แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

?สุรยุทธ์? เด้งเชือกตัดสัมพันธ์สิงคโปร์ ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : ?สุรยุทธ์? เด้งเชือกตัดสัมพันธ์สิงคโปร์

ปัญหาทางการเมืองส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ง่อนแง่นลงเรื่อยๆ หลังจากที่ผู้นำระดับสูงของสิงคโปร์ให้การต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ประกาศจะทวงคืนดาวเทียมไทยคม ซึ่งเป็นสมบัติของชาติที่ตกอยู่ในความครอบครองของกลุ่มเทมาเสก ล่าสุดม็อบสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ได้ออกมาเคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลสิงคโปร์ โดยมีการเผาหุ่นของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกสัญญาที่เปิดให้กองทัพสิงคโปร์ใช้ กองบิน 23 จ.อุดรธานี เป็นสถานที่ฝึกรบ รวมทั้งให้ทบทวนสัญญาสัมปทานที่ฉ้อฉลต่างๆ 

“สุรยุทธ์-สนธิ” ร่วมงานนักรบพิเศษ 

เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 23 ก.พ. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม เดินทางไปวางพวงมาลาพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี เนื่องในวันนักรบพิเศษประจำปี 2550 โดยมี พล.ท.ชัยพัฒน์ ธีรธำรง ผบ.นสศ. ให้การต้อนรับ และนำ พล.อ.สุรยุทธ์เดินทางไปร่วมพิธีสงฆ์ในกองบัญชาการ นสศ. ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. พร้อมด้วยนายทหารระดับสูงของกองทัพบก เดินทางไปวางพวงมาลาพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เช่นเดียวกัน จากนั้นเดินทางไปร่วมพิธีรับมอบเครื่องหมายแสดงความสามารถพิเศษนักโดดร่ม ที่ นสศ.มอบให้ข้าราชการระดับสูง โดยมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. เดินทางไปร่วมพิธีด้วย 

รับของที่ระลึกเครื่องหมายจู่โจม 

กระทั่งเวลา 10.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.สนธิเดินทางมาพบกันที่ห้องรับรองในกองบัญชาการ นสศ. เพื่อพักผ่อน ทั้ง 2 พูดคุยกันประมาณ 10 นาที ก่อนจะแยกคณะไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษแล้ว คณะ ของ พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.สนธิ ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่กองพลรบพิเศษที่ 1 ค่ายเอราวัณ พร้อมกันนี้ พล.ท.ชัยพัฒน์ได้มอบเครื่องหมายจู่โจม เครื่องหมายกระโดดร่ม สายยงยศสีแดง พร้อมหมวกเบเรต์แดง อนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจำลอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เกียรติประวัติสำหรับผู้ที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ เป็นของที่ระลึกให้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.บุญรอด และ พล.อ.สนธิ 

นายกฯเด้งเชือกตัดสัมพันธ์สิงคโปร์ 

จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มสมัชชาภาคอีสาน 19 จังหวัด ชุมนุมกันที่กองบิน 23 จ.อุดรธานี เพื่อทวงคืนดาวเทียมจากสิงคโปร์ และเรียกร้องไม่ให้กองทัพอากาศสิงคโปร์ใช้กองบิน 23 เป็นฐานการฝึก ว่า รัฐบาลยังไม่ได้หารือเรื่องนี้ แต่นโยบายของรัฐบาลต้องพิจารณาถึงความมั่นคงเป็นหลัก แต่การตัดสินใจจะไม่ให้มีผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกลุ่มอาเซียน 

พ.อ.มาร์ค โก๊ะ ผู้ช่วยทูตทหารสิงคโปร์ประจำประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่บทวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์ ระบุว่า กองทัพบกสิงคโปร์เข้ามาใช้พื้นที่ฝึกในประเทศ ไทยที่ จ.อุดรธานี และกาญจนบุรี ในลักษณะเป็นสายลับว่า กองทัพบกสิงคโปร์ไม่ใช่สายลับ (spy) ตามที่เป็นข่าว ทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้ทำอย่างถูกต้องระหว่างกองทัพกับรัฐบาลไทย ตอนนี้กองทัพบกสิงคโปร์ยังฝึก อยู่ที่ค่ายฝึกกาญจนบุรีภายใต้แผนการฝึก 207 ตามรหัสเครสเชนโด้ รวมถึงการฝึกคอบร้าโกลด์ ที่ทำกันประจำทุกปี ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพของสองประเทศยังอยู่ในระดับดีมาก แม้จะมีปัญหาการเมืองในช่วงที่ผ่านมาบ้างก็ตาม 

สั่งกองทัพเพิ่มประสิทธิภาพกำลังรบ 

ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคมช. ให้สัมภาษณ์ว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.สุรยุทธ์ถึงการพัฒนากองทัพในภาพรวม กองทัพมี 2 เรื่องที่จะต้องทำคือ คนและเครื่องมือ โดย พล.อ.สุรยุทธ์บอกว่าการที่กองทัพจะซื้ออะไรขอให้คิดไว้ว่าทำอย่างไรให้อำนาจของกำลังรบมีประสิทธิภาพ และให้ รมว.กลาโหมเตรียมพิจารณางบประมาณปี 2551 ให้เร็วและดูเทคโนโลยีของกองทัพในภาพรวม ส่วนเรื่องศักยภาพของกำลังพลนั้น นายกฯให้กระทรวงกลาโหมไปพิจารณาเรื่องการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดเร็วขึ้น 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสความขัดแย้งระหว่างนายกฯกับประธาน คมช. พล.อ.สนธิกล่าวสั้นๆด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เมื่อกี้ได้คุยกันแล้ว”

 “สนธิ” แจงปมละเลยงานหลัก 

ต่อข้อถามถึงกรณีที่ผลสำรวจความนิยมในตัว พล.อ.สนธิที่ระบุว่า ให้ความสนใจกับงานการเมืองมากกว่างานในหน้าที่ โดยเฉพาะงานแก้ไขความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.สนธิตอบว่า ตนเป็นประธาน คมช. มีหน้าที่ในการดูแลความรับผิดชอบทั้งประเทศ ต้องประเมินว่าสถานการณ์บ้านเมืองมีจุดแตกหักอยู่ตรงไหน ก็ให้ความสำคัญตรงนั้นเป็นลำดับแรก ถือเป็นหลักการทางการยุทธอย่างหนึ่ง และดูว่าตรงไหนเป็นเป้า หรือเป็นสถานที่เป็นเป้าหมาย เป้าหมายรองก็จะกำหนดเป็นเป้าหมายที่ 2 ในลำดับความสำคัญ นี่คือแผนการทำงาน ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ายังให้ความสำคัญด้านการเมืองเป็นลำดับ 1 ใช่หรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ไม่ใช่การเมือง ความมั่นคงของประเทศตรงไหนสำคัญสูงสุดต้องดูตรงนั้นก่อน เหตุการณ์ที่อยู่ภายในมีความสำคัญมากกว่า ความมั่นคงมีหลายเรื่องที่ต้องนำมาพิจารณา ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม หรืออะไรที่มารวมเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ มีอยู่ทุกประเด็น  แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ความสำคัญกับที่อื่น เราให้ความสนใจเหมือนกันหมด 

ปลุกผู้นำท้องถิ่นสร้างสมานฉันท์ 

ต่อมาเวลา 13.20 น. พล.อ.สนธิเดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดงาน “รวมพลังไทย รู้รักสามัคคี ทำความดีถวายในหลวง” ที่สนามกีฬากลาง จ.ลพบุรี มีมวลชนจากจ.ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง และอยุธยา จำนวนประมาณ 15,000 คนเข้าร่วมงาน โดยพล.อ.สนธิกล่าวให้โอวาทว่า ในปี 2550 รัฐบาลประกาศแนวนโยบายหลักคือ 1. การปฏิรูปการเมืองให้เป็นการเมืองที่เกิดจากความรู้สึกนึกคิด อุดมการณ์ ความต้องการที่แท้จริง เป็นการเมืองที่มีความยุติธรรม มีการเรียนรู้กัน 2. การเสริมสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ ทุกคนคือกลไกหลัก โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและสมาชิก อบต. ที่จะร่วมกันสร้างความรัก ความสามัคคี ความปรองดอง ในสังคม ตลอดจนช่วยถ่ายทอดปลูกฝังอุดมการณ์ความรัก ความหวงแหนแผ่นดิน และประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามไปสู่ลูกหลาน เพื่อความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของประเทศชาติอย่างยั่งยืน และมีการพัฒนาที่ก้าวหน้าทัดเทียมประเทศอื่น 

ม็อบอีสานชุมนุมต่อต้านสิงคโปร์ 

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 09.30 น. นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนอีสาน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมศักดิ์ โกสัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำกลุ่มสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด จำนวนกว่า 300 คน รวมตัวกันที่บริเวณข้างสนามทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี เพื่อประกาศเจตนาทวงคืนสมบัติชาติจากสิงคโปร์ โดยเฉพาะข้อตกลงให้กองทัพอากาศสิงคโปร์ใช้กองบิน 23 จ.อุดรธานี เป็นสถานที่ฝึกเครื่องบินรบ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมชนได้เคลื่อนขบวนไปยังกองบิน 23 โดยใช้รถขยายเสียงกล่าวโจมตีสิงคโปร์ พร้อมทั้งนำสติกเกอร์รูปเครื่องบินรบ ด้านบนมีข้อความว่า THIS LAND ด้านล่างมีข้อความว่า NOT FOR RENT รวมทั้งแจกผ้าโพกศีรษะสีขาวเขียนข้อความว่า SINGAPORE GET OUT แจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่อยู่ข้างทาง  

เผาหุ่นฟางนายกฯลอดช่อง 

เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงหน้ากองบิน 23 ได้นำหุ่นฟางของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และหุ่นฟางเครื่องบินขับไล่ของสิงคโปร์มาเผา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามจะเผาธงชาติสิงคโปร์ด้วย แต่ถูกห้ามปรามจากแกนนำกลุ่ม ทำให้ผู้ชุมนุมนำธงชาติสิงคโปร์มาเหยียบแทน จากนั้นนายศุภผลได้ยื่นแถลงการณ์ถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ผ่าน น.อ.สุรศักดิ์ ทุ่งทอง ผบ. กองบิน 23 เพื่อขอให้ทบทวนข้อตกลงร่วมที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำไว้กับรัฐบาลสิงคโปร์ เรื่องการใช้กองบิน 23 เป็นฐานของเครื่องบินรบสิงคโปร์ 

จี้นายกฯทบทวนสัมปทานฉ้อฉล 

สำหรับแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า ขอให้กำลังนายกรัฐมนตรีและประธาน คมช.ในการรักษาสมบัติของแผ่นดิน พร้อมขอเสนอความเห็น 4 ข้อได้แก่ 1. รัฐบาลต้องเข้มแข็งเด็ดขาด และชัดเจน ในกรณีสัมปทานที่ฉ้อฉลและพันธสัญญาต่างๆที่มีกับรัฐบาลสิงคโปร์ กองทุนเทมาเสก ชินคอร์ป และกุหลาบแก้ว และควรดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทุกอย่างกลับสู่ครรลองของกฎหมายอย่างแท้จริง 2. นายกฯและประธาน คมช.ควรตัดสินใจเด็ดขาดในการนำพาประชาชนไทยให้เห็นรูปธรรมที่แท้จริงของความรักชาติรักแผ่นดิน 3. รัฐบาลควรทบทวนข้อสัญญาเช่าสนามบินกองบิน 23 และชี้แจงสาระสำคัญต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไขข้อข้องใจที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. 2547 ที่มีการตั้งกระทู้ถามด้วยความสงสัยในรัฐสภาสมัยนั้น แต่ไม่ได้รับความกระจ่างจากรัฐบาลทักษิณ 4. รัฐบาลควรทบทวนความสัมพันธ์ด้านการทหารของสิงคโปร์ให้ชัดเจน และเพิ่มความระมัดระวังในการถูกดึงเข้าสู่หลุมพรางและตกกระไดพลอยโจนไปกับสหรัฐฯผ่านทางสิงคโปร์ จนอาจต้องเผชิญหน้ากับโลกมุสลิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215