ด้วยในวันเสาร์ที่ 13 ม.ค.นี้ เป็นวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งภาครัฐยืนยันจัดงานวันเด็กปีนี้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเมื่อวันที่ 12 ม.ค. ผู้บริหารหน่วยงานรัฐต่างประสานเสียงถึงความพร้อมในการจัดงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดจัดงานหลักๆ ที่ทำเนียบรัฐบาล สนามเสือป่า ลานพระบรมรูปทรงม้า ฯลฯ โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์ที่กองทัพภาคที่ 1 ว่ามีความพร้อมในการจัดงานวันเด็กเต็มร้อย โดยให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) มองในภาพรวมทั้งประเทศ และคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในวันเด็ก เพราะเด็กเป็นเยาวชนของชาติคงไม่มีใครคิดทำ ส่วนคนที่จะก่อความวุ่นวายก็มีกฎอัยการศึกจัดการอยู่
ขณะที่ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.สนธิเน้นย้ำในเรื่องการรักษาความปลอดภัยในงานวันเด็กแห่งชาติ ทางกองทัพภาคที่ 1 ประชุมและประสานงานกับตำรวจนครบาล โดยทหารจะเข้าไปเสริมในทุกจุดที่มีการวางกำลังของเจ้าหน้าที่ ตำรวจ นอกจากนี้ ทหารยังจะมีการวางกำลังในพื้นที่วงรอบชั้นกลางและชั้นนอกด้วย หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นสามารถแจ้งตำรวจหรือทหารได้ที่ศูนย์สวนมิสกวัน อย่างไรก็ตาม ทุกคนต้องช่วยกันดูและสังเกตสิ่งที่ผิดปกติ รวมถึงประชาชนต้องตื่นตัว คิดว่างานวันเด็กจะผ่านไปด้วยความเรียบร้อย และขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร
ด้าน พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. และรองประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานวันเด็กว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะผู้จัดงานต้องคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัย การสังเกตการณ์ การระวังป้องกันและติดตามกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งในส่วนของกองทัพอากาศมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เหมาะสม เพื่อความสะดวก ในการรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่าไม่น่ามีอะไร เพราะงานนี้เป็นงานของเด็กๆ คงไม่มีใครอยากทำร้ายและทำลายความสุขเด็ก
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลว่า จะเปิดให้เด็กเข้ามาร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ซึ่งนอกจากจะมีกิจกรรมการละเล่นแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เด็กเข้าเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกสำนักงานเลขาธิการ ครม.ซึ่งใช้เป็นห้องประชุมของคณะรัฐมนตรี รวมทั้งชมห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี และยังเปิดโอกาสให้เด็กนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในห้องประชุม ครม.ได้ด้วย แม้จะมีใบปลิวห้ามเด็กเข้าเที่ยวงานวันเด็กที่รัฐบาลเป็นผู้จัด เพราะจะมีอันตรายนั้น ทางราชการก็เน้นเรื่องการดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างเต็มที่ รวมถึงการดูแลอุบัติเหตุทั้งผู้ปกครองและเด็ก ดังนั้นอย่ากลัว แต่ต้องเที่ยวกันด้วยความไม่ประมาท เพียงแต่ขอร้องเด็กที่มาไม่ควรหิ้วเป้ หรือกระเป๋าเข้ามา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดวันที่ 12 ม.ค. ทำเนียบรัฐบาลมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ทั้งในและนอกเครื่องแบบอีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่เปิดเผยจำนวน เสริมกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีอยู่แล้ว 170 นาย เพื่อเตรียมความพร้อมรับการรักษาความปลอดภัย และกรณีเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะกระจายกำลังกันอยู่ทั่วบริเวณจุดต่างๆ โดยรอบทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ ภายในทำเนียบรัฐบาลยังมีการเปลี่ยนถังขยะ จากเดิมใช้ถุงดำมาใช้ถุงพลาสติกใส พร้อมกันนี้ตามตึกต่างๆ ในทำเนียบรัฐบาล มีการเก็บกระถางต้นไม้ที่ใช้ตกแต่งอาคารออกจากพื้นที่ทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า หากมีใครนำถุงไปวางซุกเอาไว้ใกล้กระถางต้นไม้แล้วทำให้ เป็นที่ผิดสังเกตจนเกิดความหวาดกลัวแตกตื่น คงต้องมีการอพยพผู้คน ยิ่งจะทำให้เกิดความโกลาหลมากขึ้น
นอกจากนั้น ทางกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้นำรถถ่ายทอดเคลื่อนที่ผ่านระบบสัญญาณดาวเทียมมาเตรียมพร้อม หากมีความจำเป็นต้องใช้ในการรายงานสถานการณ์อย่างเร่งด่วนให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ที่กรุงเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ได้ในทันที หรือกรณีที่นายกรัฐมนตรีต้องการประสานงานสั่งการอะไรเป็นพิเศษถึงรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีคนใดที่ประจำการอยู่ในประเทศ ก็สามารถใช้ได้ในทันทีเช่นกันที่รัฐสภา ซึ่งปีนี้ น.ส.พจนีย์ ธนวรานิช รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดย นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยว่า สำนักงานเลขาธิการฯ ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ด้วยการจัดวางกำลัง รปภ.ไว้รอบบริเวณรัฐสภา เปิดให้เข้าออกประตูเดียวผ่านเครื่องตรวจวัตถุระเบิด
ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว. ศึกษาธิการ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดงานวันเด็กบริเวณสนามเสือป่าว่า มั่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่ที่มีความเป็นห่วงคือ ตามต่างจังหวัด ที่อาจจะไม่มีคนกล้าไปร่วมงาน เพราะได้รับรายงานมาจากหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จ.บุรีรัมย์ มีการแจกใบปลิวข่มขู่ไม่ให้ ผู้ปกครองพาเด็กมาร่วมงาน เพราะอาจจะไม่ปลอดภัย ส่วนใน กทม.นั้น ยังไม่พบการข่มขู่ในลักษณะดังกล่าว มีเพียงข่าวลือเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า ขอให้ ผู้ปกครองมั่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานวันเด็กทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด เพราะทุกฝ่าย พร้อมที่จะให้การดูแลอยู่แล้ว แต่ยอมรับเป็นห่วงเรื่องการข่มขู่ ข่าวลือ จะทำให้เด็กมาร่วมงานน้อย เพราะที่ผ่านมามีการจัดงานถนนสายวิทยาศาสตร์ ก็มีคนไปร่วมงานน้อยมาก
ด้าน นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการส่งหนังสือขู่ไม่ให้เด็กออกมาเที่ยวงานวันเด็กว่า อย่านำเรื่องนี้เป็นประเด็น เพราะคนที่ขู่ทำเรื่องแบบนี้มาโดยตลอด เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้น ประเภทโรคจิตเยอะอย่าไปกังวล อย่าเอาเรื่องนี้เป็นสาระมาก เพียงแต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องไม่ประมาทปัญหาก็จะไม่เกิด ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องเคร่งครัดให้มาก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว สำหรับในต่างจังหวัด ก็ได้ทำหนังสือไปยังผู้ว่า-ราชการจังหวัด ให้ตรวจสอบพื้นที่ที่จะจัดงานวันเด็ก รวมถึงสิ่งของต่างๆ จะต้องตรวจให้หมดเพื่อความไม่ ประมาท ดังนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทุกฝ่ายทั้งความมั่นคง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองจะดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เปิดศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ และส่วนราชการต่างๆ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เด็กเข้าไปดูการทำงานด้วย
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เข้าพบนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย เป็นเวลาประมาณ 30 นาที แล้วนายอภิรักษ์ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า รมว.มหาดไทยมอบนโยบายเรื่องการป้องกัน ตรวจตราความปลอดภัยในการจัดกิจกรรมวันเด็กวันที่ 13 ม.ค.นี้ โดยในส่วนของการจัดงานในสถานที่ของ กทม.เช่น สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ศูนย์เยาวชนต่างๆ จะมีมาตรการตรวจตราอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะประตูเข้าออกจะมีการตรวจสิ่งของ ผู้ปกครองกับเด็กไม่ควรถือสิ่งของเข้ามาในงาน นอกจากนี้ จะมีการจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม โดยขอกำลังสนับสนุนจาก บช.น.ทหาร รวมถึงมีการจัดเก็บถังขยะทั้งหมด และใช้พนักงานรักษาความสะอาดคอยเดินเก็บขยะแทน เพื่อช่วยป้องกันปัญหาวัสดุแปลกปลอม
ขณะที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้ระดมกำลังตำรวจในสังกัดกว่า 1,000 นาย เพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีการจัดงานวันเด็ก จุดสำคัญ 6 จุด ประกอบด้วย สนามเสือป่า สวนสัตว์ดุสิต ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา ลานพระบรมรูป สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัย ขณะเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.เป็นประธานประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.เพื่อวางมาตรการรักษาความปลอดภัยในช่วงวันเด็กแห่งชาติ วันที่ 13 ม.ค. ก่อนที่ ผบ.ตร.เข้าตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยภายในสนามเสือป่า และสวนสัตว์ดุสิต
พล.ต.อ.โกวิทกล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมที่สนามเสือป่า สวนสัตว์ดุสิต และจุดอื่นๆ พบว่ามีความพร้อมในการดูแลความปลอดภัย และความสะดวกต่างๆ รวมถึงการจราจร ได้กำชับให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการทุกคนออกไปดูแลในพื้นที่ เชื่อมั่นว่าการปฏิบัติงานจะเรียบร้อย ขอให้พี่น้องประชาชนพาบุตรหลานออกมาเที่ยวงานวันเด็กปีนี้ เพราะรัฐบาลพยายามจะจัดงานให้ยิ่งใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการจัดจุดเฝ้าสังเกตสิ่งผิดปกติให้ประชาชนรับทราบหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบอยู่แล้ว มีทั้งในและนอกเครื่องแบบ ซึ่งทุกอย่างต้องเรียบร้อย พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่า อย่ากังวล อะไรจำเป็นก็จะทำ อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ต้องห่วง ทุกพื้นที่มีการตรวจสอบอย่างเรียบร้อย และเฝ้าระวังอยู่ ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ทุกอย่างทำอย่างดีที่สุด
ในวันเดียวกัน ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพล สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ออกสำรวจความคิดเห็นเรื่อง ?ความใฝ่ฝันของเด็กไทยในปี 2550? โดยเก็บข้อมูลจากเด็กอายุ 6-14 ปี ในเขต กทม. และปริมณฑล จำนวน 1,193 คน เมื่อวันที่ 10-11 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ผลสรุปดังนี้ บุคคลในดวงใจที่เด็กชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากเป็นมากที่สุด ปรากฏว่ากลุ่มคนในวงการมายาทั้งนักร้อง นักแสดง และนางงาม นำโด่งถึงร้อยละ 27.9 โดยมี อั้ม-พัชราภา แพนเค้ก-เขมนิจ ขวัญ-อุษามณี ปู-ไปรยา กบ-สุวนันท์ นุ่น-วรนุช ฟิล์ม-รัฐภูมิ รวมถึง นาตาลี เกลโบวา นางงามจักรวาล เป็นบุคคลในดวงใจเด็ก
ขณะที่กลุ่มนักการเมือง ได้คะแนนแค่ร้อยละ 5.6 โดยมีบุคคลในดวงใจเด็กได้แก่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. กลุ่มทหารตำรวจ แค่ร้อยละ 4.8 มีบุคคลในดวงใจเด็กได้แก่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
คำถามที่ว่า โตขึ้นอยากเป็นคนแบบไหนมากที่สุด เด็กกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 52.1 อยากเป็นคนดี ไม่คดโกง ตามด้วยร้อยละ 32.6 อยากเป็นคนเก่ง คนฉลาด ร้อยละ 4.7 อยากเป็นคนรวย แต่คนที่ใช้ชีวิตแบบพอเพียง มีแค่ร้อยละ 1.4 ส่วนการรับทราบเกี่ยวกับคำขวัญวันเด็ก ประจำปีนี้ เด็กร้อยละ 73.3 ทราบ มีเพียง 26.7 ไม่ทราบ และความเข้าใจความหมายของคำขวัญวันเด็กปีนี้ พบว่าร้อยละ 68.2 เข้าใจ มีเพียงร้อยละ 31.8 ไม่เข้าใจ นอกจากนี้ หากขอพรได้ 1 ข้อ ปรากฏว่าร้อยละ 43.2 ขอให้คนไทยรักกัน ตามด้วยร้อยละ 28.2 ขอให้เรียนเก่ง ร้อยละ 18.4 ขอให้ไม่มีการวางระเบิด ร้อยละ 2.3 ขอให้ได้ไปเที่ยวงานวันเด็ก และร้อยละ 5.8 ขออื่นๆ เช่น ขอให้ในหลวงทรงมีพระชนมพรรษายืนนาน ขอให้ ครอบครัวมีความสุข ขอให้พ่อแม่อายุยืน ขอให้โลกนี้มีแต่คนดี ขอให้มีเพื่อนมากๆ ฯลฯ
ขณะที่ความคิดเห็นที่มีต่อความประพฤติของผู้ใหญ่ในปัจจุบัน 3 เรื่องคือ การมีคุณธรรมนำใจ (ซื่อสัตย์ ไม่คดโกง) ร้อยละ 85.8 เห็นว่าต้องปรับปรุงแก้ไข การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง (ประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย) ร้อยละ 84.9 เห็นว่าต้องปรับปรุงแก้ไข และหลีกเลี่ยงอบายมุข (ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ไม่ติดยาเสพติด) เด็กร้อยละ 91.5 เห็นว่าต้องปรับปรุงแก้ไข
ต่อมาในช่วงบ่าย พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานเมื่อช่วงเที่ยงว่ามีคนส่งข้อความด้วยโทรศัพท์มือถือข่มขู่เรื่องการวางระเบิดในห้างสรรพสินค้าชื่อดังหลายแห่งในวันที่ 13 ม.ค.นี้ แล้วมีการพูดคุยกันต่อของพนักงานห้างสรรพสินค้าต่างๆในพื้นที่ กทม. แต่เมื่อให้ตำรวจสันติบาลไปตรวจสอบ ยังหาไม่พบต้นตอที่ส่งมา พบแต่มีการพูดคุยกันต่อกันไป และตำรวจยังพบว่ามีการแจกจ่ายใบปลิวขู่วางระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในวันเด็ก ซึ่งขณะนี้ได้จัดกำลังตำรวจสันติบาลออกเป็น 25 ชุด ลงพื้นที่เพื่อหาข่าวแล้ว แต่คิดว่าน่าจะเป็นการข่มขู่เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวเท่านั้น
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์