ม็อบพีทีวีสมปรารถนา ยึดลานคนเมืองตั้งเวทีปราศรัยโจมตี”รัฐบาลผู้เฒ่า” บริหารงานผิดพลาด ตั้งธงไม่ลามปาม “ป๋าเปรม” ส่วนกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ แจกเอกสารล่าชื่อเสนอราชเลขาธิการเพื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาปลด “พล.อ.เปรม” ด้าน “อภิรักษ์” ขีดเส้นให้เวลาแค่สี่ทุ่มครึ่ง สีกากีประชุมจัดกำลัง ผบ.ตร. สั่งเข้มงานข่าวกรอง ส่วน “ม็อบ ครู” นัดชุมนุมหน้าคุรุสภา 2 เม.ย. ขณะที่ “บิ๊กแอ้ด” ปัดซดเกาเหลากับประธาน คมช. หลังไม่รับลูกไฟเขียว พ.ร.ก.ฉุกเฉินตามที่ คมช. เสนอ ยืนยันที่ประชุมเห็นชอบร่วมกัน ส่วน “บิ๊กบัง” ยัน คมช. ทำตามหน้าที่เป็นผู้เสนอรัฐบาล ไม่เอาก็ไม่เป็นไร เผยไม่อึดอัดทำงานร่วมกับขิง แก่ ชท. จี้ปลดล็อกประกาศ คปค. ปชป. เครื่องร้อนอยากพบประชาชน “มัชฌิมา” หวั่นดึงเวลาปัญหามาก “เสนาะ” นัดแฉเส้นทางม็อบในงานวันเกิด “อธิการบดี มธ.” เชื่ออุณหภูมิการเมืองลดลง “นรนิติ” มั่นใจ รธน. คลอดทันตามกำหนด ปชป. โชว์บัญชี 2 รมต.ใหม่ พร้อมรายงานสมบัติรมต.พ้นตำแหน่ง 1 ปี “มัชฌิมา” เปิดศูนย์ประสานงาน
นายกฯปัดซดเกาเหลาคมช.
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 11.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการที่รัฐบาลไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดีในการพูดคุยกับทุกฝ่ายว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนจะใช้วิจารณญาณของแต่ละคนเอง ในการหารือกันมีการพิจารณาอย่างรอบคอบจึงมีมติออกมาอย่างที่ทุกคนทราบ ตนอยากให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เราอาจจะมองว่าจะมีความรุนแรงนั้นลดระดับลง และสามารถแก้ไขปัญหากันได้โดยที่ไม่มีปัญหารุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับคณะมนตรีความมั่นคง (คมช.) ในการที่รัฐบาลไม่ออกประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ได้มีการทำความเข้าใจกันหรือยัง พล.อ. สุรยุทธ์ กล่าวว่า “คงไม่ใช่เรื่องเป็นความแตกแยก เราอาจจะมีความคิดเห็นต่างกัน ซึ่งได้พูดคุยกันด้วยเหตุผลและชี้แจง ในการหารือที่ผ่านมาประธาน คมช.ได้แสดงความคิดเห็นและชี้แจงในส่วนของท่าน และหลายคนที่ก็ได้แสดงความคิดเห็นของตัวเอง ซึ่งผมถือว่ามติที่ออกมานั้นเป็นความเห็นที่ทุกคนเห็นด้วยทั้งหมดแล้ว”
รอเวลาปล่อยตัวลุยหาเสียง
นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า ตนได้พูดกับประธานคมช.ด้วยว่าในส่วนการทำงานของรัฐบาลนั้น เราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้มีการแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไป โดยที่ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง เราอาจจะระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ และมีการเตรียมความพร้อมไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ไม่ได้เป็นเรื่องของการตัดสินใจที่จะประกาศหรือไม่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเท่านั้น แต่เราได้คุยกันถึงการเตรียมการเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงวิตกเกินไปหรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ ตอบว่า คงไม่ได้เป็นเรื่องวิตกมากเกินไป เป็นความห่วงใยที่ทุกคนมีต่อสถานการณ์ และทุกฝ่ายได้เข้าประชุมร่วมกันถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายเข้าใจแนวทางกันทั้งหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการกำหนดวันเลือกตั้งแล้วจะมีการยกเลิกคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และ 27 เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ในการหารือทุกฝ่ายเห็นด้วยกับการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 16 หรือ 23 ธ.ค. แต่ต้องรอสภาร่างรัฐธรรมนูญกำลังร่างรัฐธรรมนูญก่อน ในการหารือมีการพูดชัดเจนว่าต้องมีการจัดเวลาให้กับพรรคการเมืองอย่างเพียงพอ คิดว่าน่าจะดำเนินการได้ตั้งแต่ช่วงที่มีการลงประชามติในช่วงเดือน ก.ย.
“บัง”ยันคมช.ทำตามหน้าที่
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินตรวจงานกาชาดถึงการกำหนด วันเลือกตั้งของรัฐบาลว่า จากนี้ไปคงต้องมีการประชุมหลายฝ่าย ต้องทำสถานการณ์ให้เรียบร้อย เมื่อถามว่า มีการจับตามองว่าถ้าไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ ประธาน คมช. ตอบว่า รัฐบาลมีภาระหน้าที่ในการบริหาร เมื่อเราเสนอแนะก็เป็นหน้าที่ของท่านที่ตัดสินใจ เราต้องเคารพการตัดสิน ซึ่งตอนนี้ก็เข้าใจกันดี ไม่มีปัญหา ตนเชื่อว่ารับมือม็อบได้
เมื่อถามถึงความพอใจในการประชุมร่วมกัน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า พอใจ การประชุมดีแล้ว ซึ่งคงต้องมีหลายความคิด ความเดียวอาจไม่ถูก เมื่อถามต่อว่า ในความรู้สึกส่วนตัวอึดอัดหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่อึดอัด เมื่อถามอีกถึงความสัมพันธ์กับนายกฯ ประธาน คมช. ตอบว่า ไม่มีอะไร คุยกันทุกวัน วันละหลายชั่วโมง ไม่มีปัญหา
ชท.จี้ปลดล็อกประกาศคปค.
ที่พรรคชาติไทย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่รัฐบาล คมช. และประธาน ส.ส.ร. ได้ร่วมหารือถึงความชัดเจนในการประกาศคืนอำนาจให้ประชาชน เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะยุติความสับสนและคลี่คลายวิกฤติทางการเมือง ส่วนที่จะยกเลิกคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 15 และฉบับที่ 27 ในเดือน ก.ย. หลังการทำประชามตินั้น ตนคิดว่า ช้าเกินไป ควรจะเปิดโอกาสให้อย่างเต็มที่ เมื่อตัดสินใจว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชนแล้วอย่าวิตกว่าคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 จะเป็นอุปสรรคในการทำงานของ คมช. หรือรัฐบาล
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าลำพังเพียงร่างรัฐธรรมนูญ 18 ล้านฉบับ จะทำให้ประชาชนเข้าใจถึงเนื้อหาสาระได้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีอะไรดีกว่าการพูดคุยกัน โดยเฉพาะภาคการเมืองซึ่งมีเครือข่ายสมาชิกและสาขาพรรคอยู่ทั่วประเทศสามารถช่วยรัฐบาล และส.ส.ร.ได้ดี อย่างไรก็ตามตนขอฝากถึงรัฐบาล และ คมช.ว่าอย่าลืมเหตุผลของการทำปฏิวัติ 4 ประการ ต้องทำให้จบก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอย่าปล่อยให้งานที่ค้างอยู่ต้องตกเป็นภาระของรัฐบาลชุดใหม่ ไม่เช่นนั้นดอกไม้ที่ประชาชนมอบให้เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 จะกลายเป็นก้อนหินแทน
“มัชฌิมา”หวั่นยืดเยื้อปัญหามาก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้รัฐบาลทบทวนประกาศของ คปค.ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม เพราะขณะนี้มีแต่กลุ่มการเมืองเท่านั้นที่เคลื่อนไหวได้ แต่พรรคการเมืองกลับถูกสกัด ทั้งนี้หัวใจของการเลือกตั้งไม่ใช่แค่เพียงการแข่งขันแต่ยังมีเรื่องการเสนอความคิดในการหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งพรรคอยากออกไปพบปะประชาชน เพื่อนำเสนอว่าเราจะแก้ปัญหาให้กับประเทศได้อย่างไร
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา กล่าวถึงกรณี พล.อ.สุรยุทธ์ ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งในเดือน ธ.ค.ว่า ในฐานะนัก การเมืองก็มีความพอใจในระดับหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่านายกฯจะลอยตัวหลังการประกาศ เพราะผู้ที่จะต้องเข้ามารับภาระต่อคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดระยะเวลาจึงต้องเนิ่นนานถึง 9 เดือน เป็นเพราะ ส.ส.ร. ไม่พร้อมหรือจะต้องเกรงใจใครถ้าปล่อยให้ช้ามากอาจจะมีปัญหาตามมาอีกร้อยแปดพันเก้าอาจจะทำให้ถึงกับเลือกตกยางออก เพราะจะมีทั้งม็อบใต้ดินบนดินเข้ามากันอีกเยอะ ตอนนี้ก็มีข่าวว่ามีการเคลื่อนกำลังทหารเข้ามาใน กทม. ทำให้พอคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้
“เสนาะ”เตรียมแฉเส้นทางม็อบ
นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่า กำหนดวันเลือกตั้งต้องเป็นไปตามนี้อยู่แล้ว ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดไว้ว่าต้องยกร่างให้เสร็จภายใน 180 วัน จากนั้นบวกลบ 90 วันต้องเลือกตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มิเช่นนั้นจะมีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น หากเลือกตั้งแบบสุกเอาเผากินเราจะได้สิ่งที่ไม่พร้อม ต่อข้อถามเมื่อประกาศวันเลือกตั้งแล้ว คมช. ต้องยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ที่เหลือ รวมทั้งยกเลิก ประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 ทันทีหรือไม่ นายเสนาะ กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความเห็น เหตุที่กฎอัยการศึกและประกาศ คปค.ยกเลิกไม่ได้นั้น เพราะมีคนเอาเงินทองไปปลุกพี่น้องให้เดินขบวนกัน ตนรู้หมดแต่ยังไม่พูดตอนนี้ ให้ไปฟังวันที่ 1 เม.ย. ในงานวันเกิดของตนที่บ้านอัลไพน์
เชื่ออุณหภูมิการเมืองลดลง
นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกฯประกาศวันเลือกตั้งว่า น่าจะทำให้ความรู้สึก ของหลาย ๆ คนที่เกรงว่าจะมีการสืบทอดอำนาจหรือมีความพยายามที่จะให้การเลือกตั้งช้าออกไป รู้สึกกลัวหรือวิตกลดลงไป และมั่นใจได้มากขึ้นเพราะนายกฯเป็นคนที่ยึดถือคำพูดอย่างมาก ดังนั้นต่อไปนี้รัฐบาลมีหน้าที่ที่ต้องทำให้คนมีความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือกับ ส.ส.ร. ในการทำรัฐธรรมนูญให้เสร็จ
ยันรธน.คลอดตามกำหนด
นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ได้เรียกนายเสรี สุวรรณภานนท์ และนายเดโช สวนานนท์ รองประธานส.ส.ร. คนที่ 1 และ 2 เข้าหารือเพื่อกำหนด กรอบการทำงานของ ส.ส.ร. โดยนายนรนิติให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า เป็นการหารือเพื่อวางกรอบการทำงานเนื่องจากสัปดาห์หน้าคณะ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรมนูญจะเดินทางไปสัมมนาเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราที่ จ.ชลบุรี จึงต้องกำหนดวันประชุมเพื่อให้สอดคล้องกัน
เมื่อถามว่า การทำงานของคณะกรรมาธิการยกร่างฯน่าจะดำเนินการได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดหรือไม่ นายนรนิติ กล่าวว่า หากยกร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกเสร็จตามกำหนดในวันที่ 19 เม.ย.การทำงานน่าจะเป็นไปตามกรอบเวลาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งนี้ น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญยืนยันว่าจะดำเนินการยกร่างให้เสร็จตามกรอบเวลา
“มัชฌิมา”ได้ฤกษ์ทำบุญเปิดศูนย์
เมื่อเวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา พร้อมสมาชิกกลุ่มจำนวนกว่า 100 คน ได้จัดพิธีทำบุญเปิดศูนย์ประสานงานกลุ่มมัชฌิมาอย่างเป็นทางการ โดยมีสมเด็จพุฒาจารย์ (เกี่ยว) เป็นประธานสงฆ์ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีบุคคลสำคัญและประชาชนร่วมงานคับคั่ง อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายจำลอง ครุฑขุนทด รักษาการรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายนพดล พลเสน อดีต ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทย นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ นายอัศวิน วิบูลศิริ เลขาธิการ พรรคมหาชน นายธีระ พนาสุภณ เลขาธิการพรรคพลังแผ่นดินไท นายพินิจ จารุสมบัติ แกนนำกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์การเมือง นายพิมล ศรีวิกรม์ แกนนำกลุ่มธรรมธิปไตยในฐานะตัว แทนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีต รมว.คลัง
นอกจากนี้ยังมีตัวแทนกลุ่มไทย เซย์ โน เดินทางมาเรียกร้องให้สมาชิกกลุ่มมัชฌิมาแสดงจุดยืนคว่ำรัฐธรรมนูญที่มาจากเผด็จการ แล้วนำรัฐธรรมนูญ 2540 มาประกาศใช้
ป.ป.ช.โชว์ทรัพย์สิน2รมต.ใหม่
ฝ่ายตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ รมต.ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 50 จำนวน 2 รายคือ นางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ มีทรัพย์สิน 147,234,577.95 บาท มีหนี้สิน 54,967,368.44 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 92,267,209.51 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝาก เงินลงทุนหลักทรัพย์รัฐบาล และที่รัฐบาลค้ำประกัน และหลักทรัพย์จดทะเบียนและรับอนุญาต ที่ดิน 21 แปลง ส่วนนายวิระ โอสถานนท์ สามี มีทรัพย์สิน 15,738,009.48 บาท มีหนี้สิน 1,002,600.00 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 14,735,409.48 บาท
นายวรากรณ์ สามโกเศศ รมช.ศึกษา ธิการ มีทรัพย์สิน 20,215,846.74 บาท ไม่มีหนี้สิน นางมนทิรา สามโกเศศ ภรรยา มีทรัพย์ สิน 28,961,492.08 บาท ไม่มีหนี้สิน
รายงานสมบัติพ้นตำแหน่ง1ปี
นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ครม. รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี ได้แก่ นางอุไรวรรณ เทียนทอง อดีต รมว.วัฒนธรรม กรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 50 มีทรัพย์สินรวม 156,053,703.28 บาท ไม่มีหนี้สิน เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งนางอุไรวรรณ ลาออกจาก รมว.วัฒนธรรม เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2549 พบว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2,481,104 บาท นายเสนาะ สามี มีทรัพย์สินรวม 66,575,727.28 บาท ส่วนใหญ่เป็นที่ดินใน จ.สระแก้ว 38 แปลง มูลค่ารวม 65,047,090 บาท เมื่อเปรียบเทียบเมื่อครั้งนางอุไรวรรณ ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 49 มีทรัพย์สิน 66,844,351.87 บาท ลดลงเล็กน้อย
นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต รมว. ไอซีที กรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี วันที่ 3 ก.พ. 50 มีทรัพย์สินรวม 115,387,720.97 บาทไม่มีหนี้สิน เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งนายสรอรรถ ลาออกจาก รมว.ไอซีที เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2549 ขณะนั้นมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 110,710,923.83 บาท มีทรัพย์สินเพิ่ม 4,676,797 บาท นั่นคือในการยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งนี้ หนี้สินที่เป็นเงินเบิกเกินบัญชีและหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือถูกชำระไปทั้งหมด นางพรรัตน์ กลิ่นประทุม ภริยา มีทรัพย์สิน 8,977,927.31 บาท ไม่มีหนี้สิน บุตร 2 คน ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คือ ด.ญ.จันทร์ จรัส และ ด.ช.สรวิศ กลิ่นประทุม มีทรัพย์สิน 15,334,871.90 บาท
นายกฯมอบรางวัลครุฑทองคำ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณและครุฑทองคำแก่ผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่น ประจำ ปี 2548-2549 โดยในครั้งนี้มีผู้ได้รับคัดเลือกจำนวน 9 คน ประกอบด้วย 1.นายกฤษณ์ กาญจน กุญชร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ 2.นายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา 3.น.ส.สุพัตรา ธนเสนีวัฒน์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 4.ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5.นายสุธี มากบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี 6.นาย สุวิทย์ สิมะสกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว 7.นพ.หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต 8.นายสมศักดิ์ โพธิสัตย์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี 9.น.ส.อรจิต สิงคาลวณิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ทั้งนี้นายกฯ มอบโอวาทตอนหนึ่งว่า การที่ข้าราชการปฏิบัติงานด้วยความขยันและอดทน ตั้งมั่นในคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล ได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเท่ากับเป็นการประกาศให้สาธารณชนรับทราบว่าระบบราชการเป็นที่รวมคนดีคนเก่งเป็นความน่าภาคภูมิใจ ตนหวังว่าข้าราชการทุกคนจะทำงานหนักขึ้น ตนไม่อยากให้เขาพูดว่าพวกเราใส่เกียร์ว่าง และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาทุกด้านดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริหารของทุกส่วนราชการต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีใช้ความรู้ความสามารถให้เกิดประโยชน์กับการทำงานเพื่อส่วนรวม
สีกากีจัดขบวนรับมือม็อบ
สำหรับความเคลื่อนไหวการนัดชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการดูแลความเรียบร้อยว่า ตนได้ให้นโยบายกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลแล้ว ทั้งนี้นายกฯ ได้มอบนโยบายให้ตนเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าให้ดำเนินการดูแลการชุมนุมให้ถูกต้องตามกฎหมายมิให้ละเมิดกฎหมาย ตนได้มอบหมายให้ ผบช.น. เชิญผู้นำม็อบกลุ่มต่าง ๆ รวมทั้งกลุ่มพีทีวีมาพูดคุยโดยจะเริ่มนัดหมายตั้งแต่วันจันทร์ที่ 2 เม.ย.นี้ เพื่อสอบถามว่ามีวัตถุประสงค์อะไรบ้าง แต่จะไม่มีการขอร้องอะไรเป็นพิเศษ
ผนึกกำลังเข้มงานข่าวกรอง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ มีบันทึกข้อความด่วนที่สุดถึงจเรตำรวจแห่งชาติ, รอง ผบ.ตร., ผู้ช่วยผบ.ตร. และผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ผบช., ผบก. และผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าในสังกัด สตช. เรื่องมาตรการและแนวทางปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมเรียกร้อง โดยใน ขั้นเตรียมการให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นหน่วยหลักในการวางแผนรวบรวมข่าวสารการสืบสวนและดำเนินการข่าวกรอง ประสานกับตำรวจทุกหน่วยในพื้นที่ รวมทั้ง กอ.รมน. และ ศรภ.บก.ทหารสูงสุดอย่างใกล้ชิด ส่วนกองบัญชาการตำรวจนครบาล บช.ภ.1-9 และกองบังคับการตำรวจทุกจังหวัดให้ประสานผู้ว่าฯและหน่วยงานข้างเคียงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ยังให้ บช.ก.และ ตชด.เตรียมกำลังสนับสนุนให้พร้อม
นอกจากนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังมอบหมายให้ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง (มค.) เป็นผู้รับผิดชอบควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติในภาพรวม โดยมีพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำ ตร. ปฏิบัติหน้าที่ รอง ผบ.ตร.(มค.1) พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.(มค.2) หากมีเหตุการณ์สำคัญเร่งด่วนให้รายงานผ่าน ศปก.ตร. มาให้ทราบด่วนที่สุด
พีทีวีได้สิทธิใช้ “ลานคนเมือง”
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายอารีย์ ไกรนรา ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สถานีโทรทัศน์พีทีวี ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อขอใช้พื้นที่บริเวณลานคนเมืองเปิดเวทีอภิปราย โดยมีนายโกวิท ธารณา ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. และนายถนอม อ่อนเกตุพล รองโฆษก กทม. เป็นผู้รับเรื่องแทน ทั้งนี้ภายหลังการหารือของทางผู้บริหาร กทม. ได้อนุญาตให้กลุ่มพีทีวีใช้ลานคนเมืองเป็นพื้นที่จัดปราศรัยได้ แต่มีเงื่อนไขว่าขอให้ยุติการชุมนุมในเวลา 22.30 น. เนื่องจากลานคนเมืองเป็นสถานที่ปิดไม่เคยใช้ในการชุมนุม อีกทั้งบริเวณโดยรอบเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนและมีวัดสุทัศน์เทพวรารามอยู่ใกล้ เคียง ซึ่งจะเป็นการรบกวนต่อพระภิกษุสงฆ์และประชาชนทั่วไปได้ และขอให้งดพูดจายั่วยุ หรือใส่ร้ายป้ายสีบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
นายอภิรักษ์ เปิดเผยหลังร่วมหารือกับ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.นิพนธ์ ภุมรินทร์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก. น.6 และ พล.ต.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้บัญชา การกองพลที่ 1 ว่า กทม. ร่วมกับ บช.น. ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 1 กองร้อย และเทศกิจอีกจำนวนหนึ่งดูแลการปราศรัยอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ต้องขอความร่วมมือกับผู้ชุมนุมให้ชุมนุมด้วยความสงบเรียบร้อยและใช้พื้นที่ตามเวลาที่กำหนด คือ 22.30 น.
ให้คำมั่นปราศรัยตามกติกา
จากนั้นเวลาประมาณ 12.15 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.สถานีฯ และนายจักรภพ เพ็ญแข ตัวแทนผู้ผลิตรายการ ได้เดินทางมาถึงหน้าลานคนเมืองเพื่อควบคุมดูแลการตั้งเวทีปราศรัย โดยตั้งเวทีหันหน้าออกไปทางวัดสุทัศน์ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กลุ่มพีทีวีขอยืนยันว่าจะปราศรัยตามเวลาที่กำหนด อาจจะขอปราศรัยเกินเวลาไปจนถึงช่วง 23.00 น. แต่เมื่อปราศรัยจนเสร็จ กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะเดินทางกลับทันที จะไม่มีการชุมนุมยืดเยื้อหรือเดินขบวนใด ๆ ทั้งสิ้น และอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลโดยไม่เข้ามาสลายการชุมนุม ส่วนเนื้อหาจะไม่มีการพาดพิงถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
นายจักรภพ กล่าวว่า การปราศรัยครั้งนี้จะพูดถึงการทำงานของรัฐบาล การกำหนดวันเลือกตั้งและเรื่องเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งจะต้องมีการพูดพาดพิงถึงรัฐบาลและ คมช.บ้าง แต่ก็ขอให้ทั้งรัฐบาลและ คมช.ไม่ต้องวิตกกังวลไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับข่าวจากประชาชนว่ามีการเตรียมจัดม็อบชนม็อบ จึงขอให้ช่วยจับตาดูด้วย
เริ่มป่วนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 02.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณท้องสนามหลวง ใกล้เวทีชุมนุมของกลุ่มพิราบขาว ได้มีแท็กซี่ 3 คันพยายามจะขับเข้าไปภายในสนามหลวง พ.ต.อ. ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบก.น.1 จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกว่า 50 นายเข้าสกัดและเกิดการโต้เถียงกันขึ้น อย่างไรก็ตามแม้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามยั่วยุเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้น โดย พล.ต.อ.อดิศร ผบช.น. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้รับรายงานว่าเกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจขณะนำแผงเหล็กไปกั้นสนามหลวงเพราะ กทม. ประกาศให้เป็นพื้นที่ปิด แต่กลุ่ม ผู้ชุมนุมกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าไปทำร้าย จึงเกิด การกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย
ส่วนที่บริเวณลานคนเมืองด้านหน้า ศาลาว่าการ กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายได้มีคนงานของกลุ่มพีทีวีทยอยมาติดตั้งเวทีปราศรัยและเครื่องขยายเสียงอย่างขะมักเขม้นท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาเกาะติดทำข่าวอย่างคึกคัก นอกจากนี้ กลุ่มเครือข่าย 19 กันยาฯ ได้นำป้ายกระดาษเขียนข้อความ “คำสั่งห้ามชุมนุม สนามหลวง” มาเผาประท้วงรัฐบาล อีกทั้งสมาชิกยังได้แสดงท่าทาง ปิดหู ปิดตา ปิดปากประชาชน
ม็อบครูนัดรวมพลหน้าคุรุสภา
ที่จ.อำนาจเจริญ นางจารุศรี สารธิมา กรรมการส่งเสริมประสิทธิภาพการมัธยมศึกษาจ.อำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ช่วงเย็นของวันที่ 1 เม.ย. คณะครูจากโรงเรียนสามัญ (เดิม) ทั่วประเทศโรงเรียนละ 20 คน จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อนัดรวมตัวกันที่สำนักงานคุรุสภาในวันที่ 2 เม.ย. ขอให้กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศเพิ่มเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาทุกจังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพการมัธยมศึกษาที่ตกต่ำ ซึ่งต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม หากยังไม่ได้รับการสนใจแก้ปัญหาคงจะมีการเคลื่อนไหวร่วมกับสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย สมาคม รอง ผอ.สถานศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย คณะครู และผู้ปกครองต่อไป
เวทีพีทีวีคึกคัก-ล่าชื่อปลดป๋า
ผู้สื่อข่าวรายงานจากลานคนเมืองว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 30 มี.ค. ประชาชนได้ทยอยเดินทางมาฟังการปราศรัยของกลุ่มผู้ชุมนุมจากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีทีวีอย่างคึกคัก ก่อนเวทีปราศรัยจะเริ่มในเวลา 16.30 น. โดยจากการประเมินยอดผู้ชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ เวลา 18.00 น. มีประชาชนเดินทางมาแล้ว ประมาณ 2,000 คน ขณะเดียวกันในส่วนของผู้บริหารพีทีวี อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายจักรภพ และ นายณัฐวุฒิ ได้ขึ้นนั่งบนเวทีปราศรัยอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งพล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.น.6 ให้สัมภาษณ์ว่า แกนนำพีทีวีรับปากว่าจะปราศรัยไปจนถึงเวลา 22.00 น. แต่ในกรณีที่ติดพันปราศรัยยังไม่จบจะอะลุ้มอล่วยไปจนถึงเวลา 22.30 น. เชื่อว่าการชุมนุมในครั้งนี้ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการปราศรัย นายนพพร นามเชียงใต้ แกนนำคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ได้นำจดหมายเปิดผนึกที่ถ่ายเอกสารจำนวน 1 หมื่นแผ่น มาแจกจ่ายให้กับประชาชนเพื่อร่วมลงชื่อเสนอราชเลขาธิการเพื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาปลด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จากตำแหน่งองคมนตรี โดยนายนพพร ระบุว่า จะล่ารายชื่อประชาชนให้ได้ 1 แสนชื่อ เพื่อนำไปยื่นต่อราชเลขาธิการประมาณวันที่ 11-12 เม.ย.นี้ต่อไป
ถล่มปมทะเบียนสมรสซ้อน
จากนั้น นายจตุพร ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยมุ่งกล่าวในประเด็นการจดทะเบียนสมรสซ้อนของพล.อ.สนธิว่า เรื่องนี้พล.อ.สนธิ เป็น ผู้ที่รู้ดีที่สุด ในอดีตเคยมีผู้พิพากษาคนหนึ่งสอบได้เนติบัณฑิตลำดับต้นของประเทศ จัดว่ามีอนาคต ไกล แต่ปรากฏว่ามีเรื่องทะเบียนสมรสซ้อน จึงต้องออกจากการเป็นผู้พิพากษา เรื่องดังกล่าวตนคิดว่าผู้บริหารของกระทรวงยุติธรรมคงทราบดี ส่วนกรณีสื่อบางแห่งและพรรคประชาธิปัตย์โจมตีนายวีระว่ากล่าวพาดพิงถึงพล.อ.เปรมนั้น ตนขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงนายวีระไม่เคยพูดพาด พิงพล.อ.เปรม คนที่ให้สัมภาษณ์คือนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยหรือ ครป.ที่ให้สัมภาษณ์ลงในนิตยสารฉบับหนึ่ง และตนอยากเปลี่ยนชื่อครป.ให้เป็นคณะกรรมการรณรงค์สนับสนุนการรัฐประหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายนายจตุพรยังคงกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาลและคมช. ที่บริหารประเทศผิดพลาด นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงท่าทีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่สนับสนุนการรัฐประหาร พร้อมกับบอกประชาชนที่มาชุมนุมว่า ยังคงต้องเจอกันอีกหลายครั้ง และถ้าประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้นเผด็จการก็อยู่ลำบาก.
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์