หลังจาก น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนสาวคนสนิทของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ผู้บริหารและอาจารย์ สถาบันกวดวิชา “แอพพลายด์ฟิสิกส์” ไม่ได้ไปพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับสารเอฟริดีนที่พบในตัวนายแพทย์คนดัง ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเตรียมที่จะออกหมายเรียกให้มาพบในฐานะพยานภายในสัปดาห์หน้า
ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (16 มี.ค.) น.ส.เปมิกา พร้อมนายอภิชาติ จรสาย ทนายความ และเพื่อนชาย 2 คน หญิง 1 คน เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เมื่อพบผู้สื่อข่าวเพื่อนสาวคนสนิทของ นพ.ประกิตเผ่า พยายามหลบเลี่ยง ขณะที่นายอภิชาติ ทนายความเปิดเผยว่า วันนี้ น.ส.เปมิกาตั้งใจมาพบ และขอคำปรึกษาจากบุคคลที่ให้ความเคารพเสมือนญาติผู้ใหญ่ และทำงานอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุดแห่งนี้ แต่เปิดเผยไม่ได้ว่าเป็นผู้ใด ที่ผ่านมา น.ส.เปมิกามิได้หลบหนีหรือมีเจตนาหลบเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน แต่ไม่ทราบว่าคดีนี้ทำไมตำรวจกองปราบฯต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะทราบจากคำเบิกความในชั้นศาลที่ผ่านมาก็มีตำรวจกองปราบฯไปเฝ้าที่โรงพยาบาล ต่อมาตำรวจกองปราบฯก็ทำการสอบสวน โดยเฉพาะมีการออกหมายเรียกมาสอบถาม ทำไมไม่แจ้งข้อหาเป็น ผู้ต้องหาเสียเลย จะได้ให้การหรือไม่ให้การก็ได้ เพราะผู้ต้องหามีสิทธิตามกฎหมาย เกรงว่าจะเป็นการเรียกไปสอบสวนเพื่อเอาข้อมูลจาก น.ส.เปมิกามากกว่า
นายอภิชาติกล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ที่มีตำรวจกองปราบฯไปเฝ้าที่โรงพยาบาลกับการที่รีบเร่งสอบสวนคดีนี้ ทำให้เราไม่เชื่อในความเป็นกลาง ดังนั้น จึงควรมีหน่วยงานกลางเข้าร่วมในการสอบสวน หรือให้พนักงานสอบสวนมาจากคนกลาง คดีนี้ที่กล่าวหาว่ามีสารเอฟริดีนในตัว นพ.ประกิตเผ่า ในชั้นเบิกความก็ระบุแล้วว่าสารนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาการป่วยเจ็บของ นพ.ประกิตเผ่า ไม่ทราบว่าทำไมต้องสอบสวนต่อไปอีก คดีนี้น่าจะเป็นคดีส่วนแพ่งมากกว่า “ในหมายเรียกไม่ได้บอกว่าเปมิกาอยู่ในฐานะอะไร ผู้ต้องหาหรือพยาน หรือถูกจับในข้อหาความผิดอะไร ตำรวจควรใช้วิชาการที่เป็นระบบกว่านี้ เรื่องนี้ น.ส.เปมิกาเข้ามาเกี่ยวข้องในชั้นร้องขอปล่อยตัวผู้ถูกขัง ตามมาตรา 90 ป.วิ อาญา เพราะเห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยกันถึงมาช่วย ถ้าไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนจริงๆเปมิกาคงไม่เอาตัวเองที่เป็นหญิงสาวและชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเข้ามาแลก ถ้ามีเรื่องชู้สาวกันจริงก็คงไม่ เปิดตัวแบบนี้” นายอภิชาติกล่าว
ขณะที่ น.ส.เปมิกาเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า หลังจากถูกฟ้องคดีชู้สาว เรียกค่าเสียหาย 27 ล้านบาท และยังมีการพูดถึงว่า จะสืบสาวหาทรัพย์สินที่สูญหายไปเป็นตัวเลข 10 หลักนั้น ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ดิฉันไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับ นพ.ประกิตเผ่า ไม่เคยคบหากันทางเชิงชู้สาว เวลาไปไหนมาไหนหรือพักที่คอนโดฯก็จะมีเพื่อนกลุ่มนี้อยู่ด้วยเสมอ ที่ฟ้องมาตั้ง 27 ล้านบาท จะเอาเงินที่ไหนไปให้เขา ยิ่งเงินจำนวนตัวเลขสูง 10 หลักด้วยแล้ว ยิ่งลำบาก เพราะทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินคุณพ่อคุณแม่ สำหรับเรื่องหมายเรียกก็ทราบจากข่าวทาง นสพ.มาตลอด แต่ตนไม่ค่อยได้อยู่ ที่คอนโดฯ เพราะช่วงนี้ต้องเดินทางไปปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่ หลายที่ แต่เมื่อตอน 3 ทุ่ม วันที่ 15 มี.ค. มีตำรวจแต่งชุดเขียว ต้นแขนติดอาร์มคอมมานโด นำหมายเรียกไปให้กลางดึก ตนไม่ได้รับแต่เพื่อนออกมารับแทน ยังรู้สึกกลัวว่า ทำไมตนเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แต่ต้องให้ ตำรวจคอมมานโดเอาหมายไปให้ ก่อนขอตัวผละจากไป
ที่คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เวลา 11.00 น. วันเดียวกัน นางประไพพรรณ ภูมิวุฒิสาร รองคณบดีคณะจิตวิทยา ฝ่ายกิจการนิสิต เปิดเผยว่า ทางคณะจิตวิทยายังไม่ได้รับการติดต่อจาก น.ส.เปมิกาแต่อย่างใด ซึ่งเราก็รอเพราะเป็นห่วงลูกศิษย์ และจะรอให้ น.ส.เปมิกา ติดต่อทางคณะอีก 1-2 วัน หากยังเงียบหายอยู่ ทางคณะก็จะติดต่อ น.ส.เปมิกาเอง เพราะหายไปนาน ส่วนกรณีที่อาจารย์คณะครุศาสตร์ระบุว่า มหาวิทยาลัย หรือคณะจิตวิทยาควรเรียก น.ส.เปมิกามาตักเตือน หรือทำทัณฑ์บนนั้น ที่ผ่านมาทางคณะจิตวิทยาก็ไม่ได้อยู่เฉย เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ตนในฐานะรองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตเชิญ น.ส.เปมิกามาตักเตือนนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยตักเตือน 2 เรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องการเรียน ซึ่ง น.ส.เปมิกาขาดสอบ 3 วิชา และตามระเบียบของมหาวิทยาลัย นิสิตจะต้องติดต่อคณะภายใน 3 วัน และต้องแสดงหลักฐานมายืนยัน เช่น ใบรับรองแพทย์ แต่กรณี น.ส.เปมิกาก็ไม่ได้ติดต่อคณะเลยเวลาที่กำหนดมาเนิ่นนานแล้ว ก็ถือว่าสอบไม่ผ่าน และคงไม่จบการศึกษาในปีการศึกษานี้ แต่ยังคงมีสถานะเป็นนิสิตจุฬาฯอยู่
รองคณบดีคณะจิตวิทยากล่าวต่อว่า เรื่องที่ตักเตือนเรื่องที่ 2 คือตักเตือนเรื่องการวางตัวที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องวางตัวให้เหมาะสมกับการเป็นนิสิตจุฬาฯ ที่จะต้องคำนึงถึงศีลธรรมจรรยา ซึ่ง น.ส.เปมิกาก็มีท่าทีตอบรับ คำตักเตือนของอาจารย์ และรับว่าจะปฏิบัติตาม แต่ภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้ นพ.ประกิตเผ่าเข้ารับการรักษาต่อในโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ทางคณะก็ไม่ได้พบ น.ส.เปมิกาอีกเลย ส่วนเรื่องที่ น.ส.เปมิกาถูกฟ้องร้องฐานละเมิดจากภรรยา นพ.ประกิตเผ่า จำนวน 27 ล้านบาทนั้น ทางคณะก็คงทำได้แค่ตักเตือนการวางตัว เพราะเราคงไม่รู้ว่าใครจะไปมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครได้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ยืนยันว่าคณะก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์