เรื่องราวชีวิตของเด็กหญิงลูกกำพร้า อาศัยอยู่กับป้า แต่ไม่ทำตัวเหลวไหล คิดดี ทำดี ใช้เวลาว่างช่วงวันหยุด นำความสามารถพิเศษมาใช้หารายได้เป็นทุนการศึกษาในตลาดนัดสวนจตุจักรครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ท่ามกลางผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของอยู่ที่บริเวณตลาดนัดสวนจตุจักร พบว่าที่ริมบาทวิถีหน้าสวนจตุจักร ฝั่งตรงข้ามกรมการขนส่งทางบก มีเด็กหญิงผิวขาว สวมชุดนักเรียน นั่งตีขิมอยู่ ที่ด้านหน้าที่นั่งมีฝาซองใส่ขิมวางไว้ และมีป้ายกระดาษเขียนข้อความทั้ง ภาษาไทยและภาษาอังกฤษว่า “คุณแม่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หาเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษา ขอบคุณค่ะ” ซึ่งเรียกความสนใจจากคนที่สัญจรไปมา และช่วยหย่อนเงิน ที่มีทั้งเหรียญและธนบัตรลงในซองใส่ขิมกันอยู่เรื่อยๆ
เมื่อเข้าไปสอบถามเด็กหญิงคนดังกล่าว ทราบว่าชื่อ ด.ญ.ฟารีดา ศิริพงษ์ หรือ “น้องเกรซ” อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1/1 โรงเรียนคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม โดยน้องเกรซยังเล่าถึงสาเหตุที่ต้องมาตีขิมอยู่ริมถนนอย่างไม่เคอะเขิน เพราะต้องการหารายได้ช่วยป้าที่ไปอาศัยอยู่ด้วย เพราะแม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่วนพ่อไม่เคยพบหน้าเลยตั้งแต่เกิด
น้องเกรซกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ฐานะทางบ้านยังไม่ลำบาก แม่ส่งเรียนดนตรีจนสามารถเล่นได้หลายชนิด นอกจากขิมแล้วยังเล่นจะเข้และฆ้องวงได้ แต่ หลังจากแม่ตายไม่มีใครดูแล จึงต้องย้ายมาอยู่กับป้าในห้องเช่าซอยบูเราะห์อารีย์ ถนนเสรีไทย 30 เขตบึงกุ่ม ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ค่อยดี ป้าไม่มีรายได้ จึงมาตีขิมหาเงิน โดยมาตีขิมเล่นเพลงไทยเดิม ขอบริจาคตั้งแต่เดือน ก.ย.ปีที่ผ่านมา ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งคนจะสงสารและช่วยบริจาค ชาวต่างชาติจะให้มาก ครั้งแรกที่มาเล่นมีคนขอเพลงเขมรไทรโยค แล้วให้เงิน 1,000 บาท ทำให้มีรายได้พอเป็นค่าใช้จ่าย และเก็บเป็นทุนการศึกษา ซึ่งการมาตีขิมก็ไม่ได้ทำให้เสียการเรียน และตนเองก็ได้รับทุนพระราชทานด้วย โดยช่วงที่เรียนจบ ป.6 จากโรงเรียนวัดบางเตย กลัวจะไม่ได้เรียนต่อ ม.1 จึงเขียนจดหมายเล่าประวัติชีวิตที่อาภัพความยากลำบาก ขอทุนพระราชทานจากในหลวง และสำนักราชเลขาธิการ ได้มีหนังสือตอบกลับมา หลังจากนั้นมีเจ้าหน้าที่มาตรวจดูชีวิตความเป็นอยู่ และช่วยเหลือให้เรียนที่โรงเรียนคลองกุ่ม ตอนนี้กำลังจะขึ้นชั้น ม.2
หลังจากพูดคุยกับน้องเกรซได้สักพัก ก็พบว่า น้องเกรซไม่ได้มานั่งตามลำพัง แต่นางเจริญผล ฉัตรทอง อายุ 42 ปี ที่มีศักดิ์เป็นป้า มานั่งขายของอยู่ใกล้ๆ กันด้วย ซึ่งนางเจริญผลร่วมเปิดเผยชีวิตสุดอาภัพของหลานสาวด้วยว่า เคยมีบ้านอยู่แถวตลิ่งชัน แต่ต้องขายเอาเงินมารักษาแม่ของน้องเกรซ ที่ป่วยจากมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบริเวณคาง หลังจากแม่น้องเกรซตายไม่นาน คุณตามาตายไปอีกคน จึงพาหลานออกมาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน และน้องเกรซได้ขอร้องให้พามาแสดงตีขิมโชว์ โดยเห็นมาจากโทรทัศน์ว่ามีเด็กมาโชว์ความสามารถหารายได้ พิเศษ และตนก็รับของเล็กๆน้อยๆมานั่งขายเป็นเพื่อน แม้จะรู้สึกห่วงอนาคตของหลานที่โตขึ้นทุกวัน แต่เป็นความต้องการของเขาและผลการเรียนก็ไม่เสีย หลานคนนี้เคยตีขิมเก็บเงินนาน 3 เดือน เอาไปเป็นค่าบรรจุกระดูกของคุณตา และเคยเล่าให้ทางสำนักราชเลขาธิการที่มาเยี่ยมดูความเป็นอยู่ของเด็กทุนพระราชทานฟัง ท่านก็ชมว่าเป็นเด็กมีความกตัญญู
เมื่อหันไปถามน้องเกรซว่า มานั่งตีขิมริมถนนแบบนี้ เจอเรื่องไม่ดีบ้างหรือเปล่า น้องเกรซตอบว่า ก็มีบางคนทำทีมาขอเบอร์โทรศัพท์ เหมือนว่าอยากจะช่วยเหลือ แต่กลับชักชวนให้ไปขายบริการ จึงต้องระวังตัว
ต่อมาผู้สื่อข่าวก็ได้รับการเปิดเผยจากนายพจน์ สว่างภัค เจ้าหน้าที่เทศกิจ ซึ่งดูแลพื้นที่อยู่ด้านหน้าสวนจตุจักรว่า เห็นเด็กมานั่งตีขิมขอรับบริจาคทุนการศึกษานานหลายเดือนแล้ว เห็นน่าสงสาร และการเล่นดนตรีไทยก็น่าสนับสนุน การหาทุนการศึกษาช่วยเหลือครอบครัวเป็นสิ่งที่ดี ควรช่วยเหลือ จึงให้นั่งเล่นดนตรีที่บริเวณใกล้ประตูด้านหน้า ซึ่งมีคนเดินผ่านไปมาจำนวนมาก มีคนเห็นแล้วสงสารแล้วช่วยบริจาคเงินให้ แต่ช่วงแรกเวลาได้เงินมาก เด็กไม่ได้เอาเงินบริจาคเก็บใส่กระเป๋าไว้ พวกมิจฉาชีพจึงฉวยโอกาสเข้ามาทำทีขอแลกเงินแล้วฉวยเงินบริจาคไปหลายร้อยบาท ตอนหลังจึงให้ระวังมากขึ้น
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์