ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลปกครองวานนี้ (26 ม.ค.) ที่ห้องไต่สวน 9 ศาลปกครองกลาง นายประวิตร บุญเทียม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองในฐานะตุลาการเจ้าของสำนวน ได้ออกบัลลังก์พิจารณาไต่สวนพิเศษข้อพิพาทระหว่างบริษัททรูมูฟ จำกัด กับ บจม.ทีโอที โดยทรูมูพได้ร้องขอให้ศาลกำหนดมาตรการบรรเทา ทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาแก่ประชาชนผู้ใช้บริการเลขหมายโทรศัพท์ที่ทรูมูฟได้รับการจัดสรรจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จำนวน 1.5 ล้านเลขหมาย โดยสั่งให้ บจม.ทีโอที ดำเนินการเชื่อมต่อโครงข่ายเพื่อให้ผู้ใช้เลขหมายโทรศัพท์ทรูมูฟสามารถติดต่อกับเลขหมายโทรคมนาคมของ บจม.ทีโอทีได้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
โดยมีผู้บริหารระดับสูงของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายเดินทางมาเบิกความต่อศาล ภายหลังการไต่สวน นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัททรูมูฟกล่าวว่า การมายื่นร้องต่อศาล ปกครองก็เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้บริโภคที่ใช้บริการเลขหมายของทรูมูฟ เนื่องจากที่ผ่านมา ทรูมูฟได้ปฏิบัติตามกฎหมายมาตลอด เลขหมายที่ได้รับจัดสรรจาก กทช. 1.5 ล้านเลขหมายก็ดำเนินการอย่างถูกต้องเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการใช้ช่องทางการสื่อสารอย่างอิสระ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นหมายเลขโทรศัพท์กว่า 45,000 หมายเลข ที่ได้เปิดใช้แล้วยังไม่สามารถ ติดต่อสื่อสารกับเลขหมายของทีโอที ที่มีอยู่ 3 ล้านเลขหมายได้ จากการปิดกั้นสัญญาณของ บจม.ทีโอที ตนก็เข้าใจว่านี่เป็นมาตรการรักษาผลโยชน์ของทีโอที เพราะข้อกฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้ บจม.ทีโอที ปฏิบัติเป็นอย่างอื่นได้ จึงต้องมาให้ศาลชี้ขาดเพื่อยุติปัญหา
ด้านนายปริญญา วิเศษศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านกฎหมาย บมจ.ทีโอที กล่าวว่า ขอยืนยันว่า ทีโอทีไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ใช้บริการหมายเลขโทรศัพท์ของทรูมูฟและดีแทค แต่ทีโอทีจำต้องปฏิบัติตามหน้าที่ในฐานะที่รัฐวิสาหกิจที่มีภาระต้องส่งรายได้ให้กับรัฐ 100% และเพื่อคุ้มครองผู้ใช้เลขหมายของทีโอทีที่มีอยู่ 45 ล้านเลขหมายทั่วประเทศให้ได้รับความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร ถ้าทรูมูฟและดีแทคมีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกฎหมาย คือ เป็นผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม และมีโครงข่ายสัญญาณโทรคมนาคมของตัวเอง ทีโอทีก็พร้อมจะดำเนินการเชื่อมสัญญาณโครงข่ายให้ทันที แม้จะเลือกที่จ่ายค่าเชื่อมโยงโครงข่ายเป็นแบบอินเตอร์-คอนเน็กชั่นชาร์จ (ไอซี) ก็ตาม แต่วันนี้ทั้งทรูมูฟและดีแทคยังขาดคุณสมบัติทั้ง 2 ข้อ โดยเฉพาะยังอาศัยโครงข่ายสัญญาณของการสื่อสารแห่งประเทศไทยอยู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถปฏิเสธการจ่ายค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (แอ็คเซ็สชาร์จ) หรือเอซี ได้ ส่วนคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร ต้องรอฟังคำสั่งของศาลอีกครั้ง
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้รายงานผลกระทบจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมให้เหลือร้อยละ 0 จากที่ได้มีการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมมากกว่า 3 ปีว่า ในด้านรัฐบาลนั้นการปรับลดภาษีสรรพสามิตดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อรายได้รัฐ เนื่องจากรัฐบาลได้กำหนดให้บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคมจ่ายคืนเม็ดเงินเข้ารัฐในรูปเงินปันผลเท่ากับรายได้ที่หายไป
ในส่วนของบริษัทผู้รับสัมปทานนั้นยังคงมีรายจ่ายเท่าเดิม ขณะที่หน่วยงานกิจการโทรคมนาคมทั้ง 2 แห่งมีรายได้จากส่วนแบ่งรายได้ค่าสัมปทานเพิ่มขึ้นชั่วคราว ก่อนจะมีการนำเงินส่งรัฐในรูปของเงินปันผลจากการดำเนินงานในแต่ละปี โดยที่หน่วยงานโทรคมนาคมของรัฐดังกล่าวนอกจากจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินของหน่วยงานเพิ่มขึ้น ยังสามารถนำเงินที่ได้รับไปบริหารให้เกิดประโยชน์ได้มากขึ้นก่อนที่จะจ่ายเป็นเงินปันผลที่เท่ากับจำนวนภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมที่รัฐบาลเคยได้รับ
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าการลดภาษียังเป็นการส่งเสริมให้ต้นทุนการเข้ามาดำเนินกิจการของผู้ให้บริการรายใหม่ต่ำลงอีกด้วย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในธุรกิจโทรคมนาคม โดยผลในระยะยาวนั้นน่าจะช่วยส่งเสริมให้มีการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่โดยได้รับผลดีจากต้นทุนการเข้ามาให้บริการที่ลดลงจากการลดภาษีครั้งนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การแข่งขันของตลาดที่เพิ่มขึ้น “การแข่งขันที่เกิดขึ้นในกิจการโทรคมนาคมนั้น จะส่งผลดีต่อผู้ใช้บริการ ให้สามารถได้รับบริการที่ดีมีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม เกิดบริการที่มีความหลากหลายกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน”.
ข้อมูลจาก :