ความคืบหน้าการสางสารพัดปัญหาในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชำรุดเสียหายของทางวิ่ง (รันเวย์) และทางขับ (แท็กซี่เวย์) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ร้าวถึง 25 จุด จนต้องเร่งซ่อมแซมและส่งผลกระทบต่อการขึ้นลงของสายการบิน เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ล่าช้ากว่าตารางบินที่แจ้งไว้กับผู้โดยสารนั้น ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาดังกล่าวว่า เรื่องนี้มีการรายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยนายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ชี้แจงว่าต้องให้หน่วยงานที่เป็นกลางเข้ามาตรวจสอบในทางวิชาการว่าจะเป็นปัญหาระดับไหน สามารถซ่อมแซมแก้ไขโดยใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางกระทรวงคมนาคมและ ทอท.ยืนยันว่ายังสามารถบริหารจัดการได้ ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องปิดสนามบิน ขอดูผลการตรวจสอบก่อน
พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวอีกว่า เครื่องบินของสายการบิน ต่างๆ ยังสามารถลงจอดได้ เพียงแต่ว่าไม่สะดวก เนื่องจากบริเวณหลุมจอดชำรุดไปพอสมควร ทำให้บริเวณงวงที่จะรับผู้โดยสารเข้าจอดไม่ได้ประมาณ 10 แห่ง จากทั้งหมด 50 แห่ง แต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ส่วนเรื่องความเชื่อมั่นของสายการบินนานาชาติที่จะเข้ามาใช้พื้นที่สนามบินนั้น มีองค์กรการบินระหว่างประเทศ (ไอเอโอ) ตรวจสอบดูแลอยู่แล้ว แต่ต้องรอผลการตรวจสอบก่อน บ้านตนอยู่แถวนั้นตนทราบดีว่าพื้นดินมีอาการทรุดตัวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอาคารที่สร้างมานานแล้วจะเห็นได้ชัดว่าพื้นดินทรุดตัวต่ำลงไป ทั้งนี้ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม ได้บอกแล้วว่าจะเร่งตรวจสอบ ในเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตผู้โดยสารที่จะเดินทาง ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าเราตระหนักและพยายามให้เกิดความเชื่อมั่นมากที่สุด
ด้าน พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายกับผู้บริหาร ทอท. ให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมทางวิ่ง (รันเวย์) และทางขับ (แท็กซี่เวย์) ที่มีปัญหาแตกร้าวโดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและกระทบความเชื่อมั่นของสายการบินต่างๆ ที่มาใช้บริการท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีความกังวลว่าการแก้ไขปัญหาด้วยการทยอยซ่อมรันเวย์ทีละจุดนั้น เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการที่มีนายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการ ทอท.เป็นประธาน ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญจะประเมินหาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยเร็ว พร้อมทั้งต้องสร้างความเชื่อมั่นในการใช้บริการท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิโดยเร็วที่สุด เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสายการบินต่างๆ แต่ยืนยันว่าจะไม่เป็นการปิดรันเวย์ทั้งหมด แต่จะเป็นการปิดซ่อมแซมรันเวย์ในส่วนที่มีปัญหาเท่านั้น
“ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้แนวคิดที่จะให้สายการบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศกลับไปใช้สนามบินดอนเมืองนั้นมีความเป็นไปได้มากขึ้น เพราะจะช่วยให้การซ่อมแซมเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ และยังเป็นการลดความแออัดของปริมาณการจราจรทางอากาศในท่า อากาศยานสุวรรณภูมิได้อีกทางหนึ่งด้วย ส่วนจะย้ายไปใช้สนามบินดอนเมืองเป็นการชั่วคราวหรือถาวรนั้น ยังต้องหารือรายละเอียดอีกครั้ง โดยในวันที่ 29 ม.ค.นี้ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด เพื่อกลับไปใช้สนามบินดอนเมืองอย่างแน่นอน” พล.ร.อ.ธีระกล่าวและว่า ส่วนของข้อเสนอที่จะให้มีการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 และ 4 เพิ่มเติมนั้น ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะจะต้องใช้วงเงินในการก่อสร้างที่ค่อนข้างสูง ซึ่งขณะนี้ ทอท.มีค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เช่น ปัญหาเรื่องเสียง
ต่อมาในช่วงบ่าย ว่าที่เรือตรีหญิงโสภิณ แดงเทศ ประธานคณะกรรมการการดำเนินงานธุรกิจการบิน ของภาคเอกชนเปิดเผย หลังเข้าตรวจสอบรอยแยกและการยุบตัวของรันเวย์และแท็กซี่เวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิว่า จากที่เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่เมื่อช่วงเช้า ปรากฏว่าส่วนที่เป็นเซฟตี้หรือรันเวย์ ซึ่งเป็นจุดขึ้นลงนั้นมีความเสียหายเพียงหนึ่งจุด ซึ่งตอนนี้ซ่อมแซมปรับปรุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในส่วนแท็กซี่เวย์ ซึ่งเป็นเพียงทางขับเพื่อขับลานจอดนั้น ไม่มีอันตราย เกี่ยวข้องกับเรื่องเซฟตี้นั้น มีความเสียหายหลายจุดขณะนี้กำลังซ่อมแซมอยู่ คาดว่าจะเสร็จในเร็วๆนี้
ว่าที่เรือตรีหญิงโสภิณยังกล่าวอีกว่า ข่าวที่ออกไปนั้นสร้างความเสียหายให้แก่สนามบินเป็นอย่างมาก มีผลเป็นลบกับประเทศชาติ เพราะมีสายการบินต่างชาติโทร.เข้ามาถามข้อเท็จจริงจากตนเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้บอกไปแล้วว่าไม่มีอะไรที่น่าห่วง เครื่องบินทุกสายสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย ความจริงแล้วการขึ้นลงของเครื่องบินจะปลอดภัยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกัปตัน ถ้ากัปตันเห็นว่าไม่ปลอดภัยก็จะไม่นำเครื่องลงจอด แต่เท่าที่ผ่านมาจนถึงวันนี้กัปตันจากสายการบินต่างๆยังคงนำเครื่องลงเป็นปกติ
นอกจากนี้ วันเดียวกัน คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสัญญาการดำเนินงานของบริษัท คิงส์เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามและศึกษาปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มี พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานพื้นที่เชิงพาณิชย์และพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้นพล.อ.ปฐมพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจสอบสัญญาระหว่าง ทอท. กับบริษัทคิงส์เพาเวอร์ฯ พบว่ามีการทำสัญญาที่ทำให้ ทอท.สูญเสียรายได้จากเอกชนถึง 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทคิงส์เพาเวอร์ฯได้ยื่นประกวดราคาเพื่อเป็นผู้บริหารพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสาร โดยเสนอผลตอบแทนขั้นต่ำในปีแรกเป็นเงิน 1,431 ล้านบาท และเสนอในท้ายสัญญาว่าจะชำระค่าตอบแทนให้แก่ ทอท. เพิ่มเติม นอกเหนือจากจำนวนเงินที่เสนอไว้ในข้อเสนอราคาข้างต้นเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท แต่เมื่อบริษัทคิงส์เพาเวอร์ฯได้รับการคัดเลือกและทำสัญญาจริง กลับไม่พบเงินเพิ่มเติมดังกล่าว ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการฯจะเชิญนายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ กรรมการ ทอท. ซึ่งเป็นประธานกรรมการพิจารณาคัดเลือกสัญญามาสอบถามรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวหายไปไหน ไปอยู่กับใคร เพราะที่ผ่านมาได้สอบถามผู้บริหารของบริษัทคิงส์เพาเวอร์ฯ ได้รับการชี้แจงว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินล่วงหน้า มิใช่ผลประโยชน์เพิ่มเติม
จากนั้นในช่วงเย็น เรืออากาศโทภาสกร สุระพิพิธ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ในเช้ามืดวันที่ 27 ม.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 02.00-06.00 น. ทอท.จะทำการปิดรันเวย์ฝั่งตะวันออก เพื่อซ่อมแซมรอยแตกของรันเวย์ ด้านทิศเหนือ ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากที่หน่วยปฏิบัติการของ ทอท.ได้ตรวจสอบสภาพรันเวย์แล้วพบว่าผิวรันเวย์บางส่วนยังมีรอยแตกอยู่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทอท.จึงได้สั่งปิดรันเวย์ทางด้านทิศตะวันออกทั้งหมด แล้วประสานไปยังหอบังคับการบินให้แจ้งกับสายการบินต่างๆ ที่จะลงจอดในช่วงเวลาดังกล่าวให้ย้ายรันเวย์ไปใช้ฝั่งทิศตะวันตกแทน โดยยืนยันว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่มีปริมาณการจราจรทางอากาศน้อยที่สุด และจะกระทบกับเที่ยวบินที่จะลงจอดและบินขึ้นจากสนามบินสุวรรณภูมิจำนวน 40 เที่ยวบิน ซึ่งเป็นเที่ยวบินจากต่างประเทศ 34 เที่ยวบิน และอีก 6 เที่ยวบินเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ ซึ่งเที่ยวบินทั้งหมดจะต้องย้ายไปใช้รันเวย์ฝั่งตะวันตกทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว
เรืออากาศโทภาสกรกล่าวอีกว่า ส่วนการปิดแท็กซี่เวย์ที่เชื่อมต่อกับรันเวย์ฝั่งตะวันตกเมื่อเวลา 14.58 น. ของเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา ยอมรับว่าเป็นการปิดเพื่อซ่อมแซมรอยแตกร้าวของแท็กซี่เวย์และช่วงปลายรันเวย์ฝั่งตะวันตก เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้โดยสาร ซึ่งจากการปิดรันเวย์และแท็กซี่เวย์ดังกล่าว ส่งผลให้มีเที่ยวบินของการบินไทย 2 เที่ยวบินต้องบินวนและลงจอดเติมน้ำมันชั่วคราวที่สนามบินอู่ตะเภา อย่างไรก็ตามผลกระทบจากการปิดแท็กซี่เวย์และรันเวย์ดังกล่าว ส่งผลให้มีหลุมจอดไม่เพียงพอต่อจำนวนเที่ยวบินที่ลงจอดและเกิดปัญหาการจราจรทางอากาศหนาแน่นกว่าปกติ แต่ได้แก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในการที่จะปิดรันเวย์ฝั่งตะวันออก ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อสายการบินต่างๆมากนัก
ขณะที่นายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการ ทอท. ในฐานะประธานคณะกรรมการอิสระ ในการตรวจสอบการซ่อมแซมรันเวย์และแท็กซี่เวย์ กล่าวว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปิดซ่อมรันเวย์ทางทิศตะวันตกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะไม่เกิดขึ้นอีกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากการซ่อมเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นการปิดซ่อมเร่งด่วน ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 5 ชั่วโมง เพื่อให้รันเวย์เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งขอตำหนิที่การดำเนินการดังกล่าวฝ่ายบริหารไม่ได้มีการประสานงานล่วงหน้าหรือแจ้งให้สายการบินทราบ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยการปิดซ่อมแท็กซี่เวย์และรันเวย์หลังจากนี้ ทางคณะกรรมการ ทอท.จะมีการประสานงานไปยังกองทัพอากาศเพื่อขอใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) เป็นสนามบินสำรอง หากการซ่อมแซมผิวรันเวย์และแท็กซี่เวย์ส่งผลกระทบต่อปริมาณเที่ยวบินในช่วงเวลาใด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่สายการบินและผู้โดยสาร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความพร้อมของท่าอากาศยานดอนเมืองคงจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 45 วัน เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการซ่อมผิวยางมะตอยของรันเวย์ท่าอากาศยานดอนเมืองเช่นกัน
สำหรับระยะเวลาในการดำเนินการซ่อมแซมผิวรันเวย์และแท็กซี่เวย์ในสนามบินสุวรรณภูมินั้น นายต่อตระกูล กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าใด เนื่องจากจะต้องตรวจสอบสาเหตุให้ชัดเจนอีกครั้ง โดยในเบื้องต้นจะใช้ระยะเวลาตั้งแต่หลายเดือน หรือสูงสุดกว่า 1 ปี ซึ่งหากมองในแง่ร้ายก็อาจต้องมีการทุบพื้นที่เพื่อก่อสร้างใหม่ หรือมองในแง่ดีก็จะมีการซ่อมเพื่อปรับปรุงผิวแท็กซี่เวย์ให้สามารถใช้งานได้ โดยการซ่อมแซมคณะกรรมการจะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก รวมถึงต้องเป็นการซ่อมในลักษณะถาวรเพื่อให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป ส่วนวงเงินในการซ่อมปรับปรุงผิวรันเวย์และแท็กซี่เวย์นั้น ก็ยังไม่สามารถระบุได้ แต่เบื้องต้นจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท หรือสูงสุด 3,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันการซ่อมแซมที่ดำเนินการไปแล้ว ผู้รับเหมาก่อสร้างมีการออกเงินในการก่อสร้างไปแล้ววงเงิน 300 ล้านบาท หลังจากนี้จะต้องกลับไปตรวจรายละเอียดว่าปัญหาความเสียหายของแท็กซี่เวย์เป็นความผิดของใครระหว่าง ทอท. ผู้ออกแบบ หรือผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการซ่อมแซมครั้งนี้ทั้งหมด
ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน ที่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาแต่งตั้งบอร์ดใหม่แทนกรรมการบอร์ดเดิมที่ครบวาระ โดยมีกรรมการที่ครบวาระ จำนวน 5 คน ประกอบด้วย พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ และนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ซึ่งปรากฏว่าที่ประชุมวิสามัญได้แต่งตั้งบุคคลทั้งหมดกลับเข้ามายกชุด ทั้งยังได้แต่งตั้งนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เข้า มาเป็นกรรมการเพิ่มเพื่อให้บอร์ด ทอท.มีจำนวนครบ 15 คน ท่ามกลางเสียงวิพากษ์ภายใน ทอท. เนื่องจากกรรมการบอร์ด ทอท. ดังกล่าว ส่วนหนึ่งป็นบอร์ดเก่าที่อยู่ในข่ายถูกสอบกรณีจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ และกรณีอื้อฉาวต่างๆใน ทอท. อยู่ด้วย และหลังจากนั้นคณะกรรมการ ทอท.ได้เรียกประชุมบอร์ดใหม่ และได้เลือก พล.อ.สพรั่ง ขึ้นเป็นประธานบอร์ด ทอท.ต่อเนื่องในทันที
ข้อมูลจาก :