรือยัง พล.อ.สนธิกล่าวว่า ความไม่สบายใจของตนเกิดก่อนวันที่ 19 ก.ย. 49 แต่หลังจากนั้นตนก็สบายใจ และนับวันก็ยิ่งสบายใจมากขึ้น เพราะถึงถอดหมวกไปน้อง ๆ ก็ยังเข้ามารับผิดชอบอยู่ มันฝังอยู่ในเลือดทหารทุกคน ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของชาติ
นิรโทษกรรมได้แค่โทษอาญา
นายปริญญา เทวนฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์มหา วิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีการยกเลิก ประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ว่า ตามหลักกฎหมาย หากมีการออก พ.ร.บ. เพื่อยกเลิกประกาศ คปค. ดังกล่าว จะทำให้โทษที่มีมาก่อนหน้านี้หมดโทษไป ทั้งนี้ ตนมีข้อเสนอ 2 แนวทาง คือ 1.ให้ยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 หรือ 2.แก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ย้อนหลังไม่เป็นโทษ ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ประนีประนอมมากกว่า อย่างไรก็ตามก็มีแนวทางอื่นอีก เช่น ออกกฎหมายใหม่ทับประกาศคปค.ไปเลยก็ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้ 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายปริญญา กล่าวว่า การนิรโทษกรรมต้องใช้กับโทษอาญา ขณะที่ตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดียุบพรรคไม่ใช่โทษอาญาแล้วจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้อย่างไร ทั้งนี้ยังได้ยกตัวอย่างการทำรัฐประหารนั้นถือว่าเป็นโทษกบฏสามารถออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้
“โคทม” ชี้ทรท.ยังมีบทบาท
นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี สามารถมีบทบาททางการเมืองได้ เช่น การสนับสนุนพรรคการเมือง การเป็นที่ปรึกษาทางการเมือง โดยอดีต ส.ส. กว่า 200 ของพรรคไทยรักไทยที่เหลือ ก็สามารถจัดตั้งพรรคได้โดยมีกรรมการบริหารพรรคที่ถูกเพิกถอนสิทธิคอยสนับสนุน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผู้นำทางการเมืองรุ่นใหม่ได้
“อดีตกรรมการบริหาร ทั้ง 111 คน ควร ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้เกิดความอึมครึมทางการเมือง ส่วนการออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้นเป็นไปได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการยกเลิกการกระทำที่วินิจฉัยไปแล้วว่าไม่เป็นความผิด ซึ่งดูขัดแย้งกับความเป็นจริงและเข้าข่ายลักษณะการอภัยโทษมากกว่า” นายโคทม กล่าว
“สุขุม” คาดรธน.ปี 50 ส่อ “แท้ง”
นายสุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวถึงอนาคตการเมืองไทยหลังตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินยุบพรรคไทยรักไทยว่า พรรคไทยรักไทยเคยบอกรับได้กับคำตัดสินของศาลที่จะเกิดขึ้น แต่ลักษณะที่เกิดขึ้นบ่งบอกให้รู้ว่ารับไม่ได้ ส่วนกรณีนิรโทษกรรม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยนั้นตรงนี้ไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่ผ่านมาหลายคนติดใจประเด็นเดียว คือ ประเด็นการตัดสินที่ผ่านมา แต่หากยกโทษให้หมดเลยประชาชนคงไม่พอใจ สำหรับประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 ที่พรรคการเมืองพยายามเรียกร้องให้ยกเลิกนั้นก็เป็นเรื่องที่ คมช.จะตัดสิน อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าหากยกเลิกในเร็ว ๆ นี้ จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
ส่วนการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 นั้น นายสุขุม เปิดเผยว่า เชื่อว่าน่าจะ “แท้ง” เนื่องจากมีกระแสคัดค้าน ซึ่งคมช. ตัดสินใจจะเอารัฐธรรมนูญฉบับไหนนั้นทำไม่ได้ เนื่องจากต้องมีการลงมติกัน หากไม่ผ่านก็ไม่ได้ ขณะที่ประชาชนบางส่วนก็ยังมีการเรียกร้องรัฐ ธรรมนูญปี 2540 กลับมาคืนมา และหากนำกลับ มาใช้ก็จะผ่อนกระแสได้ คิดว่ามีหลายอย่างที่จะผ่อนกระแสได้ เช่น การเปิดเสรีภาพทางการเมือง ให้คนที่เคว้งคว้างขอจดทะเบียนแต่งตั้งพรรคใหม่ จะดีกว่าปล่อยให้นักการเมืองออกเคลื่อนไหว เพราะจะแย่ลงกว่าเดิม
ศาลหนุนแจกคำวินิจฉัยทั่วโลก
นายสมชาย พงษธา ประธานแผนกคดี ล้มละลายในศาลฎีกา 1 ใน 6 เสียงที่เห็นด้วยประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 มีผลบังคับใช้ย้อนหลังกำหนดโทษเพิกถอนสิทธิทางการเมืองในคดียุบ พรรค ได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณี พล.อ.สนธิ มีแนวคิดจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมกับกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน โดยนายสมชาย กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง
ขณะที่นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิ การสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะโฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย จะนำคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพิมพ์เผยแพร่ให้นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ นักศึกษา และแปลเป็นภาษาอังกฤษส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญและศาลสูงสุดของประเทศที่พัฒนาแล้วรวมไปถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนว่า เป็นเรื่องที่ดีน่าสนับสนุน เพราะคำวินิจฉัยที่มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ตัดสินให้ยุบพรรค ได้เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เป็นข้อพิพาท แห่งคดีและข้อกฎหมายที่นำมาบังคับลงโทษไว้ชัดเจน ซึ่งการแผยแพร่จะทำให้ได้มีการศึกษาร่วมกัน
ครป.เชียร์เปิดช่องลดกระแส
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 แต่ต้องมีเงื่อนไขที่ไม่ทำให้พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองฉวยโอกาสปลุกปั่นสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยก จนส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในเดือน ธ.ค.นี้
สำหรับแนวคิดการออกกฎหมายนิรโทษกรรม นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนอยากให้คิดทบทวนแนวคิดนี้ เพราะถือเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปและขาดเหตุผลที่ประชาชนจะยอมรับได้ ที่สำคัญแม้ คมช.จะทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์แต่ประชาชนก็มีสิทธิเคลือบแคลงในเรื่องการต่อท่ออำนาจของคมช.เข้ากับกลุ่มการเมืองด้วยหรือไม่
“จาตุรนต์” ไม่รับเมตตาคมช.
ขณะที่นายจาตุรนต์ แถลงว่า ในเรื่อง ออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้นตนไม่ได้ต่อ ต้านอย่างที่เป็นข่าว แต่ตนจะไม่ร้องขอให้ทำ หากจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้เราก็จะขอดูเหตุผลก่อนว่าเป็นอย่างไร หากบอกว่าเราผิดแล้วนิรโทษกรรมให้ ตนก็จะไม่ยอมรับเพราะหากรับก็เท่ากับว่าทำผิดจริง ตนจึงเสนอทางออกให้คืนความยุติธรรมให้กับผู้ที่ไม่ได้ทำผิดด้วยการแก้ไขประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ให้ยกเลิกข้อความที่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งควรทำให้เกิดความชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและทำไม่ได้ โดยเฉพาะการใช้อำนาจเผด็จการออกกฎหมายลงโทษคนอื่นย้อนหลัง อารยประเทศไม่ยอมรับ
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า สำหรับการพิมพ์คำวินิจฉัยคดียุบพรรคเผยแพร่ทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้น วัตถุประสงค์เพื่อให้มีการศึกษาและวิพากษ์วิจารณ์กลับมายังสังคมไทยซึ่งจะเป็นประโยชน์ แต่มีคนบอกว่าเท่ากับประจานรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ตนไม่เห็นว่าจะเป็นการ ประจานตรงไหน เพราะคำวินิจฉัยโดยเฉพาะความผิดในการจ้างพรรคเล็กและการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมข้อมูล ในทางวิชาการแล้วถือเป็นข้อหาที่เล็กไม่ถึงขั้นเป็นการล้มล้างประชาธิปไตย
ย้ำถูกรุมจ้องฝังศพทรท.
หัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย ยังกล่าวอีกว่า ข้อกล่าวหาที่อ่านกันยาวเหยียดสารพัดความผิด ก็ไม่ใช่ข้อวินิจฉัยของตุลาการ แต่เป็นการอ่านคำให้การของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในช่วง 1-2 วันมานี้ มีการนำคำวินิจฉัยส่วนนี้มาออกอากาศทางทีวีซ้ำ ๆ ถือเป็นการจงใจให้ประชาชนเห็นว่าพรรคไทยรักไทยผิด ทั้งที่ไม่ใช่ความเห็นของตุลาการเลย อย่าง ไรก็ตาม ยอมรับว่ารู้สึกกังวลกับข่าวลือที่ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่มีพรรคไทยรักไทย ขอเรียกร้องให้สังคมและผู้มีอำนาจคิดให้รอบคอบหากทำเช่นนั้นบ้านเมืองก็จะกลับไปมีสภาพเหมือนการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. และยิ่งหากมีการเลื่อนวัน เลือกตั้งให้เร็วขึ้น ยิ่งชัดเจนว่าจะไม่ให้เรามี สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ตนอยากให้เข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่ได้ทำผิดแต่ถูกลงโทษทั้งหมดด้วย ขอฝากถาม พล.อ.สนธิ สมมุติว่ามีสัสดีคนหนึ่งไปรับเงินเพื่อไม่ให้คน ๆ หนึ่งต้องถูกเกณฑ์ทหาร ต่อมาสืบพบว่าสัสดีคนนี้เป็นลูกน้องคนสนิทของรองแม่ทัพ แล้วรองแม่ทัพก็เป็นคนสนิทของแม่ทัพ แต่สุดท้ายถูกสั่งยุบทั้งกองทัพ แต่วันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวคล้ายชุดทหารออกมาวิ่งตะโกนขอความเป็นธรรมว่ามา ปลดเขาออกได้อย่างไร ตนขอถามว่าถ้าพล.อ. สนธิ เป็นแม่ทัพจะทำอย่างไร
ยื่นหนังสือล้มประกาศคปค.
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง แกนนำกลุ่มไทยรักไทย แถลงว่าในวันที่ 4 มิ.ย. เวลา 10.00 น. อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อพล.อ.สุรยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้พิจารณายกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 จากนั้นเวลา 11.30 น. จะเดินทางไปยัง กกต. เพื่อแสดงเจตจำนงขอจองชื่อไทยรักไทยและขอให้ กกต.เปิดรับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคได้
ร.ท.กุเทพ กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลและกกต.ยังประวิงเวลาก็เท่ากับว่าปิดประตูตีแมว และขอร้องให้อดีต 3 พรรคฝ่ายค้านร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยกลับคืน มิเช่นนั้นจะถือว่าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ยืนยันว่าเราจะใช้ชื่อพรรคไทยรักไทยต่อไปแม้จะมีคนบอกว่าเป็นชื่ออัปมงคลก็ตาม ซึ่งความจริงไทยรักไทยเป็นชื่อมงคล เพราะที่ผ่านมาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีสั่งห้ามไม่ให้คนของพรรคไทยรักไทยไปออกรายการทางช่อง 11 หลังตัดสินยุบพรรค และยังมีการส่งข้อความผ่านทางโทรศัพท์มือถือถึงนักการเมืองให้ร่วมมือกับ คมช. ให้บ้านเมืองเป็นไปโดยสันติ การทำอย่างนั้นเหมือนกับว่านักการเมืองเป็นคนเลว ขณะนี้กำลังตรวจสอบที่มาของหมายเลขที่ใช้ส่งข้อความ
“กลุ่มคนรักทักษิณ” ถวายฎีกา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน นายสุดชาย บุญไชย ในฐานะที่ปรึกษากลุ่มคนรักทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 4 มิ.ย. เวลา 11.00 น. ทางกลุ่มคนรักทักษิณ จะเดินทางไปถวายฎีกาที่สำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับแกนนำพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน นายสุดชาย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เราได้ล่ารายชื่อประชาชนในการร่วมถวายฎีกาครั้งนี้ได้ 10,000 คน เฉพาะในเขตกท.และจะออกล่ารายชื่อที่ต่างจังหวัด ต่อไป จนกว่าจะครบห้าหมื่นหรือหนึ่งแสนชื่อ
“อดิศร” ไม่ค้อมคำนับเผด็จการ
นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำกลุ่มไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีการพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทยว่า วงการนิติศาสตร์ตื่นตัวอย่างมากจากผลคำวินิจฉัยยุบพรรค ในฐานะที่ตนเป็นศิษย์เก่าคณะ นิติศาสตร์ มธ. ได้รับการสั่งสอนจาก ศ.ดร.หยุด แสงอุทัย ปรมาจารย์ด้านกฎหมายว่า กฎหมายทั้งแพ่งและอาญาไม่มีโทษย้อนหลัง ซึ่งตุลาการหลายคนในคดีนี้ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ของ ศ.ดร. หยุด นอกจากนี้การลงโทษโดยที่ไม่เคยนำผู้กระทำผิดมาขึ้นศาล วงการนิติศาสตร์เขาไม่ทำกัน ทำราวกับเป็นคำวินิจฉัย 7 ชั่วโคตร คือเมื่อพ่อทำผิด แล้วยึดหลักว่าลูกจะต้องผิดไปด้วย ถือเป็นคำวินิจฉัยที่น่าละอายที่สุด และจะเป็นตราบาปติดตัวไป
นายอดิศร กล่าวต่อว่า ตนจะไม่ขอรับการนิรโทษกรรมจาก คมช.อย่าเอามือที่กักขฬะมาช่วยนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเช่นพวกเรา และเรียกร้องขอให้ประชาชนร่วมกันขับไล่เผด็จการทหาร ให้ออกจากการเมืองโดยเร็วที่สุด สำหรับกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน ออกมาแนะนำว่าให้ยอมรับคำวินิจฉัยเพราะโทษเพิกถอนสิทธิการเมือง 5 ปีซึ่งเป็นเวลาไม่นานนั้น เรื่องคดีของพล.ต.สนั่นและพวกเราเป็นคนละเรื่องกัน อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญที่พิจารณาคดีก็มาจากรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ได้มาจากการแต่งตั้งของ คมช. ดังนั้นอย่าใช้วิชาเหยียบเมฆไม่มีรอยมาใช้กับเรา
“แม้ว” หนุนแนวทาง “จาตุรนต์”
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่มีคนเสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกเพิกถอนสิทธิการเมือง 5 ปี ว่า ตนไม่ได้พูดคุยในเรื่องดังกล่าว กับ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่าคงจะมีการพูดคุยผ่าน ทางแกนนำกลุ่มไทยรักไทยบ้างแล้ว ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงมีความเห็นสอดคล้องกับนายจาตุรนต์ที่แสดงออกในขณะนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังกำกับกลุ่มไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณปล่อยให้เป็นอำนาจการตัดสินใจของแกนนำเพราะได้ประกาศวางมือการเมืองไปแล้ว
สำหรับการเดินทางกลับประเทศ นายนพดล ยังยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมจะกลับทันทีที่ศาลมีคำสั่งพ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาล ซึ่งก็หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม ส่วนการปิดเว็บไซต์ “ไฮ ทักษิณ” นั้นคิดว่ากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และคมช.ควรเปิดให้ประชาชนมีช่องทางสื่อสารกันบ้าง ไม่เช่นนั้นประชาชนจะต้องไปสนามหลวง ถ้าไปกันจำนวนมากก็จะกลายเป็นปัญหาให้ คมช.ต้องแก้มากขึ้น ทางที่ดีควรปล่อยให้มีการสื่อสารกันได้
ชูสภาชุดใหม่ดันนิรโทษกรรม
นายโสภณ เพชรสว่าง ประธานคณะทำงานฝ่ายการเมืองกลุ่มมัชฌิมา กล่าวว่า ทาง กลุ่มฯ ยอมรับคำตัดสินของตุลาการฯเพราะถือว่าสิ้นสุดแล้ว แนวทางการต่อสู้ของกลุ่มฯต่างจากนายจาตุรนต์ เราจะเรียกร้องให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ใช่สภาที่มาจากคมช. เพราะเราไม่เชื่อว่าสภาชุดนี้จะทำ รวมถึงไม่เชื่อว่าจะ มีการเลือกตั้งด้วย เพราะในประวัติศาสตร์การปฏิวัติถ้ายังจัดการกับการเมืองไม่เรียบร้อยก็จะไม่วางมือคืนอำนาจ ดังนั้นนักวิชาการทั้งหลายอย่าได้หวังว่าประเทศจะมีระบอบการปกครองแบบอารยประเทศ
ปชป.จี้เลิกประกาศ คปค.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พล.อ.สุรยุทธ์ และคมช.ควรพิจารณายกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 เฉพาะประเด็นของการทำกิจกรรมทางการเมือง ภายใน 2 สัปดาห์ตามที่นายกฯได้พูดเอาไว้ ซึ่ง ครม. สามารถออกมติให้แก้ไขประกาศได้ทันทีอยู่แล้ว ส่วนนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า โดยควรผ่อนคลายประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถทำกิจกรรมได้ และสามารถจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ได้โดยเร็ว ซึ่งจะทำให้บรรยากาศประชาธิปไตยเกิดขึ้นและจะช่วยผ่อนคลายแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ส่วนความเคลื่อนไหวให้ออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรมให้กับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยบางคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดียุบพรรคนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความเห็นใด ๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่พรรคมีส่วนได้ส่วนเสีย แต่อยากเรียกร้องต่อสังคมว่าขอให้ไปอ่านคำวินิจฉัยให้ถ่องแท้และครบถ้วน ก่อนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ
“มาร์ค” แนะเร่งฟื้นความเชื่อมั่น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนบทความเรื่อง “ประเทศไทยต้องเดินหน้า-ปัญหารอไม่ได้” ลงในเว็บไซต์ส่วนตัว www.abhisit.org ว่า ในที่สุดการตัดสินคดียุบพรรคก็ผ่านพ้นไป แต่ผลพวงที่ตามมาจากการตัดสินยังคงเป็นปมปัญหาของการเมืองไทยต่อไป ผู้เกี่ยวข้องจะต้องเร่งคลี่คลาย จึงขอให้ทุกฝ่ายยึดแนวทางของสันติวิธี ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ตนได้เสนอว่าควรอนุญาตให้จัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้โดยเร็ว เพื่อให้ผู้สนับสนุนพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกฝ่ายมีโอกาสในการแข่งขันตามวิถีทางรัฐสภาในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นปลายปีนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาของ ประชาชนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มาจากปัญหาใหญ่ที่เรียกรวม ๆ ว่า “ปัญหาความเชื่อมั่น” ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ความไม่สงบ และมาตรการที่มีผลสั่นคลอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ การแก้ปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องอาศัยความมั่นคง การมีเสถียรภาพของสังคม การเมือง ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน คือ การยุติความรุนแรง จัดทำกติกาบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตย สร้างความชัดเจนทางการเมือง เพื่อทุกฝ่ายจะได้ทุ่มเทไปที่เป้าหมายของการแก้ปัญหาให้ประชาชนคนไทยทุกคน โดยการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และนำความสันติสุขกลับคืนมา
โพลชี้อยากเลือกตั้งใน 3 เดือน
นายนพดล กรรณิกา ผอ.ศูนย์วิจัย เอแบค นวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นเรื่อง “อารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชนหลังคดียุบพรรคการเมือง : กรณีศึกษาประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 15 จังหวัดของประเทศ” ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. 3,189 ตัวอย่าง พบว่า ร้อยละ 62.6 ระบุว่าความสุขโดยรวม ลดลง เพราะความขัดแย้งวุ่นวายทางการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ภาระหนี้สินค่าครองชีพสูง ขณะที่ร้อยละ 22.5 เหมือนเดิม ร้อยละ 14.9 ระบุว่าเพิ่มขึ้น ส่วนคิดเห็นต่อพฤติกรรมนักการเมืองหลังคดียุบพรรค พบว่า ร้อยละ 63.4 ระบุจะเหมือนเดิม ร้อยละ 15.6 ระบุจะแย่ลง ในขณะที่ร้อยละ 8.7 ระบุจะดีขึ้น และร้อยละ 12.3 ไม่มีความเห็น
อย่างไรก็ตาม พบว่าตัวอย่างร้อยละ 46.7 อยากให้มีการเลือกตั้งไม่เกิน 3 เดือนนับจากนี้ไป ในขณะที่ ร้อยละ 38.1 อยากให้มีการเลือกตั้งภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า และร้อยละ 15.2 อยากให้มีการเลือกตั้งหลังช่วงปีใหม่ไปแล้ว
“สพรั่ง” ฉายแววนั่งเก้าอี้ผบ.ทบ.
ทั้งนี้ ระหว่างบันทึกเทปรายการ “ตัวจริง ชัดเจน” ทางทีไอทีวี พล.อ.สนธิ ตอบคำถามถึงตัวเต็งในตำแหน่ง ผบ.ทบ. คนใหม่ว่า มันเป็นเรื่องลับสุดยอดในชีวิต ตลอดชีวิตรับราชการทหารมา เรื่องการปรับย้ายไม่เคยบอกใครให้รู้ล่วงหน้า จนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ต่อข้อถามว่า พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นตัวเต็งที่จะเข้ามาเป็น ผบ.ทบ.หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นนายทหารที่มีความอาวุโสที่สุดที่เหลืออยู่ในขณะนี้ พล.อ.สพรั่งเป็นรุ่นน้องของตนหนึ่งรุ่น มีความอาวุโส มีความพร้อม แต่จะวางใครให้อยู่ในตำแหน่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่มาก
เมื่อถามถึงคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับ ผบ.ทบ.คนใหม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คนที่เป็น 5 เสือ ทบ.ซึ่งเหลืออยู่ 3 คน มีทุกอย่างพร้อม การตัดสินใจแค่ 5 วัน ก่อนเกษียณก็ตัดสินใจได้แล้ว เมื่อถามว่า ทำไมถึงไม่มีพล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สนธิ กล่าวพร้อมกับหัวเราะว่า “ลืมไป”
มีสมุดปกเหลืองคดีที่ดินรัชดาฯ
รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงสำนวนคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ที่ คตส. ส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่า นอกเหนือจากสำนวนการสอบสวน ยังพบว่ามีสมุดหน้าเหลือง เรื่อง “สรุปข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบกรณีที่มีการตรวจสอบไต่สวนเรื่องการซื้อขายที่ดินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน” เดิม คตส.จะนำมาเปิดเผยผ่านสื่อมวลชนเพื่อให้ประชาชนทราบ แต่นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุดห้ามเอาไว้ โดยขอให้เปิดเผยหลังมีการยื่นสำนวนฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเสียก่อน ซึ่งหนังสือดังกล่าวได้สรุปคำพยานบุคคลในชั้นตรวจสอบไต่สวนรวม 24 ปาก แต่ปิดชื่อเอาไว้
ทั้งนี้ ได้มีการเปิดเผยถึงเนื้อหาสาระ สำคัญของพยานบุคคลที่มาให้การกับอนุกรรม การไต่สวนที่น่าสนใจเช่น การให้การของอดีตหัวหน้ารัฐบาล 2 คน คือนายชวน หลีกภัย กับนายบรรหาร ศิลปอาชา อย่างไรก็ตามในหนังสือดังกล่าวไม่ได้ระบุชื่อไว้ เพียงแต่ระบุว่าเป็นอดีตหัวหน้ารัฐบาล เนื้อหาโดยสรุปให้การว่านายกรัฐมนตรีแม้ไม่ได้กำกับดูแลโดยตรง แต่หากเป็นทางอ้อมสามารถเข้าไปดูเพื่อให้มีการดำเนินการได้
ชำแหละความผิดปกติที่พบ
ทั้งนี้สมุดปกเหลืองยังระบุถึงสิ่งผิดปกติที่อนุกรรมการไต่สวนพบ เช่น 1.ในการประกวดราคาที่ดินพบว่าการประกาศขายครั้งแรกมีการกำหนดราคาขั้นต่ำไว้ 870 ล้านบาท แต่การขายครั้งที่สอง กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯไม่ได้กำหนดราคาขั้นต่ำ 2.ในการประกาศประมูลมีรายละเอียดวันซื้อซองประกวดราคา วันยื่นซองประกวดราคา และวันเปิดซองประกวดราคาไว้โดยครบถ้วน แต่หนังสือชี้ชวนให้บริษัทต่าง ๆ เข้าร่วมประกวดราคาจะมีเฉพาะวันที่เข้าประมูลเท่านั้น
3.การประกาศประมูลครั้งแรกทางอินเทอร์เน็ต ประมูลทั้ง 13 โฉนดรวมกันไป แต่การประมูลครั้งที่ 2 มีการรวมโฉนดจาก 13 โฉนดแล้วแยกเป็น 4 โฉนด ทำให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรวมโฉนดและแยกโฉนด โดยไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้ และ 4.อนุกรรมการไต่สวนพบว่ามีความผิดปกติในการออกโฉนดที่ดิน
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์