แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

?ราชินี? ทนไม่ไหว ฆ่ารายวัน ทรงแนะติดอาวุธ ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : ?ราชินี? ทนไม่ไหว ฆ่ารายวัน ทรงแนะติดอาวุธ

หลังจากแม่ทัพภาคที่ 4 ประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ อ.ยะหา และ อ.บันนังสตา จ.ยะลา  พื้นที่สีแดงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมโจรใต้ก่อเหตุรุนแรงต่อเนื่อง ล่าสุดก่อเหตุสังหารหมู่ผู้โดยสารรถตู้อย่างเหี้ยมโหด 8 ศพ และเตรียมประกาศเคอร์ฟิวเพิ่มในบางพื้นที่ เพื่อลดปัญหาความรุนแรงนั้น  

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (17 มี.ค.) ที่โรงแรมอโนมา พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ บรรยายพิเศษเรื่อง “สถานการณ์ภาคใต้ ไฟที่ยังไม่ดับ” จัดโดยสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี โรงเรียนสายปัญญา โรงเรียนจิตรลดา โรงเรียนวังหลังวัฒนา สมาคมสตรีภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เข้าร่วมฟังประมาณ 200 คน พล.อ.ณพลกล่าวว่า ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงรับฟังปัญหาและข้อคิดเห็นของประชาชนมาตลอด แม้แต่เศษกระดาษเล็กน้อยที่เขียนมาถึง พระองค์ท่านก็เก็บมาพิจารณา และให้คณะทำงานเข้าไปศึกษาและแก้ไขปัญหาทันที ไม่ได้ทิ้งปัญหาไว้เนิ่น นาน และได้รับสั่งให้เข้าไปดูให้ถึงจุดที่เกิดปัญหาเหล่านั้นโดยทันที จนนำมาซึ่งโครงการพระราชดำริต่างๆ 

พล.อ.ณพลกล่าวว่า ในการเข้าไปแก้ปัญหาในแต่ ละพื้นที่ ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นคือการก่อความไม่สงบ มีการตายรายวัน เขาได้ใช้กลยุทธ์เอาสถาบันหลักเป็นตัวตั้ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะศาสนานั้นเขามองว่าเป็นจุดอ่อนเพราะไม่มีทางต่อสู้ เพราะหลักพระพุทธศาสนาคือหลักสันติวิธี เมื่อมีการลอบทำร้ายด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ซุ่มยิง วางระเบิด พระสงฆ์ก็จะสึก ออกไป วัดก็ร้าง นอกจากนั้นยังสังหารผู้บริสุทธิ์อีกจำนวนมาก ทำให้หลายครอบครัวต้องขาดที่พึ่ง สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงให้คณะทำงานลงไปช่วยเหลือทุกเรื่องในทันที เมื่อเกิดเหตุวันนี้ ต้องไปพรุ่งนี้ อย่างวันที่ยิงรถตู้ วันรุ่งขึ้นก็มีพระราชเสาวนีย์ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯไปช่วยเหลือทันที จะให้มานั่งรองบประมาณ รอเสนอ คงไม่ได้ 

พล.อ.ณพลกล่าวต่อว่า ต้องทำความเข้าใจว่าผู้ที่ก่อเหตุเป็นมุสลิมเป็นคนจำนวนน้อยแค่ 10 % แต่ใน 3 จังหวัดนั้น ประชากรที่เป็นมุสลิมมีจำนวนถึง 1.35 ล้านคน คนไทยพุทธ 4 แสนคน และในปี 2547-2548 มีคนไทยพุทธอพยพไปแล้วกว่า 1 แสนคน ขณะนี้น่าเป็นห่วงเพราะหลายอำเภอมีไทยพุทธเหลืออยู่น้อยมาก เช่น อ.เจาะไอร้อง เหลือ 23 ครอบครัว บ้านบางมวยซา 47 ครอบครัว บ้านปิเหล็ง บ้านมะรือบอ เหลือไม่กี่ครอบครัว อ.จะแนะ ที่บ้านดุซงญอ เหลือ 12 ครอบครัว บ้านจะแนะ 14 ครอบครัว บ้านไอบารอ 40 ครอบครัว อ.แว้ง ที่บ้านน้ำขาว บ้านยะกา บ้านไม้กวาด บ้านศาลาบุหงา เหลือหมู่บ้านละ 40 ครอบครัว อ.สุไหงโก-ลก ในตัวเมืองและชุมชนรอบๆ อีก 3 ชุมชน จะเหลือแค่ชุมชนสวนมะลิ สวนมะพร้าว สันติสุข อ.ระแงะ เหลือที่บ้านลูกเขา บ้านทุ่งขมิ้น บ้านตอหลัง บ้านโคกกาด โคกเนียง ใน ต.บองอ ขณะนี้สาหัสมากที่สุดที่บ้านลาลูใน ลาลูนอก อพยพหนีเหลือบ้านลาลูในแค่ 28 ครอบครัว ส่วนที่บ้านจุฬาภรณ์ถูกทิ้งร้าง ต้องเอาคนเข้าไปอยู่เพื่อเป็นกำลังใจ จะได้ไม่อพยพทิ้งถิ่นหนีไปไหน 

พล.อ.ณพลกล่าวด้วยว่า ขณะนี้เป้าหมายที่สำคัญอีกอันหนึ่งคือ ผอ.โรงเรียน ครูใหญ่ เพราะพวกนี้ต้องการเปลี่ยน ผอ.โรงเรียน และต้องการให้ครูกลัวแล้วย้ายหนีและจะเอาครูอัตราจ้างเข้ามาแทน บางคนเขียนหนังสือภาษาไทยไม่ได้ แต่ยังเป็น ผอ.โรงเรียนได้ แล้วอนาคตของเด็กจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันมีสโลแกนออกมาว่า แผ่นดินมืด ดับแสงเทียน ดับแสงธรรม น้ำท่วมเมือง คือการระเบิดเสาไฟฟ้า สถานีจ่ายไฟฟ้า และเข้าดับแสงเทียนในเมืองที่มีคนจุดเพื่อให้เกิดความระส่ำระสาย ส่วนดับแสงธรรมคือการทำลายวัด เผาวัด ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีใบปลิวออกมาระบุว่า โรงเรียนของคนไทยและของภาครัฐ สอนให้เกิดการมอมเมา เช่น นับถือวัตถุเป็นศาสดา นับถือเงินตราเป็นพระเจ้า มอมเมาเรื่องเซ็กซ์ เพราะฉะนั้นต้องเผาให้หมด ซึ่งใบปลิวดังกล่าวออกมาในเขต อ.กรงปินัง บันนังสตา ยะหา ซึ่งต่อไปจะต้องมีการเผาไปเรื่อยๆ 

พล.อ.ณพลกล่าวต่อว่า ขณะนี้ในแต่ละหมู่บ้านจะมีแกนนำผู้ก่อความไม่สงบฝังตัวอยู่โดยคุมคนในหมู่บ้านไว้ ใครที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ก็จะถูกเก็บหมด เราจะใช้วิธีการสมานฉันท์ไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องเอาตัวผู้ก่อการร้ายทั้งหลายออกมา ถ้าเรายังสมานฉันท์อยู่ ถ้ามัวไปฉีกบัญชีดำทิ้ง คิดว่าคงไม่สำเร็จ ขณะนี้ได้ข้อมูลว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน คนพวกนี้อยากให้ความร่วมมือเพราะต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบ แต่เรายังไม่ได้ทำในสิ่งต่างๆเหล่านี้ ข้อมูลเหล่านี้ได้ทำไว้ทุกตำบลอย่างละเอียดเพื่อจะป้อนให้ฝ่ายราชการเพื่อแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยเร็ว ด้วยความห่วงใยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระองค์ท่านบอกว่า ฉันทนไม่ไหวแล้วที่จะปล่อยให้คนบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ หรือมุสลิม ถูกฆ่าตายไปทุกวัน จนเหมือนกับว่าเวลาอ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็แค่อุทานว่าตายอีกแล้วหรือ จนกลายเป็นเรื่องปกติ และยังรับสั่งว่าอันตรายอย่างยิ่ง ถ้าคนทั่วไปมีความคิดเช่นนี้ จะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ ถ้าเรายังปล่อยอย่างนี้ลำบากแน่ 

พล.อ.ณพลกล่าวอีกว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อยากเห็นประเทศเรามีการปกครองโดยใช้กฎหมายให้มีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ หรือมุสลิม ถ้าผิดก็ต้องลงโทษ มิเช่นนั้นเราจะปกครองกันไม่ได้ พระองค์ท่านได้รับสั่งว่า ต่อไปนี้ต้องเข้าไปช่วย ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ต้องทำให้ประชาชนที่เหลืออยู่รอดให้ได้ จำเป็นต้องฝึกก็ต้องฝึก หากต้องติดอาวุธก็ต้องยอม เพื่อ ป้องกันตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย ฉันไม่ได้สั่งให้ไปติดอาวุธเพื่อที่จะไปไล่ฆ่าใคร แต่ต้องการให้ฝึกเพื่อป้องกันตัวเอง ตรงนี้ฝากทำความเข้าใจด้วย เพราะมีกลุ่มคนบางกลุ่มพวกสิทธิมนุษยชนทั้งหลายไปแปลเจตนาผิดโดยหาว่าเป็นการฝึกเพื่อทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างคนพุทธกับมุสลิม ถ้าไม่ฝึกจะไปหมดมากกว่านี้ ซึ่งเป็นที่มาของโครงการฝึกราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน ตอนนี้ไปฝึกไปแล้ว 33 กองร้อย 

“ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าเราคงจะใช้วิธีการที่จะสมานฉันท์อย่างเดียวไม่ได้ และไม่ได้ไปต่อต้านนโยบายรัฐบาล แต่ได้ไปให้ข้อคิดเห็นกับท่านนายกฯ เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเราต้องทำควบคู่กันไป ในส่วนใดที่เขาร่วมมือร่วมใจเราก็ช่วยเหลือ ในส่วนใดที่เราใช้ความรุนแรงเราก็ต้องใช้การปฏิบัติตามตัวบทกฎหมาย อย่าให้ คนผิดลอยนวล ในขณะนี้ถ้าเราจับมาแล้วปล่อย จับมาแล้วปล่อยโดยที่ไม่มีการลงโทษใดๆ ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติขวัญเสีย” รองสมุหราชองครักษ์กล่าวทิ้งท้าย 

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่มีรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 มี.ค. พ.อ.ชินวัตร์ แม้นเดช ผบ.ฉก.ที่ 1 จ.ยะลา พร้อม พ.ต.ท.ไพโรจน์ บุญธรรม รอง ผกก. ตชด. ที่ 13 ได้เดินทางตรวจเยี่ยมกองกำลังทหาร ตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณจุดคนร้ายก่อเหตุยิงผู้โดยสารรถตู้เสียชีวิตใน อ.ยะหา จ.ยะลา โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่ด้านเชิงรุกให้มากขึ้น และตรวจค้นบุคคลที่เดินทางเข้าออกในพื้นที่อย่างเข้มงวด พ.อ.ชินวัตร์กล่าวว่า การประกาศเคอร์ฟิวครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.ปะแต อ.ยะหา ที่มีการก่อเหตุรุนแรงต่อเนื่อง ขณะนี้ได้ คุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุความไม่สงบได้ 14 คน ในจำนวนนี้ 4-5 คน พัวพันคดียิงผู้โดยสารรถตู้ รวมทั้งลอบยิงรอง ผกก. ตชด. ที่ 44 และวางระเบิดหลายครั้ง บางคนเป็นระดับแกนนำ อยู่ระหว่างสอบขยายผล 

ด้าน  นพ.วัฒนา  วัฒนายากร  ผอ. รพ.ศูนย์ยะลา  เปิดเผยเกี่ยวกับอาการของนางศุภวรรณ แซ่ลู่ อายุ 45 ปี ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์กลุ่มโจรสังหารหมู่ผู้โดยสารรถตู้ที่ อ.ยะหา โดยถูกยิงบริเวณกรามขวาทะลุ กระดูกกรามแตก ฐานกะโหลกศีรษะร้าว อาการโคม่า ถูกส่งตัวมารักษาว่า ได้ระดมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่าตัดช่วยชีวิตจนขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังนอนรักษาในห้องไอซียูโดยจัดแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด 

ที่ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.ต.สุเมศ คงเขียว ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนร้ายตัดต้นไม้ขวางทางและโปรยตะปูเรือใบบนถนนสายสุไหงปาดี-สากอ นำกำลังไปตรวจสอบ พบคนร้ายตัดไม้ขวางถนนและโปรยตะปูเรือใบหลายจุด บริเวณสามแยกบ้านตะโละบูเก๊ะ สามแยกบ้านดอเฮะ และสามแยกบ้านเปาะเจ๊ะเต็ง จึงเก็บกวาด โดยบางจุดคนร้ายได้ทำลายป้ายจราจรเสียหาย กับเผายางรถยนต์ และวางระเบิดปลอมสร้างความปั่นป่วน 

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เข้าค้นบ้านของนายดอแม เจ๊ะแน อายุ 55 ปี คอเต็บประจำมัสยิดบ้านดอเฮะ เลขที่ 52 หมู่ 3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี พบชายวัยรุ่นต้องสงสัยจำนวน 5 คน ชื่อนายอัสวัน หามะ นายลุกมัน กาเดร์ นายลุกมัน ยูโซ๊ะ นายมะรือดี มะยุ และนายซาฮุดิน เจ๊ะดี คุมตัวสอบเบื้องต้นพบว่านายอัสวัน หามะ มีหมาย จับคดีฆ่าคนตาย นำส่งค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี สอบขยายผล 

วันเดียวกัน น.ท.บุญเกิด มูลละกัน ผบ.ฉก.33 นำกำลังทหารนาวิกโยธิน 60 นาย เข้าตรวจค้นบ้านกอตอ หมู่ 5 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พบดินระเบิดพร้อมอุปกรณ์ผลิตระเบิด อาวุธปืนเอ็ม 16 1 กระบอก กระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 73 นัด แมกกาซีน 3 อัน กระสุนปืนพกและปืนลูกซอง 17 นัด มีดสปาร์ตาและมีดสนาม 2 เล่ม ชุดพรางทหาร 2 ชุด เครื่องเวชภัณฑ์ และ ตะปูเรือใบหนักกว่า 10 กก. บรรจุถุงปุ๋ยฝังดินไว้บริเวณด้านหลังมัสยิด จึงยึดไว้ตรวจสอบ 

ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น. ร.ต.ต.สุเมศ คงเขียว ร้อยเวร สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าบ้านเลขที่ 131/2 บ้านตาเซะใต้ หมู่ 6 ต.ปะลุรู พบศพนายอาเล็ง ปูเต๊ะ อายุ 29 ปี เจ้าของบ้าน ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 และมีคนเจ็บ 2 คน นำส่ง รพ.สุไหงโก-ลก ชื่อนายมะยูนา สะตาปอ อายุ 24 ปี และนายกาเร็ง ดือราแม อายุ 22 ปี สอบพบว่าผู้ตายและคนเจ็บถูกคนร้ายขับรถเก๋งมายิงถล่มด้วยปืนเอ็ม 16 ขณะกำลังนั่ง คุยกันบนแคร่หน้าบ้าน 

รายงานแจ้งว่า เมื่อคืนวันที่ 16 มี.ค. ร.ท.มกรา เขียวประเสริฐ ผบ.ร้อย ร.6014 ฉก.39 นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านนายอับดุลรอมัน ปะจู อายุ 31 ปี เลขที่ 31/1 บ้านเปาะเจ๊ะเต็ง หมู่ 1 ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี คุมตัวนายอับดุลรอมัน กับชายวัยรุ่นอีก 6 คน ชื่อนายอับดุลฮาเล็ม เจ๊ะ-อาหลี อายุ 24 ปี นายแซฟุดดิง ดรอแม อายุ 18 ปี นายเจะอามิ เจ๊ะอาหลี นายอับดุลฮามี ปะจู อายุ 30 ปี นายลุกมาน มะดีเยาะ อายุ 17 ปี และนายอัสรี ฮะยีฮะมะ อายุ 18 ปี ยึดของกลางใบปลิวปลุกระดมมวลชน เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ อาวุธมีดจำนวนหนึ่ง ขณะเข้าตรวจค้นมีพนักงานข้าราชการครูสาวคนหนึ่ง สอนโรงเรียนบ้านตะโล๊ะบูเก๊ะ เป็นแกนนำกลุ่มสตรีมาปิดล้อมขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ก่อนจะมีการเจรจาและยอมสลายตัวไป เจ้าหน้าที่จะรายงานพฤติกรรมของครูสาวคนดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดทราบเพื่อดำเนินการต่อไป 

ด้าน จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 12.30 น. คนร้ายได้ลอบวางเพลิงเผาโรงเรียนบ้านบาเลาะ หมู่ 2 บ้านบาเลาะ ต.ปะ-แสยาว อ.สายบุรี หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สการียา ยูโซะ รอง ผกก.สส. สภ.อ.สายบุรี นำรถดับเพลิงไปฉีดน้ำสกัดคุมเพลิงไว้ได้ ทว่าอาคารเรียนไม้ชั้นเดียว ใช้เป็นห้องเรียนชั้นอนุบาล กับชั้น ป.2 และ ป.5 รวมทั้งโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์การเรียนถูกไฟเผาวอด สอบพบช่วงเกิดเหตุที่โรงเรียนไม่มีคนเฝ้าและเป็นช่วงปิดภาคเรียน ขณะเกิดเหตุมีชาวบ้านเห็นเพลิงลุกลามได้ตะโกนให้ชาวบ้านช่วยกันดับแต่ไม่ทัน 

ตอนสายวันเดียวกัน พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ ผกก. สภ.อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกยิงที่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 4 บ้านมะรวด ต.คอกกระบือ พบคนเจ็บมี 2 คน ถูกนำส่ง รพ.ปะนาเระ ชื่อนายพร้อม ไชยสงคราม อายุ 61 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน อยู่บ้านเลขที่ 39 ถูกยิงด้วยปืน .38 ที่แขนซ้าย 1 นัด และ ด.ช.ซอฟรี ปะดอเฮง วัย 10 ขวบ ถูกยิงเฉี่ยวศีรษะ สอบพบขณะเกิดเหตุนายพร้อมกำลังนั่งฟังเสียงนกเขาขันที่หน้าบ้าน มีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย. มาจ่อยิง กระสุนพลาดไปถูก ด.ช.ซอฟรีบาดเจ็บไปด้วย 

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่าอัล-เคดาแฝงตัวอยู่ในประเทศไทยเพื่อเตรียมก่อเหตุรุนแรงว่า เป็นข้อมูลใหม่ จริงๆแล้วกลุ่ม อัล-เคดาคงไม่ปรากฏตัวให้ใครรู้ ถ้าออกมาในภาพนี้ก็จะต้องทำงานกันหนักขึ้น แต่ขณะนี้ตนยังไม่เห็น แต่ ก็ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ เมื่อถามว่า กองทัพเล็งที่จะประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จุดใดบ้าง พล.อ.สนธิกล่าวว่า การประกาศเคอร์ฟิวจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากรุนแรงก็คงจะต้องมีการประกาศเพิ่มเติม

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215