นายพินิจ กอศรีพร รองโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าววันนี้ (27 ม.ค.) ว่า งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และในวโรกาสทรงมีพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาในปี 2550 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2549 จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ม.ค.2550 นี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 3.7 ล้านคน
รองโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับพิธีปิดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ เริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น. นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเป็นประธานในพิธีพราหมณ์ จากนั้นในเวลา 09.00 น. นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีสงฆ์ โดยจะมีการนำใบโพธิ์ที่ประชาชนเขียนคำอวยพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาหลอมหล่อเป็นพระพุทธรูปถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วงบ่ายจะเป็นพิธีปิดอย่างเป็นทางการ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีปิด เวลาประมาณ 16.00 น. พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณให้กับผู้ที่ให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้จนประสบความสำเร็จด้วยดี และจะมีการกล่าวปิดการจัดงานและมอบคืนธงให้กับผู้แทนจากสำนักงานมหกรรมพืชสวนโลก ประชาชนที่ต้องการเข้าชมงาน ยังสามารถเข้าชมงานได้ตามปกติไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.
นายพินิจ กล่าวด้วยว่า หลังจากปิดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯไปแล้ว พื้นที่ดังกล่าวจะยังคงใช้ประโยชน์ต่อไป เบื้องต้นได้มีการตั้งคณะทำงานพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดความยั่งยืน จากการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนที่มาร่วมงาน มากกว่าร้อยละ 50 อยากให้เป็นสวนสาธารณะ คณะกรรมการพิจารณาความเป็นไปได้เห็นว่าการจัดทำเป็นสวนสาธารณะน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด มีเป้าหมายให้สวนดังกล่าวเป็นสวนเรียนรู้ทางเทคโนโลยีการเกษตร ขณะเดียวกันก็ต้องการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจ.เชียงใหม่ที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ นอกจากนี้ จะเน้นให้พื้นที่ดังกล่าวจัดให้เป็นศูนย์แสดงนิทรรศการทางการเกษตร โดยต้องได้รับความร่วมมือจากคนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้วย เบื้องต้นอาจจะตั้งเป็นมูลนิธิ เพื่อทำงานร่วมกับคณะกรรมการบริหารจัดการพื้นที่ สำหรับประเทศที่นำไม้ดอกมาร่วมจัดแสดงภายในงานครั้งนี้ ทุกประเทศได้มอบให้กับรัฐบาลไทยทั้งหมดแล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งมูลนิธิ และคณะกรรมการบริหาร จะพยายามจัดสถานที่ให้คงสภาพสวยงามต่อไป
ข้อมูลจาก :