สนามบินเจเอฟเคของนครนิวยอร์กหวิดพินาศวายวอดจากแผนการก่อการร้ายสะท้านโลก โชคดีที่ สหรัฐรวบตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้แล้ว 3 คน เป็นชาวกายอานา กับ ตรินิแดด และ โตเบโก ระบุเป้าหมายคลังน้ำมันและท่อส่งน้ำมัน ขณะที่ทำเนียบขาวออกมาชมว่าเป็นคดีตัวอย่างของความร่วมมือระดับสากลในการต่อต้านก่อการร้าย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากนครนิว ยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่า นางโรสลินน์ เมาสคอพ์ฟ อัยการเขตตะวันออกของนิวยอร์ก แถลงว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐได้ส่งฟ้องศาลดำเนินคดีผู้ต้องสงสัย 4 คน พร้อมกับตั้งข้อหาวางแผนการระเบิดสนามบินจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ (เจเอฟเค) ของนครนิว ยอร์ก ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งแผนการร้ายอันน่าสยดสยองเหนือคำบรรยาย ส่วนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นตามมานั้นก็จะรุนแรงอย่างไม่คาดคิด มาก่อน โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้วางแผนที่จะระเบิดคลังน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินและบางส่วนของท่อส่งน้ำมันระยะทาง 64 กม. จากรัฐนิวเจอร์ซีย์มายังสนามบินเจเอฟเค ซึ่งจากคำให้การของผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งระบุว่า คาดว่าจะมีผู้รอดชีวิตน้อยมาก และผลของการโจมตีจะทำลายสนามบินเจเอฟเคทั้งหมดได้อย่างราบคาบ
สำหรับผู้ต้องสงสัยที่จับได้ 4 คน ทราบว่า มีหนึ่งคนที่เป็นอดีตสมาชิกรัฐสภาของประเทศ กายอานา และมีอีกหนึ่งคนเป็นเจ้าหน้าที่แผนกคลังสินค้าของสายการบินหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายก่อการร้ายอัล-เคดา ของนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีนิวยอร์กเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544 แต่ก็เกี่ยวข้องกับกลุ่มศาสนาหัวรุนแรงในประเทศตรินิแดด และ โตเบโก นอกจากนั้นจากคำให้การของผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ระบุว่า การโจมตีครั้งนี้จะทำลายระบบเศรษฐกิจของสหรัฐได้ และในสำนวนส่งฟ้องศาลระบุว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ใช้รหัสโจมตีว่า ฟาร์มไก่ มีเป้าหมายทำลายอยู่ที่อาคารสนามบิน เครื่องบิน คลังน้ำมัน และท่อส่งน้ำมัน
ข่าวการทำลายแผนการก่อการร้ายระเบิดสนามบินเจเอฟเคถูกเปิดเผยขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของสหรัฐสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยกลุ่มศาสนาหัวรุนแรง 6 คน โดยมีแผนที่จะโจมตีฐานทัพสหรัฐฟอร์ต ดิกซ์ รัฐนิวเจอร์ซีย์
อย่างไรก็ตาม แผนการร้ายนี้ ถูกสกัดไว้ได้ทันการเพราะความช่วยเหลือจากสายข่าวที่ได้ลอบบันทึกการสนทนากับหนึ่งในผู้ต้องสงสัยประมาณเดือนที่แล้ว และสามารถรวบตัวไว้ได้ทัน แต่ทางสำนักงานสืบสวนสอบสวนแห่งรัฐบาลกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) กล่าวว่า ไม่มีภัยคุกคามต่อประชาชนในแผนการนี้ ส่วนจะมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมหรือไม่ ทางเอฟบีไอปฏิเสธที่จะให้ข่าวนี้ แต่ก็ยอมรับว่า แผนการนี้เริ่มขึ้นในสหรัฐ และขยายผลไปยังประเทศตรินิแดด และ โตเบโก และกายอานา มีการติด ตามผลอย่างต่อเนื่องซึ่งถือว่าผิดปกติ เช่น การหาทุนและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รวบรวมภาพ ถ่ายและภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด รวมถึงภาพถ่ายดาวเทียมสำหรับเป้าหมายที่จะใช้โจมตี
น.ส.เจนี่ มาโม โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐ ได้รับฟังบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเกี่ยวกับแผนการก่อการร้ายครั้งนี้แล้ว รวมถึงรายงานสถานการณ์ความคืบหน้า และทำเนียบขาวระบุว่า คดีนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงถึงความร่วมมือในระดับสากลของการต่อต้านก่อการร้าย ขณะที่นายเรย์ เคลลี่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนิวยอร์ก กล่าวถึงแผนการก่อการร้ายว่า เกี่ยวข้องกับประเทศในแถบแคริบเบียนซึ่งแทบจะไม่มีบทบาทในเรื่องการก่อการร้ายเลย และทำให้เราหันมาให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นกับเครือข่ายก่อการร้ายที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มศาสนาหัวรุนแรง
รายงานข่าวระบุด้วยว่า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่จับได้ เปิดเผยชื่อออกมาแล้วว่าคือ นายรัสเซลล์ เดอไฟรตัส เป็นพลเมืองสหรัฐแต่เกิดที่ประเทศกายอานา ถูกจับได้ที่นิวยอร์ก เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประจำสนามบินเจเอฟเค ทำหน้าที่เป็นสายข่าวให้กับกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ ส่วนอีก 2 คน ถูกคุมตัวอยู่ที่ประเทศตรินิแดด และ โตเบโก คือ นายอับดุล คาดีร์ เป็นพลเมือง ของกายอานา และเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐ สภาของกายอานาด้วย นายคารีม อิบราฮิม เป็นพลเมืองของตรินิแดด และ โตเบโก ขณะนี้ทางการสหรัฐกำลังดำเนินการเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน กลับมาดำเนินคดีในสหรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลตรินิแดด และ โตเบโก เผยว่า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกจับขณะขึ้นเครื่องบินหลบหนีไปยังประเทศเวเนซุเอลา และ ผู้ต้องสงสัยรายที่ 4 คือ นายอับเดล นูร์ เป็นพลเมืองของกายอานา คาดว่าขณะนี้กำลังหลบหนีอยู่ที่ประเทศตรินิแดด และโตเบโก ซึ่งทั้งนายคาดีร์ และนายนูร์ ทำงานให้กับกลุ่มหัวรุนแรงที่อยู่เบื้องหลังความพยายามก่อการรัฐประหารในประเทศตรินิแดด และ โตเบโก เมื่อปี 2533
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์