สุรยุทธ์ปัด ป๋าเปรมไม่เกี่ยว ยึดอำนาจ ( ข่าวทั่วไป )

จากการที่ผู้ชุมนุมพีทีวีออกมาเคลื่อนไหวอย่างหนักหลายๆด้านและสร้างเป้าหมายโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยระบุว่าอยู่เบื้องหลังการทำปฏิวัติ 19 กันยา ทำให้คนใกล้ชิดและมีตำแหน่งสำคัญอย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ต้องออกมายืนยันปกป้อง พล.อ.เปรม 

นายกฯ ชี้ชาวบ้านต้องมีสติ-คิดได้

เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.)  เวลา 12.00 น. ที่สโมสรทหารบก ถนนศรีอยุธยา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและ คมช. ออกมาเคลื่อนไหวโดยพยายามดึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยว่า ก็อยู่ที่ประชาชนเองว่าจะพิจารณาอย่างไร รัฐบาลไม่ได้ มีการที่จะทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ที่ชุมนุม เป็นเรื่องของพี่น้องประชาชนที่จะต้องพิจารณาเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะที่นายกฯเน้นเรื่องความสมานฉันท์ แต่ขณะที่อีกฝ่ายพยายามจะยั่วยุทำให้เกิดความแตกแยกจะทำอย่างไรให้มีทางออกที่ดีที่สุด พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า อยู่ที่ประชาชนจะใช้วิจารณญาณของประชาชนเอง 

ย้ำ “ป๋า” ไม่เกี่ยวปฏิวัติ 19 กันยา

เมื่อถามว่า แต่มีการที่พยายามดึง พล.อ.เปรมเข้าเกี่ยวข้องเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในหลายๆเรื่องที่ผ่านมา พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า เป็นเรื่องที่ทางประชาชนต้องใช้วิจารณญาณเอง คิดว่าประชาชนตัดสินได้ ว่าการทำหน้าที่ในแต่ละส่วนแต่ละขั้นตอนนั้นเป็นอย่างไร ในฐานะที่เป็นองคมนตรี พล.อ.เปรมท่านทำหน้าที่อย่างไร ตนเองในช่วงนั้นก็เป็นองคมนตรีอยู่ด้วย ก็ทราบดีว่าท่านไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างไร นั่นคงเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว

ห้าม จนท.เลี่ยงใช้ความรุนแรง

ต่อข้อถามว่า การอ้างชื่อ พล.อ.เปรมเพื่อสร้างให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคน 2 กลุ่มจะทำความเข้าใจอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า คิดว่าประชาชนต้องใช้ความอดทน ใช้วิจารณญาณของตนเองที่จะทำให้ สถานการณ์ไม่ควรจะไปถึงขั้นที่ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างนั้นขึ้นมา เราพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะทำให้เกิดการปะทะระหว่างคนไทยด้วยกันมาพอสมควรแล้ว และไม่ควรที่จะทำให้เกิดขึ้นมาอีก ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนจะมีการพยายามยั่วยุเพื่อให้เกิดความรุนแรงจะกำชับกับหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เข้าไปดูแลอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ในส่วนของทางรัฐบาลได้ชี้แจงให้ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับทราบแล้วว่า ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง ไม่ต้องการให้เกิดปัญหา หรือให้มีการยั่วยุ

มทภ.1 ย้ำพีทีวีต้องอยู่ในกติกา 

วันเดียวกัน พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 1 กล่าวถึงการชุมนุมของม็อบพีทีวีที่บริเวณท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมาว่า การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี  ประธาน  คมช.สั่งการว่าให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะเราได้บอกแล้วว่าหากทำอะไรผิดกฎหมายก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ทุกฝ่ายจะต้องรักษากติกากัน ส่วนจะมีการชุมนุมใน วันที่ 30 มีนาคมนี้ เป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป แต่ขอว่าอย่าทำผิดกฎหมาย เมื่อถามว่า แสดงว่าอนุญาตให้ม็อบชุมนุมได้ พล.ท.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ใช่ เพราะที่ผ่านมาเราได้ผ่อนผันมาโดยตลอดแล้ว ดังนั้น เมื่อผ่อนผันจะต้องรักษากติกา หากต้องการใช้พื้นที่ตั้งเวที หรือใช้เครื่องขยายเสียงจะต้องขออนุญาตทางกรุงเทพมหานคร หากขอได้ก็ว่ากันไป แต่หากขอไม่ได้แล้วไปใช้ก็จะผิดกฎหมาย  

ขู่พาดพิง “ป๋า” เจอข้อหาหมิ่น 

เมื่อถามว่า ประเมินการชุมนุมในวันที่ 30 มีนาคมจะมีความรุนแรงหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ตอบว่า คิดว่า ประชาชนเข้าใจ จากการที่เขาออกมาพูดจาก็รู้อยู่ว่าเขาพูดว่าอะไร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคนดูที่ต้องแยกแยะให้ออก เมื่อถามว่า ผู้ชุมนุมได้มีการกล่าวพาดพิงถึงประธานองคมนตรี พล.ท.ประยุทธ์ตอบว่า “เรื่องนี้จะต้องระมัดระวัง เพราะจะเข้าข่ายหมิ่นประมาทได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลในเรื่องนี้อยู่” 

ย้อนคนด่า คมช.เคยทำดีหรือไม่

เมื่อถามว่า ผู้ชุมนุมนำประเด็น คมช.สืบทอดอำนาจมาเป็นเงื่อนไข แม่ทัพภาคที่ 1 ตอบว่า ไม่มี ไม่เกี่ยว ไม่มีการสืบทอดอำนาจ ประธาน คมช.ก็บอกแล้วว่าจะไม่สืบ ทอดอำนาจ ดังนั้น อย่าหมิ่นประมาทคน เพราะคนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เขาทำเพื่อประเทศชาติมาไม่รู้เท่าไร แล้วคนที่ด่าเขาทำประโยชน์อะไรให้แก่ชาติบ้านเมืองบ้าง “ดังนั้นคนที่ด่าควรจะย้อนดูตัวเองให้ดีว่าเคยทำประโยชน์ อะไรให้แก่ชาติบ้านเมืองหรือไม่ ถ้าไม่มีก็อย่าไปด่าคนอื่นเขา ทั้งนี้ผมไม่ได้ว่าใคร” 

วอนชาวบ้านอย่าตกเป็นเหยื่อ

เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าม็อบหนุน พล.อ.เปรมจะเข้ามาปะทะกับม็อบพีทีวี พล.ท.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่มี เพราะเราควบคุมอยู่ และม็อบจากต่างจังหวัดคงจะไม่ สามารถเคลื่อนเข้ามาในกรุงเทพฯได้ ขณะนี้รัฐบาลได้ให้ ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน และขอร้องไม่ให้เคลื่อนเข้ามาในกรุงเทพฯแล้ว เพราะถ้าปล่อยเข้ามาจะทำให้เกิดความวุ่นวาย โดยจะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับเรื่องมาแล้วประสานไปยังรัฐบาล

“หากผู้ชุมนุมเคลื่อนเข้ามาในกรุงเทพฯก็ไม่ได้ อะไร การแก้ปัญหาต้องใช้เวลา ไม่ใช่แก้ได้ทุกเรื่องภายในไม่กี่วัน อย่าให้ความสนใจกับกลุ่มผู้ชุมนุมมาก คนบริสุทธิ์ก็ว่ากันไป แต่ถ้าคนที่ไม่บริสุทธิ์ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย และคนบริสุทธิ์อย่าไปรวมกับเขา อย่าไปเชื่อเขา อย่าปล่อยให้เขาปลุกปั่น อย่าให้เขาซื้อได้ด้วยเงินเพียงไม่กี่บาท คนดีอย่าไปให้เขาดูถูก และอยากให้คนดีออกมาเตือนคนอื่นว่าอย่าทำให้เกิดความวุ่นวาย” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว 

พีทีวีโว 30 มี.ค. มาเป็นหมื่นคน

ทางด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบพีทีวีและม็อบต่อต้านเผด็จการนั้น วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี กล่าวถึงกรณีที่ 6 แกนนำกลุ่มพิราบขาวถูกจับกุมที่ สน.นางเลิ้ง ว่า ขณะนี้ผู้บริหารสถานีได้มีการประชุมหารือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามสถานการณ์ดังกล่าวว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรกับ 6 แกนนำ และกำลังหาทางช่วยเหลืออยู่ ขณะที่กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการกำลังหารือกันอยู่ว่าจะตอบโต้ต่อกรณีนี้อย่างไร สำหรับการเคลื่อนไหวของพีทีวีหลังจากนี้นั้น ยืนยันว่าจะไปชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 30 มี.ค.นี้อย่างแน่นอน ซึ่งเท่าที่ประเมินกลุ่มผู้ที่จะมาร่วมชุมนุมด้วยไว้คร่าวๆ คาดว่า จะไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน โดยได้ประเมินหลังจากได้เห็นท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาร่วมรับฟังเมื่อคืนวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา 

ไม่แปลกคนร้องหา “ทักษิณ”

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการคาดหมายกันว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับมาประเทศไทยภายในปลายปีนี้ เป็นปัจจัยให้กลุ่มต่างๆออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเร่งจังหวะ ให้สอดรับกับการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายจตุพรตอบว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นวันนี้ล้วนเกิดจากความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลและ คมช.ทั้งสิ้น และเป็นคนที่บีบเร่งสถานการณ์ทุกอย่างให้สู่วิกฤติเร็วขึ้น คมช.และรัฐบาลเอาแต่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่เปิดโอกาสให้กลับมาชี้แจง จุดนี้ทำให้คนเห็นธาตุแท้ คมช.ว่าเป็นอย่างไร จากท่าทีที่ออกมาก็ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา แต่ในท้ายที่สุดเมื่อคดีความต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าสู่กระบวนการของศาลเมื่อใด เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องได้กลับมาอยู่ดี ฉะนั้นประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากการบริหารงานของรัฐบาลและ คมช. จะออกมาแสดงความคิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเรียกร้องให้เดินทางกลับมาประเทศไทยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก 

เตรียมออกวีซีดีเบื้องหลังปฏิวัติ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของพีทีวีล่าสุดกำลังเร่งจัดทำวีซีดีกว่าแสนแผ่น มีเนื้อหาแฉเบื้องลึกเบื้องหลังของ คมช.ตั้งแต่ก่อนการยึดอำนาจ สำหรับการดำเนินการของกลุ่มพีทีวีและแนวร่วมนั้น การเคลื่อนไหวตรงนี้ได้รับการสนับสนุนทั้งเรื่องงบประมาณ และกำลังคนจากอดีตแกนนำ และอดีต ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยบางคน นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่าบริษัทล็อบบี้ยิสต์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จ้างมาทำงานได้มีการประสานไปยังองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อรายงานถึงการถูกปิดกั้นออก อากาศของสถานีโทรทัศน์พีทีวีในประเทศไทย รวมทั้งกรณีที่มีความพยายามที่จะบล็อกเว็บไซต์ www. hi-thaksin.net ด้วย 

ซัดขั้วเก่ารุกทวงอำนาจคืน 

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ วันเดียวกัน นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มอำนาจเก่าว่า ขณะนี้อดีต ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือเริ่มเคลื่อนไหวหนักขึ้น โดยมีกลุ่มอำนาจเก่าได้อัดฉีดเงินผ่านอดีต ส.ส.ในการสร้างความนิยมในพื้นที่ ยิ่งไปกว่านั้นมีการใช้เงินกันมากผิดวิสัยของอดีต ส.ส.ที่จะใช้กัน ทำให้ชาวบ้านเห็นว่าอดีต ส.ส.เหล่านี้ใกล้ชิดประชาชน ใจถึงพึ่งได้ดูแลทุกข์สุข ทำได้ หมดเพื่อประชาชนในพื้นที่อีกทั้งกลุ่มอำนาจเก่าได้มีการเคลื่อนไหวใต้ดินกันอย่างหนักทำทุกวิถีทางที่จะได้อำนาจ กลับคืนมา ขณะที่การทำงานช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้ประชาชนของรัฐบาลและ คมช.เป็นไปอย่างเชื่องช้าเศรษฐกิจซบเซา จนประชาชนเอือมระอาต่อรัฐบาล ดังนั้นหลังเลือกตั้งน่ากลัวมากที่กลุ่มอำนาจเก่าจะกลับมาอีก 

ชี้เงื่อนไข “ทักษิณ” กลับมาใหญ่

นายนครกล่าวอีกว่า มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงมากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก เพราะคะแนนนิยมในต่างจังหวัดสูงมากและยังได้คะแนนความเห็นใจจากชาวบ้านอีกเนื่องจากชาวบ้านเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความจริงใจ ทำให้ชาวบ้านมีเงินใช้ ชาวบ้านไม่มองเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่สนใจว่าใครจะเป็นรัฐบาลเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องของคนระดับบน แต่ชาวบ้านจะสนใจเรื่องปากท้อง หนี้สิน หารายได้ให้ได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้รัฐบาลและ คมช.ไม่เคยพูดถึง ดังนั้น ถ้ารัฐบาลและ คมช.ไม่ทำอะไรที่เป็นรูปธรรมทั้งการช่วยเหลือกลุ่มชาวบ้านที่เดือดร้อนเฉพาะหน้าหรือเอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณตามข้ออ้าง 4 ข้อในการปฏิวัติ โดยเฉพาะข้อหาการทุจริตถึงวันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจะได้คะแนนสงสารจากชาวบ้านมากขึ้น เพราะเห็นว่าอดีตนายกฯถูกใส่ร้าย

ปชป.แอ่นป้อง “ป๋า” อัดยับกลุ่มชุมนุม 

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้กลุ่มอำนาจเก่ายุติการเคลื่อนไหวไม่ว่ารูปแบบใดที่จะเป็นการซ้ำเติมประเทศชาติ แม้การชุมนุมเคลื่อนไหวจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทำได้ แต่ต้องเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์ไม่ใช่แอบแฝงซ่อนเร้น โดย เฉพาะการกล่าวพาดพิงถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษและประธานองคมนตรี เป็นเรื่องไม่สมควร เพราะพบว่ามีความพยายามเคลื่อนไหวทั้งใต้ดินบนดิน การก่อกวนล่าสุดมีการส่งไปรษณียบัตรไปทั่วประเทศ เนื้อหาโจมตีและดิสเครดิต รัฐบาล คมช. อดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งบุคคลระดับสูงผู้มีบารมีอย่างต่อเนื่อง “หลังจากกลุ่มเคลื่อนไหวชุมนุมได้ประกาศชัดเจนที่จะโจมตีประธานองคมนตรี อย่าลืมว่า พล.อ.เปรมไม่ได้เป็นเพียงรัฐบุรุษ ท่านเป็นประธานองคมนตรี การพูดจาต้องระมัดระวัง ไม่ควรดึงมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ นายวีระ มุสิกพงศ์ และแกนนำไทยรักไทยบางคน ที่พยายามจุดประเด็นโจมตีประธานองคมนตรี ถือเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง ขอให้รักษาการ ผบ.ตร. นำพฤติกรรมของผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวไปประกอบในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว   
เตือนระวังมือที่ 3 ป่วน

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคพลังแผ่นดินไท นายพีระ พนาสุภณ เลขาธิการพรรคพลังแผ่นดินไท กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้ว่า ทางพรรคมีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองตลอดเวลา โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ทางพรรคขอวิงวอนให้ ประชาชน กลุ่มการเมือง พรรคการเมือง และผู้มีอำนาจรัฐ โปรดใช้คุณธรรมและปัญญานำด้านการเมือง ในการแก้ไขปัญหา และขอให้ระวังมือที่ 3 ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์จากบุคคลหลายๆ กลุ่ม อาทิ พวกต่อต้าน คมช. และรัฐบาล กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เป็นต้น นอกจากนี้ในช่วงเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่เกษตรกรหมดฤดูทำนา ทำให้ว่างงาน และพร้อมที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯตามคำชักชวนของผู้ไม่หวังดี 

ตร.-เทศกิจบุกรื้อถอนเวทีผู้ชุมนุม 

ส่วนการชุมนุมของกลุ่มต่อต้าน คมช.ที่สนามหลวง วันเดียวกัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่เทศกิจเขตพระนคร พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ตร.สน.ดุสิตกว่า 50 นาย เข้ารื้อถอนเวทีปราศรัยของกลุ่มพิราบขาว ซึ่งตั้งอยู่ที่ท้องสนามหลวงฝั?งตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งระหว่างรื้อถอน สมาชิกกลุ่มพิราบขาวได้เข้ามาขัดขวาง ตร.จึงนำตัวแกนนำกลุ่มไปดำเนินคดีที่ สน.ดุสิต จำนวน 5 คน จากนั้นเทศกิจได้นำลวดหนามมาล้อมบริเวณเวทีกลุ่มพิราบขาวที่ถูกรื้อถอนเวทีไปแล้ว โดยไม่อนุญาตให้คนเข้าออก 

ตกเย็นผู้ชุมนุมกลับเปิดเวทีได้อีก

ต่อมาในช่วงบ่าย กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการได้นำอุปกรณ์หนักทั้งเวทีเคลื่อนที่และเครื่องขยายเสียง มาตั้งโดยไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเข้ามาขัดขวาง และยังนำลวดหนามที่ล้อมเวทีกลุ่มพิราบขาวออก โดยอ้างว่าเกรงเสียภาพลักษณ์ ทั้งนี้ นายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าการรวมตัวของกลุ่มไม่ได้มีการต่อท่ออำนาจมาจากรัฐบาลเก่า หากทางกลุ่มพีทีวีจะเข้ามาร่วมการต่อต้านครั้งนี้ ด้วยการปราศรัย ทุกสัปดาห์ ทางกลุ่มยินดียุติการตั้งเวทีในวันเสาร์ แล้วไปรวมกลุ่มกับพีทีวี เพราะเป็นใครไม่สำคัญ ขอให้ต่อต้านเผด็จการเหมือนกัน ทางกลุ่มก็ยินดีเข้าร่วม 

จากนั้น ในช่วงเย็น บรรยากาศการชุมนุมต่อต้านเผด็จการก็มีการชุลมุนขึ้นมาอีก เมื่อแกนนำกลุ่มพิราบขาวได้เดินทางกลับมายังสนามหลวง ก็มีกลุ่มชุมนุมเข้าไปยุให้คนที่มาฟังการชุมนุมให้ช่วยกันขับไล่เจ้าหน้าที่เทศกิจราว 20 นาย ที่คอยดูแลความเรียบร้อยอยู่บริเวณเต็นท์จัดงานเทศกาลกีฬาพื้นบ้าน โดยใช้ขวดน้ำ เก้าอี้ และก้อนอิฐ ขว้างใส่และวิ่งกรูเข้าไปทำร้าย เจ้าหน้าที่เทศกิจต้องวิ่งหนีออกจากเต็นท์

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์