ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าทางการเมือง หลังจากวานนี้ (13 ก.พ.) พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเที่ยงแก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เพื่อหารือถึงประเด็นการยกร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นที่จะเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการประชุมพรรคการเมือง ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ (14 ก.พ.)
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางโทรทัศน์ช่อง 3 ว่าประเด็นการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ 3 พรรคเห็นตรงกันคือ น่าจะมีช่องทางในการรับฟังข้อเสนอของพรรคการเมือง เพราะจะทำให้รัฐธรรมนูญที่ออกมาสอดคล้องกับความเป็นจริง ปฏิบัติได้ไม่มีปัญหา รวมถึงการทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนกันว่าถ้าให้มีการเลือกตั้งแบบเขตเดียวหลายคนแต่ให้ประชาชนเลือกได้คนเดียว เป็นการไม่ส่งเสริมระบบพรรคการเมือง สร้างปัญหาแก่พรรคการเมือง ระบบการเลือกตั้งที่ดีต้องสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน เวลาไปเลือกตั้งแล้วประชาชนจะต้องรู้ว่าทิศทางของประเทศจะไปทางไหน เพราะฉะนั้นระบบพรรคการเมืองจึงเป็นสิ่งสำคัญ ระบบการเลือกตั้งที่บั่นทอนพรรคการเมือง เราเห็นว่าไม่ควรนำมาใช้
“วิธีการนี้เขาออกแบบเวลาต้องการให้เกิดการกระจาย ไม่ต้องการให้กลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองเป็นปึกแผ่น ตอนนั้นถึงนำมาใช้กับวุฒิสภา เพราะไม่ต้องการให้พรรคการเมืองเข้าไปครอบงำ ซึ่งพวกผมเองก็เห็นด้วย ว่าถ้าหากวันข้างหน้าจะมีวุฒิสภาก็อยากให้ใช้ระบบนี้ แต่สำหรับ ส.ส.นี่มันไม่มีเหตุผล มันทำให้เกิดสภาพที่เป็นเบี้ยหัวแตก ไม่ได้ส่งเสริมพรรคการเมือง” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกล่าวต่อว่า โดยสภาพการเมืองปัจจุบันนี้ ตนเชื่อว่าการเลือกตั้งแบบเดิมไม่มีทางที่พรรคหนึ่งพรรคใดกวาดผู้แทนฯหมด เราอาจจะสับสนว่ารัฐบาลที่เข้มแข็งในสภาหมายถึงมีเสียงข้างมาก จะต้องเป็นรัฐบาลที่เลว หรือเป็นรัฐบาลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต จริงๆ แล้วไม่ใช่ ระบบรัฐสภาส่วนใหญ่ก็มุ่งที่จะให้มีรัฐบาลที่สามารถบริหารงานได้อย่างชัดเจน แต่ต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบ สิ่งที่ต้องแก้ไขคือกลไกการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นกลไกในสภา องค์กรอิสระ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวยังคิดว่าคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้มุ่งร้ายกับพรรคการเมือง แต่ไปตื่นตระหนกกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ 5 ปีที่ผ่านมา จึงพยายามหาวิธีคิดที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แยกแยะว่าตรงไหนที่เป็นปัญหาจริงๆ
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์