แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

โรคร่วมสมัย มาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : โรคร่วมสมัย มาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ
ภาพจากหนังสือพิมพ์ มติชน

<dd><b>กลุ่ม C</b>
<dd><b>ฮอลแลนด์ 0 - 0 อาร์เจนตินา</b>

?ขุนพลฟ้า-ขาว? อาร์เจนตินา ลงสนามในรอบแรกนัดสุดท้าย กลุ่ม C เจอกับ ?อัศวินสีส้ม? ฮอลแลนด์ ที่สนามคอมเมิร์ซแบงค์ อารีนา เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งทั้ง 2 ทีมผ่านเข้ารอบแน่นอนแล้ว หลังชนะกันมาทีมละ 2 นัด โดย อาร์เจนตินา ชนะ ไอวอรีโคสต์ 2-1, ชนะ เซอร์เบียฯ 6-0 ส่วน ฮอลแลนด์ ชนะ เซอร์เบียฯ 1-0 และชนะ ไอวอรีโคสต์ 2-1 ซึ่งเกมนี้ โฮเซ เปเกอร์มัน กุนซืออาร์เจนตินา ส่งดาวรุ่ง ลิโอเนล เมสซี และ คาร์ลอส เตเบซ ลงเป็นตัวจริงเป็นนัดแรก ในขณะที่ มาร์โก ฟาน บาสเทน กุนซือฮอลแลนด์เก็บ อาร์เยน ร็อบเบน ปีกจากเชลซีเอาไว้ แต่ยังมี รุด ฟาน นิสเตลรอย เป็นหอกเป็นหอกตัวเป้า เปิดฉากครึ่งแรกเกมสูสี นาทีที่ 18 ฮอลแลนด์ได้เสียวก่อนจากจังหวะที่ เดิร์ก ไคต์ หลุดเข้าไปยิงมุมแคบ แต่โดน โรแบร์โต อับบอนดานเซียรี นายทวารอาร์เจนตินาปัดบอลออกไปได้หวุดหวิด จากนั้นเกมสู้กันสนุกระหว่างเกมทำชิ่งตามช่องของอาร์เจนตินา กับการขึ้นบอลทางปีกทั้ง 2 ด้านของฮอลแลนด์ นาทีที่ 27 ฮวน โรมัน ริเกลเม เปิดฟรีคิกเลียดไปเสาแรก คาลิด บูลารุซ กองหลังฮอลแลนด์สกัดพลาดลูกพุ่งไปชนเสา หวิดทำเข้าประตัวเอง และนาทีที่ 30 มักซี โรดิเกซ ของอาร์เจนตินาสับไกยิงเฉียดเสาออกไปอีก ช่วงที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ถนัด จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลัง รูปเกมบยังเหมือนเดิม อาร์เจนตินา ทำเกมบุกกดดันฮอลแลนด์ได้มากกว่า แต่แผงหลังของทั้ง 2 ทีมยังทำหน้าที่กันได้ดี นาทีที่ 56 ฮอลแลนด์ปรับทัพส่งกองหน้าดาวรุ่ง ไรอัน บาเบิล ไปแทน รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่โดนกองกลังอาร์เจนตินาประกบจนโชว์ฟอร์มไม่ออก ขณะที่นาทีที่ 67 อาร์เจนตินา ส่ง ฮูลิโอ ครูซ ลงไปแทนเมสซี นาทีที่ 74 คาร์ลอส เตเบซ สับไกยิงจากริมกรอบเขตโทษ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารฮอลแลนด์พุ่งปัดได้ทันฉิวเฉียด ช่วงที่เหลือทั้ง 2 ยังต้องอาศัยการยิงไกล ที่พลาดเป้าไปหมด ครบ 90 นาทีเสมอกันไป 0-0 ทำให้มี 7 แต้มเท่ากัน แต่อาร์เจนตินา ประตูได้เสียดีกว่า เข้ารอบเป็นที่ 1 ของกลุ่ม C ไปเจอกับเม็กซิโก ทีมที่ 2 ของกลุ่ม D วันที่ 24 มิ.ย. นี้ ส่วนฮอลแลนด์เข้ารอบ 2 ไปเจอกับโปรตุเกสทีมที่ 1 กลุ่ม D วันที่ 25 มิ.ย. นี้

<dd><b>ไอวอรี โคสต์ 3 - 2 เซอร์เบียฯ</b>

ฟุตบอลโลก 2006 รอบแรก นัดสุดท้าย กลุ่ม C เมื่อ 21 มิ.ย. ไอวอรีโคสต์ พบ เซอร์เบียและมอนเตเนโกร ที่สนามฟีฟ่า เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม กรุงมิวนิก โดยเกมนี้ไม่มีความหมายแล้ว เพราะทั้งคู่ตกรอบแน่นอนแล้ว เริ่มเกมแค่ 10 นาที เซอร์เบีย ออกนำ จากฟรีคิกที่ เดยัน สแตนโกวิช เปิดโด่งมาหน้าประตูให้ นิโกลา ซิกิส แตะบอลหลบ บูบาร์กา แบร์รี ผู้รักษาประตูไอวอรีโคสต์แล้วยิงโล่ง ๆ เข้าไป จากนั้นอีก 10 นาที เซิร์บได้ประตูที่ 2 เมื่อ ซิริล โดโมโรต์ สกัดบอลไม่ดี มาเข้าทาง ซาซา อิลิช ล็อกหลบ แบร์รี แล้วยิงเข้าไปง่าย ๆ ต่อมานาที 36 ไอวอรีโคสต์ ตีตื้นสำเร็จจากจุดโทษของ อารูนา ดินดาเน หลังจาก มิลาน ดูดิช ทำแฮนด์บอลในเขตโทษ ช่วงท้ายครึ่งแรก อัลเบิร์ต นาดจ์ มิดฟิลด์เซิร์บโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม แต่ช่วงที่เหลือทั้งคู่ทำอะไรกันไม่ได้ หมดครึ่งแรก เซอร์เบีย นำ ไอวอรีโคสต์ 2-1

ครึ่งหลัง ไอวอรีโคสต์ โหมเกมบุกหนัก และตีเสมอสำเร็จ ในนาที 67 จากลูกโหม่งของ ดินดาเน คนเดิม และนาที 85 ทีมจากแอฟริกาก็ได้ประตูออกนำจนได้จากจุดโทษของ โบนาวองตูร์ คาลู จากนั้นช่วงทดเวลาเจ็บ ไอวอรีโคสต์ เหลือ 10 คน เหมือนกัน เมื่อ โดโมโรต์ โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดง แต่ทั้งคู่ก็ทำอะไรกันไม่ได้อีก หมดเวลา ไอวอรีโคสต์ ชนะ เซอร์เบียฯ 3-2 คว้าชัยชนะนัดแรกในฟุตบอลโลกสำเร็จ พร้อมเก็บ 3 แต้ม รั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม ขณะที่เซิร์บไม่มีคะแนน รั้งอันดับสุดท้าย

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215