สนธิ?ย้ำอีกรอบไม่มีการปฏิวัติซ้อน และคมช.ก็ไม่ได้แตกแยก โวยคนปล่อยข่าวเป็นขบวนการเดียวกับที่วางระเบิดกรุง เพื่อดิสเครดิตรัฐบาล-คมช. พร้อมโต้ข่าวคมช.อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด ด้าน?สุรยุทธ์?ก็มองเหมือนกันว่าลือปฏิวัติกับเหตุบึ้มเกี่ยวโยงถึงขบวนการเดียวกัน หวั่นใจอาจจะมีเหตุร้ายซ้ำอีก ให้เตรียมพร้อมอีก 1-2 เดือน เผยตร.พบภาพผู้ต้องสงสัยคดีบึ้มสะพานควายและห้างซีคอนสแควร์ จากกล้องวงจรปิด โดยเจอตัวชายในห้างฯแล้ว แต่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง ผบ.ตร.ยันตร.ทำงานเต็มที่และไม่เคยเฉื่อยชา ขณะที่?พูโล?ส่งอีเมล์ถึงสำนักข่าวต่างประเทศปฏิเสธไม่เกี่ยวเหตุระเบิดกรุงเทพฯ จวก?แม้ว?กล่าวหาลอยๆ ?เอแบคโพล?สำรวจพบประชาชนเชื่อเหตุบึ้มโยงการเมือง ในขณะที่การสนับสนุนรัฐบาลลดฮวบเหลือไม่ถึง 50% ทั้งที่ก่อนหน้านี้สูงถึง 90%
-?สนธิ?ย้ำอีกรอบไม่มีปฏิวัติ
ความคืบหน้าคดีระเบิดกรุงและข่าวลือเรื่องการปฏิวัติซ้อน เมื่อวันที่ 5 ม.ค. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ?สยามเช้านี้? ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีเหตุการณ์ปฏิวัติซ้ำหรือปฏิวัติซ้อนตามที่มีการปล่อยข่าวลือออกมาแต่อย่างใด ข่าวดังกล่าวเป็นกระบวนการทำลายความมั่นคง มุ่งหวังทำให้ชาติบ้านเมืองสับสนวุ่นวาย เมื่อถามว่า จะมีความเชื่อมโยงกับข่าวลือปฏิวัติ การเผาโรงเรียนอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า วิเคราะห์ทางทหารเชื่อมโยงกัน หลักการคล้ายๆ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ในทางทฤษฎีและการปฏิบัติคล้ายกัน วัตถุประสงค์ก็คล้ายกัน ทหารกำลังติดตามและตรวจสอบพฤติกรรม กำลังดูว่าใคร กลุ่มไหนทำ เราต้องหาตรงนั้นให้ชัดเจน และพุ่งเป้าไปในทางแก้ไข
เมื่อถามว่า ยังวิเคราะห์ว่าผู้สูญเสียผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า เราวิเคราะห์ มีหลายกลุ่มในเวลาเดียวกัน เราก็พุ่งเป้าไปทั้งหมด เราจะรันไปเต็มที่เพื่อไปถึงจุดนั้น ซึ่งจุดการเมืองสมเหตุสมผลมากกว่ากลุ่มอื่น และเห็นแล้วว่าการเมืองจะเป็นเป้าหมายสุดท้าย แต่เรายังไม่บอก กำลังมองว่าสิ่งที่กำลังเกิดเป็นสิ่งที่เราคิดมากว่า ไม่อยากให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชน
-ยันคมช.ไม่ได้แตกแยก
เมื่อถามว่าข่าวลือปฏิวัติซ้อน มีคนในกองทัพคิดและมีศักยภาพพอหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า เรามองเรื่องการบริหารจัดการในกองทัพ ตนให้ความเป็นธรรมกับการปกครองค่อนข้างมาก เป็นลำดับแรกในการจัดการ เราต้องการความรู้รักสามัคคีในกองทัพ เชื่อความเป็นพี่ เป็นน้องในกองทัพ เจตนารมณ์ ความคิดในปฏิวัติคิดว่าไม่น่ามี เมื่อถามว่า ท่านเคยพูดว่า เงินน่ากลัวกว่าอาวุธ พล.อ.สนธิกล่าวว่า นี่คือสิ่งที่จะทำ เพื่อให้อุดมการณ์มีมากกว่า มีความพยายามเชื่อว่าจะต้องมี แต่ไม่คิดว่าทำได้
เมื่อถามว่า คมช.ยังเป็นหนึ่งเดียวหรือไม่ เพราะมีข่าวว่ามีการทุบโต๊ะ มีความเห็นแย้งกันในที่ประชุม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เคยมี ยืนยันในการบริหารจัดการ ตั้งแต่ 19 ก.ย. เป็นหนึ่งเดียวกัน คุยกันด้วยเหตุด้วยผล จะไปทางขวาก็ขวาหมด จะไปทางซ้ายก็ซ้ายหมด ยืนยันการประชุมคมช.ทุกครั้งเป็นไปด้วยความสมานฉันท์
-ชี้แจงไม่เคยอาฆาต?ทักษิณ?
เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เกี่ยวแค่ไหนคงชี้ไปไม่ได้ คงจะต้องไปหาว่าผู้ดำเนินการเป็นตรงไหน ถ้าได้จะสามารถวิเคราะห์ว่าทิศทางในอนาคตเป็นไปในทางไหน เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับการที่พ.ต.ท.ทักษิณร่อนจดหมายจากปักกิ่ง มองเนื้อหาจดหมายเป็นอย่างไร ที่ดูเหมือนจะเป็นการสื่อสารกับคมช.โดยตรง พล.อ.สนธิกล่าวว่า เป็นทางออกของการชี้แจง อยากให้มองที่ข้อเท็จจริงมากกว่า เวลามันผ่านมาบ่งบอกว่าเป็นอย่างไร ประชาชนเข้าใจ และรู้ปัญหา แต่ยังไม่ทำอะไรออกมานั่นเอง
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า คมช.เน้นความอาฆาตมาดร้าย พล.อ.สนธิกล่าวว่า ถ้าคมช.มีเจตนาอย่างนั้นเราคงต้องยึดอายัดทรัพย์ตั้งแต่ต้นแล้ว เราทำด้วยเหตุผลต้องการความสมานฉันท์ ประชาชนต้องการให้ตนยึดทัพย์ แต่ว่าทำไม่ได้ ประเทศเรามีกฎหมาย ประชาชาชนไม่พอใจคมช.ด้วยซ้ำ สิ่งที่รัฐบาลที่แล้วทำมาผลก็ออกมาจากการตรวจสอบ และต้องยอมรับว่าในกระบวนทรัพย์สินทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ เป็นทรัพย์สินปรากฏตามกฎหมาย สิ่งที่อยู่นอกเหนือไม่อยู่ในระบบมีมากมาย ไม่จำเป็นต้องหยิบเอาตรงนี้มาใช้ ที่หลบซ่อนอยู่มันมี
-เผยกล้องจับภาพผู้ต้องสงสัยได้
พล.อ.สนธิ กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าเป้าหมายการระเบิดต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ให้ผลย้อนกลับมาที่รัฐบาลและคมช. เขาต้องการทำลายคมช.รัฐบาล เราต้องพยายามทำให้สิ่งที่เขาทำประสบความสำเร็จน้อยลง จึงต้องให้ทหารทำงานร่วมกับตำรวจ เข้ามาทำงานมากขึ้น และให้กทม. ผู้ประกอบการเข้ามาทำความเข้าใจตรงนี้ เมื่อทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการรับรู้แก้ปัญหา เชื่อว่าใครทำอะไรก็ไม่ง่ายนัก ครั้งที่แล้วที่เกิดเหตุก็มีกล้องซีซีทีวี มีหลายรายที่เห็นชัดเจน ตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ การทำงานต้องร่วมกันเพื่อรับรู้สิ่งที่ปฏิบัติ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวปลดผบ.ตร. พล.อ.สนธิกล่าวว่า คิดว่าตำรวจทุกท่านมีอุดมการณ์ไม่น้อย เชื่อตำรวจส่วนใหญ่ยังเป็นคนดี การชักช้าในการสอบสวน เพราะเป็นกระบวนการทำที่แนบเนียนทำให้ตำรวจทำงานลำบาก แต่ความสามารถของตำรวจเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จแน่นอน ส่วนพวกที่ปล่อยเกียร์ว่างมีหรือไม่มี แต่ถ้ามีตำรวจต้องรู้กันอยู่ ผลกระทบก็ไปกระทบกระบวนการตำรวจเอง ทุกคน ต้องมีความรู้สึก มีเกียรติและศักดิ์ศรีของเขาเอง ส่วนตำแหน่งผบ.ตร.อยู่ที่ตำรวจเอง วัดกันที่ผลงาน
-โต้ข่าวคมช.วางบึ้มเอง
เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีมีข้อกล่าวหาว่า เรื่องระเบิด คมช.ทำเองหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า อยากเรียนว่า วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นการตัดสินใจที่จะทำอะไร คนที่ตัดสินใจก็เสี่ยงเป็นตายพอสมควร คนที่ตัดสินใจต้องรับผิดชอบทำเพื่อประชาชน แล้วจะไปวางระเบิดทำลายประชาชนที่รักยิ่งกว่าชีวิตได้อย่างไร เมื่อถามว่าทำไมพล.อ.ชวลิตคิดเช่นนั้น พล.อ.สนธิกล่าวว่า คงตอบไม่ได้ ที่ประชุมยืนยันไม่เคยมี อย่างว่า คนที่จะวางระเบิดได้มีอาชีพทหาร ตำรวจ การมองจะมองไปที่ตรงไหนก็ได้ เป็นสิทธิของท่านที่จะมอง
เมื่อถามว่าพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร พูดชื่อนายทหารนอกราชการหลายคน และมีโยงใยถึงพล.อ.ชวลิต และพ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คงไม่ยืนยันตามนั้น การวิเคราะห์ มีหลายมุมหลากหลาย เราจับประเด็นทุกเป้า เป้าไหนใกล้เคียงที่สุดและก็ใกล้พอสมควร ที่ตำรวจแถลงความคืบหน้าก็มีมากขึ้น
-ผบ.ทบ.-ปลัดกห.พบนายกฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สนธิ และ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม เลขาธิการคมช. เข้าพบพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ภายในห้องทำงาน โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมงภายหลังการหารือไม่มีการสัมภาษณ์ใดๆ หลังจากนั้น พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.ได้เข้าพบเป็นการส่วนตัว เพื่อนำการ์ดเชิญงานแต่งงานของบุตรมาเชิญนายกฯ ไปร่วมงานด้วย
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ แถลงว่า พล.อ.สนธิ และ พล.อ.วินัย เข้าหารือเกี่ยวกับข่าวลือที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเย็นและค่ำของวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข่าวลือที่สร้างความตกใจให้กับประชาชน ขอเรียนว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องที่อาจจะถือได้ว่า เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของการวางระเบิดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา และถือว่าเป็นวิธีการหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนก เท่าที่ได้หารือกันจะมีการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น แม้กระทั่งในช่วงที่มีการเคลื่อนย้ายกำลังจะมีการแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบด้วย
-สงสัยบึ้ม-ลือปฏิวัติเกี่ยวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตรวจสอบต้นตอของข่าวลือหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าต้นตอข่าวลือมาจากที่ไหน เป็นข่าวที่ลือกันทั่วไป แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น เมื่อถามว่าขณะนี้ประชาชนมีความเครียด รัฐบาลจะสร้างความมั่นใจได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องขอให้ประชาชนช่วยตรวจสอบ หากมีความสงสัยให้ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐบาลจะหาทางพยายามแก้ไข สร้างความเข้าใจ ให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่วนมาตรการต่างๆ ต้องดำเนินการต่อไปเป็นลำดับ ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้แจงในรายละเอียดได้
เมื่อถามว่ากลุ่มที่วางระเบิดและกลุ่มที่ปล่อยข่าวลือ เป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรายังไม่สามารถระบุกลุ่มบุคคลได้ แต่เหตุการณ์แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกัน เมื่อถามว่า ทางประธานคมช.มีการแจ้งให้ทราบถึงผู้อยู่เบื้องหลังในการก่อเหตุระเบิดหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ได้แจ้ง เพียงแต่หารือกันว่าจะหาทางแก้ไขกันอย่างไร เมื่อถามว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติอภิปรายแสดงความเป็นห่วง เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดและชุดสอบสวน รวมทั้งโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รัฐบาลได้รับมาพิจารณาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรารับมา และเรียนด้วยความจริงใจในนโยบายของรัฐบาล ที่เกี่ยวกับการปรับกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่เฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะดูในทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้องไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะตำรวจ แต่ต้องทำทั้งระบบ มีหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม แม้กระทั่งผู้ที่ถูกพิพากษาไปแล้ว ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ทั้งในการดูแล และบุคคลเหล่านั้นอาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องดูแลทั้งระบบให้ครอบคลุม ไม่เฉพาะตำรวจ
-?แอ้ด?ยังหวั่นมีระเบิดอีก
เมื่อถามว่า ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นไปได้หรือไม่ จะยังคงกฎอัยการศึกไว้และยกเลิกการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ที่ประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้กระบวนการยกเลิกได้ดำเนินการไปแล้ว คงไม่มีทบทวนเพราะเป็นมติครม. เมื่อถามว่า ทำไมขั้นตอนถึงได้ล่าช้า นายกฯกล่าวว่า คงต้องติดตาม เพราะการนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต้องผ่านกระบวนการหลายช่วง เมื่อถามว่า รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรที่จะทำให้ประชาชน และนักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น นายกฯกล่าวว่า ความร่วมมือของพวกเราทุกคน ถ้าทุกคนร่วมมือช่วยกันเฝ้าระวัง และตรวจสอบ จะสามารถให้ข่าวที่ถูกกับประชาชนได้ การทำงานร่วมกันระหว่างภาคประชาชนภาครัฐและสื่อ จะทำให้เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้น
เมื่อถามว่า ระเบิดจะมีอีกใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวยอมรับว่า ใช่ เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตนคิดว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุกาณ์แบบนี้ เมื่อถามว่า มีการชี้จุดหรือไม่ว่าจะเป็นจุดไหน นายกฯ กล่าวว่ายังไม่มีข้อมูลที่พูดหมายถึงว่าได้นำสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องเตือนใจทุกคนจะต้องระมัดระวังร่วมมือกัน ที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้นอีก เมื่อถามว่ามีการพูดคุยเรื่องกิจกรรมวันเด็กหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึง เพราะได้ตกลงกันแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ได้เตรียมการและไม่อยากทำให้เยาวชนตื่นตระหนก แต่เราจะดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างเข้มงวดมากขึ้น
-เตรียมรับมือยาว1-2เดือน
ด้านร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการขอความร่วมมือจากประชาชนในการแจ้งเบาะแสและเฝ้าระวังการก่อเหตุร้ายว่า ประชาชนที่ได้รับโทรศัพท์ข่มขู่วางระเบิดจากผู้ไม่หวังดี สามารถที่จะโทรศัพท์แจ้งมายังสายด่วน 1111 ได้ โดยทางศูนย์ของเราสามารถตรวจสอบย้อนรอยหาโทรศัพท์ลึกลับที่โทร.ข่มขู่ได้ทันที โดยขอให้แจ้งเวลาและสถานที่ที่ผู้ไม่หวังดีโทร.มา ขณะนี้ทางกอ.รมน.ภาค 1 สวนมิสกวัน แจ้งว่าตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.เป็นต้นมีประชาชนโทรศัพท์แจ้งเบาะแสเข้ามาจำนวนมาก ผ่านหมายเลข 0-2281-1828
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า สำหรับการรับมือสถานการณ์ความวุ่นวายต่อไปอีก 1-2 เดือน ทางหน่วยงานด้านความมั่นคงเตรียมพร้อมเต็มที่ ทั้งทหารและตำรวจในและนอกเครื่องแบบที่ลงพื้นที่ รวมทั้งงานด้านการข่าว ในส่วนของประชาชนเราต้องขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสด้วย และร่วมกันประณามและผนึกกำลังกัน ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอีกต้องช่วยกันสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาได้
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า การที่นายกฯและประธานคมช.สรุปว่าผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดเป็นผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ถือว่าสรุปเร็วเกินไป เป็นการให้น้ำหนักจากข้อมูลที่มีอยู่ทั้งจากข่าวกรองและทางตำรวจ แต่ก็ไม่ได้ไปชี้ชัดว่าเป็นกลุ่มใดโดยเฉพาะเจาะจง
-เร่งเจรจากลุ่มอำนาจเก่า
แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองทางทหาร กล่าวถึงพล.อ.สุรยุทธ์ เตือนว่าช่วง 2 เดือนนี้จะเป็นเดือนอันตราย แสดงว่าหน่วยข่าวพบสิ่งผิดปกติว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงพยายามตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา แต่ขณะนี้ยังไม่พบสิ่งบอกเหตุว่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ แต่ตอนนี้ทุกหน่วยพยายามติดต่อกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ทางการเมืองที่เข้าข่ายร่วมก่อเหตุเพื่อมาพูดคุยแล้ว
?ตอนนี้กลุ่มที่เสียประโยชน์ยังคงไม่ก่อเหตุร้ายในช่วงนี้อย่างแน่นอน เพราะหลังจากที่หน่วยงานด้านความมั่นคงได้เบาะแสของผู้อยู่เบื้องหลังในการสั่งการเหตุระเบิดจำนวน 8 จุดในพื้นที่กทม. ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านความมั่นคงก็เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์ยังไว้ใจไม่ได้ แต่ทั้งนี้เชื่อว่ารัฐบาลและคมช.คงจะมีมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว โดยพล.อ.สนธิได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงตื่นตัวในการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 ที่รับผิดชอบในพื้นที่กทม.?
-กล้องจับภาพต้องสงสัยมือบึ้ม
รายงานข่าวจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิด 8 จุดในกทม.เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค.2549 เปิดเผยว่า มีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดสามารถบันทึกภาพผู้ต้องสงสัยได้ 2 แห่ง คือเหตุระเบิดที่สะพานควาย และเหตุระเบิดที่ห้างซีคอนสแควร์ ซึ่งเหตุระเบิดที่สะพานควายสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ แต่เห็นหน้าไม่ชัดเนื่องจากคนร้ายสวมหมวกปิดบังใบหน้าไว้ ส่วนเหตุระเบิดที่ห้างซีคอนสแควร์นั้น เห็นหน้าผู้ต้องสงสัยชัดเจน โดยผู้ต้องสงสัยเป็นชายอายุประมาณ 25-30 ปี เหน็บกล่องบางอย่างไว้ข้างตัว เดินคู่ไปกับผู้หญิงคนหนึ่งไปชั้นเกิดเหตุ จากนั้นสักพักก็วิ่งกระหืดกระหอบออกจากห้างฯ เพียงลำพังโดยไม่มีกล่องที่ถือเข้าไปด้วย
รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากเทปบันทึกกล้องโทรทัศน์วงจรปิดพบว่า ชายต้องสงสัยเข้ามาในห้างฯ และหลังจากออกไปประมาณ 20 นาทีจึงเกิดเหตุระเบิดขึ้นส่วนที่สะพานควายคนร้ายนำระเบิดมาวางโดยตั้งนาฬิกาไว้ก่อนระเบิดจริงประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้การวางระเบิดแต่ละแห่งจะใช้คนร้ายจุดละ 1 คนเท่านั้น โดยขณะนี้ชุดสืบสวน บช.น. กำลังติดตามชายคนร้ายตามภาพบันทึกในกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ห้างซีคอน สแควร์ มาสอบปากคำ
-เจอตัวชายในภาพวงจรปิด
วันเดียวกันตำรวจเชิญตัวนายฤวัฒ กิตติยะกุล อายุ 26 ปี พนักงานบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด หรือ?ฮัทช์? ซึ่งเป็นชายที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดของห้างซีคอนสแควร์ มาสอบปากคำ เบื้องต้นนายฤวัฒ ยอมรับว่าเป็นชายที่ปรากฏในภาพวงจรปิดของห้างฯ แต่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการระเบิดที่เกิดขึ้น โดยเดินทางไปที่ห้างฯพร้อมกับมารดาและภรรยา ส่วนที่เห็นวิ่งกระหืดกระหอบออกมานั้นเนื่องจากปวดปัสสาวะอย่างหนัก จึงรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ
ต่อมาตำรวจเชิญภรรยาและมารดาของนายฤวัฒ มาสอบปากคำพร้อมทั้งเดินทางไปตรวจค้นห้องพักก็ไม่พบหลักฐาน และการสอบสวนก็ไม่พบพิรุธ จึงคาดว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น จึงปล่อยตัวไป
-?สนธิ?เรียกประชุมกอ.รมน.
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สนธิในฐานะผอ.รมน. เป็นประธานการประชุมกอ.รมน. โดยมีเสนาธิการทหารบกในฐานะเลขาธิการรมน. และแม่ทัพภาคที่ 1-4 ในฐานะผอ.รมน.ภาค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคมช. กล่าวว่า ที่ประชุมหารือ 2 เรื่อง คือ 1.ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า 2.การลอบวางระเบิดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งการประชุม คมช.วาระพิเศษ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ชี้แจงว่าก่อนจะมีเหตุระเบิดได้ทราบล่วงหน้าว่า จะมีเหตุเกิดขึ้นในกทม. แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจวิเคราะห์แล้วว่า หากแจ้งให้ประชาชนทราบ จะสร้างความตระหนกตกใจให้กับประชาชน จึงใช้การเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลแทน แต่การป้องกันเป็นไปได้ยาก แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว
-เผยทุกเหตุโยงกลุ่มเดียวกัน
?มูลเหตุสำคัญที่เชื่อในตอนนั้นคือ น่าจะมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประเด็นอื่น แต่เราไม่ได้ตัดประเด็นอื่นๆ ออกไป ทั้งประเด็นภาคใต้ มือที่สาม หรือกลุ่มอื่นๆ ยังคงอยู่ในความสนใจของเราทั้งหมด? โฆษก คมช.กล่าว และว่า ประเด็นผู้สูญเสียผลประโยชน์ทางการเมืองมีน้ำหนักมากที่สุด สมมติว่าหลายฝ่ายบอกว่า คมช.เป็นผู้กระทำเอง ต้องยืนยันเลยว่าไม่มีความเป็นไปได้เลย เราดำเนินการมาจนถึงขณะนี้เราจะสร้างสิ่งต่างๆ เพื่อบีบคั้นตัวเราเองทำไม ส่วนที่บอกว่าจะสืบทอดอำนาจในช่วงเดือนกันยายน 2550 ก็ไม่มีสิ่งที่เชื่อมโยงไปได้ว่าเกิดเหตุในวันนี้แล้ววันข้างหน้าจะยืดออกไปอย่างไร มันไม่สมเหตุสมผล
พ.อ.สรรเสริญกล่าวอีกว่า แต่ถ้าพูดถึงกลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์ทางการเมืองดูมีน้ำหนักมากกว่า ทำให้เห็นว่าในวันนี้ คมช.ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์บ้านเมือง รัฐบาลไม่สามารถดูแลบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบได้ ควรจะคืนอำนาจอธิปไตยให้กับพี่น้องประชาชนโดยเร็ว และจัดให้มีการเลือกตั้ง ทั้งที่ผลการตรวจสอบของคตส. และป.ป.ช.ยังไม่มีผลออกมา
-โฆษกคมช.ยันไร้ปฏิวัติซ้อน
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า คตส.และป.ป.ช.มีแนวทางที่ชัดเจนว่าใน 6 เดือนจะทำทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อย หากจัดให้มีการเลือกตั้งเร็วประชาชนจะเกิดความสับสนว่าจะเลือกใคร เนื่องจากขณะนี้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดยังไม่มีผลออกมาเป็นรูปธรรมตามหลักกฎหมาย และยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่าใครผิดใครถูก ดังนั้น คมช.ต้องยืนอยู่ในบทบาทว่าขอให้กลไกทั้งหลายดำเนินไปจนกระทั่งถึงเวลาที่เหมาะสม คือเดือนกันยายน 2550 ทุกอย่างเบ็ดเสร็จพร้อมจะจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ว่าจะเลือกใคร
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปฏิวัติซ้อน พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ข่าวลือการปฏิวัติซ้อนมีมาแล้ว 2 วัน คาดว่าน่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่กลุ่มผู้ปล่อยข่าวลือจะเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่ก่อเหตุวางระเบิด และกลุ่มที่ปล่อยข่าวว่ามีความแตกแยกในคมช. เพราะเป็นเหตุการณ์ที่มีความต่อเนื่องกัน แม้จะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่ากลุ่มใดทำ ซึ่งกลุ่มผู้ปล่อยข่าวลือพยายามจะผนวกเรื่องเข้าด้วยกัน และเมื่อประชาชนได้พบเห็นการเคลื่อนย้ายกำลังพลทำให้เกิดความคิดว่าเกิดการปฏิวัติซ้อนขึ้น ซึ่งเขามีจุดประสงค์คือ ไม่หวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง และต้องการให้ประชาชนรู้สึกไม่สบายใจ รวมถึงเป็นการดิสเครดิตรัฐบาล และคมช.
-มั่นใจไม่นานทุกอย่างจะสงบ
เมื่อถามว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ผบ.ทบ.กล่าวว่าฝนตกต้องมีวันหยุดและฟ้าจะไม่มืดตลอด และท่านก็บอกนัยสำคัญด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็น 2-3 เดือน น่าจะสัปดาห์หนึ่งก็จะดีขึ้นถ้าทุกคนเกิดความมั่นใจ เมื่อถามว่ามีการพูดถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยในงานวันเด็กหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ไม่มีการพูดถึง แต่จากการประชุมของผู้ที่เกี่ยวข้องทราบว่ายังมีการจัดงานวันเด็กอยู่ในทุกภาคส่วน แต่ทาง คมช.และรัฐบาลกำชับไปทางหน่วยงานที่จะมีการจัดงานวันเด็กให้มีความรอบคอบมีการตรวจตรา เพื่อให้ผู้ปกครองและบุตรหลานมีความปลอดภัย ในส่วนของกองทัพบกก็จะจัดเหมือนเดิม ซึ่งในวันที่ 10 มกราคมนี้ ทาง กทม.และเขตต่างๆ จะจัดให้มีการประชุมขึ้นโดยเชิญผู้ประกอบการที่อาคารตึกสูง ที่เป็นจุดล่อแหลมเพื่อมารับทราบแนวทางการป้องกันวินาศภัย
ด้านพ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในคืนวันพฤหัสฯ ที่ 11-12 ม.ค.จะมีการเคลื่อนย้ายกำลังทหาร เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือป้องกันเหตุการณ์ร้ายที่จะเกิดในวันเสาร์ที่ 13 ซึ่งเป็นวันเด็ก จึงอยากให้ประชาชนทราบและอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ
-ผบ.ทบ.ยันตร.ทำงานเต็มที่
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีพล.อ.สนธิระบุข้าราชการใส่เกียร์ว่างในการทำงานโดยเฉพาะตำรวจว่า เรื่องนี้ทาง คมช.ต้องการให้ตำรวจเร่งคลี่คลายโดยเร็ว อย่างคดีเผาโรงเรียน คดีระเบิดในกรุงเทพฯ ทั้ง 8 จุด และคดีอื่นๆ ที่ยังค้างอยู่และยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ซึ่งตำรวจพยายามทำงานให้สำเร็จ ทุกฝ่ายติดตามทุกคดีและพยายามทำอยู่ให้ทุกคดีคลี่คลาย ต้องการจับคนร้ายให้ได้ เราทำอยู่ตลอด และทำทุกอย่างไปตามพยานหลักฐาน
?ก่อนหน้านี้ทาง คมช.กำชับให้เร่งรัดคดีมาหลายครั้งกับผมโดยตรง ซึ่งตำรวจทุกนายก็พยายามทำทุกอย่าง แต่ต้องเข้าใจว่าตำรวจก็ต้องการทำงานให้สำเร็จ ประชาชนให้ความสนใจต้องการให้ตำรวจจับคนร้าย ที่ผ่านมาก็มีการรายงานความคืบหน้าต่อรัฐบาลและ คมช.อยู่ตลอด ในวันอังคารที่ 9 ม.ค.จะมีการประชุมสรุปผลความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดตามจุดต่างๆ แล้วจะรายงานให้ทางรัฐบาลและ คมช.ทราบอีกครั้งหนึ่ง คดีนี้ทุกฝ่ายร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่? ผบ.ตร.กล่าว
-?พูโล?โต้ไม่เกี่ยวบอมบ์กทม.
วันเดียวกันสำนักข่าวเกียวโด ประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า ได้รับอีเมล์แถลงการณ์จากบุคคลที่อ้างชื่อว่าเป็นนายคาสตูทูรี มาห์โกตา หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศกลุ่มแบ่งแยกดินแดนพูโล ส่งมาจากประเทศสวีเดน ระบุว่า กลุ่มพูโลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดกรุงเทพฯ 8 จุด เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2549 พร้อมกับย้ำว่าเป้าหมายอันดับแรกของพูโล คือ การต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ และเพื่อต่อต้านการดำรงอยู่ของคนไทยในรัฐปัตตานี อาณาจักรเดิมของชาวมาเลย์เท่านั้น
แถลงการณ์ของนายคาสตูรียังระบุถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่งจดหมายมาจากประเทศจีนระบุว่า เหตุระเบิดมาจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยสำนึกถึงความผิดในอดีต นอกจากนั้นยังพยายามกล่าวหากลุ่มพูโลโดยไม่มีมูลความจริง และทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะผู้อื่นเหมือนกับที่เคยทำมาแล้วในอดีตเพื่อปกปิดความผิดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของตนเอง
ในตอนท้ายของแถลงการณ์พูโล โจมตีพ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นพวกที่ไม่ศรัทธาในพระเจ้า และเรียกร้องให้ทั้งพ.ต.ท.ทักษิณหรือใครก็ตามที่ระบุว่า การระเบิดในกรุงเทพฯ เป็นฝีมือของกลุ่มพูโลให้ยุติความพยายามดังกล่าวและออกมาเผชิญหน้ากับความจริง
-รมว.สธ.เผยอาการคนเจ็บ
น.พ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าอาการผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดใน กทม.ว่า จากการตรวจสอบล่าสุดโดยศูนย์นเรนทร เวลา 10.00 น. วันที่ 5 ม.ค. ผู้บาดเจ็บที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 7 แห่ง รวม 17 ราย แพทย์อนุญาตให้กลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านได้แล้ว 1 ราย คือ นายดวงจันทร์ โลนุช ซึ่งได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดที่หน้าอก รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ คงเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ในโรงพยาบาลอีก 16 ราย ได้แก่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 1 ราย คือนายยงสิน บุญมาก อายุ 44 ปี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 5 ราย 1.นางใบ วรรณวงศา อายุ 21 ปี มีแผลที่ไหล่ซ้าย 2.เด็กหญิงธัญศินี มังกรพันธ์ อายุ 12 ปี มีแผลที่ขาทั้ง 2 ข้าง 3.นายคำพันธ์ อาจโยธา อายุ 34 ปี มีแผลที่ต้นขาขวา 4.นายคำดี มณีแสง อายุ 40 ปี มีแผลที่ไหล่ซ้าย และ 5.น.ส.ชลัดดา ติจะนา อายุ 18 ปี มีแผลที่ขาขวา ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 2 ราย ได้แก่ น.ส.มาริน่า โควาโค่ (Marina Kovaco) อายุ 35 ปี ยังพักรักษาตัวที่ห้องไอซียู อาการดีขึ้น และน.ส.วรรณโสภา จันทร์ศรีนะ อายุ 23 ปี โรงพยาบาลรามาธิบดี 2 ราย และที่โรงพยาบาลตำรวจ 1 ราย ได้แก่นายโจแรม (Mr.Joram) อายุ 55 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บทุกรายมีอาการดีขึ้น
สำหรับอาการของผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี รายที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด คือ นายสำรวย สีดาว ชาวศรีสะเกษ ยังคงนอนพักที่ห้องไอซียู อาการทั่วไปดีขึ้น รับประทานอาหารได้ดี มีไข้ต่ำๆ แพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะ และให้นอนสังเกตอาการติดเชื้อต่อในห้องไอซียู สำหรับผู้บาดเจ็บ 4 รายที่นอนหอผู้ป่วยสามัญ ได้แก่ 1.น.ส.อ้อมใจ พงษ์พรเชษฐา 2.น.ส.รัชนีวรรณ คล้ายหริ่ม 3.น.ส.ปัทมา รัตนคช 4. นายณรงค์ชัย รุ่งจรูญ ทุกคนมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ โดยน.ส.อ้อมใจ และน.ส.รัชนีวรรณ สามารถช่วยเหลือตนเองได้ดี ลุกเดินไปห้องน้ำได้เอง
-ญาติเหยื่อบึ้มรับเงินชดเชย
ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม นางไพรินทร์ นาคเอี่ยม อายุ 60 ปี พร้อมด้วยน.ส.ไพเราะ นาคเอี่ยม อายุ 33 ปี ภรรยาและลูกสาวของนายสุวิชัย นาคเอี่ยม อายุ 62 ปี คนเฝ้าศาลเจ้าพ่อเสือ ตลาดท่าเรือคลองเตย ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ระเบิด และนางศรีลักษณ์ อุนัยบัน ภรรยาที่อยู่กินแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เดินทางมาขอรับเงินค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา จากสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาด้วย โดยมีนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้มอบเงิน ประกอบด้วย ค่าตอบแทนกรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย เป็นเงิน 50,000 บาท ค่าจัดการศพ เป็นเงิน 20,000 บาท และค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู เป็นเงิน 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ เนื่องจากนายสุวิชัยมีภรรยา 2 คน และนางศรีลักษณ์ อุนัยบัน ภรรยาที่อยู่กินแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสได้เดินทางมาขอรับเงินด้วย แต่เจ้าหน้าที่ต้องมอบเงินให้ทายาทตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงทำความเข้าใจกับภรรยาทั้ง 2 คนโดยขอให้แบ่งปันกัน อย่าให้มีปัญหา ซึ่งนางไพรินทร์ ภรรยาหลวงก็รับปากจะแบ่งเงินช่วยเหลือให้กับนางศรีลักษณ์ด้วย
ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย คือนายเอกชัย เรืองพุ่ม ญาติจะมารับเงินค่าตอบแทนในช่วงเย็น และนายสงกรานต์ กาญจนะ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ กรมคุ้มครองสิทธิฯ มอบเงินค่าตอบแทน 100,000 บาทผ่านทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์แล้ว
-โพลชี้เหตุบึ้มโยงการเมือง
ที่กรมสุขภาพจิต มีการแถลงผลการสำรวจเรื่องอารมณ์ ความรู้สึกและความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อรัฐบาลและคมช. ภายหลังเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่ม คือ ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย และพ่อค้าแม่ค้าในจุดที่เกิดเหตุ ระหว่างวันที่ 3-4 ม.ค.2550 จำนวน 1,608 ตัวอย่าง
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวถึงการวิจัยว่า จากการสอบถามว่าเชื่อหรือไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำของกลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์ทางการเมือง พบว่า ร้อยละ 46.4 เชื่อ ร้อยละ 38.6 ไม่มีความคิดเห็น และร้อยละ 15 ไม่เชื่อ
-หนุนรัฐบาลลดลงฮวบฮาบ
?เมื่อถามถึงการสนับสนุนให้รัฐบาลทำงานต่อไป พบว่ากลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 48.5 ยังสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนซึ่งมีถึงร้อยละ 90 โดยร้อยละ 27.1 ไม่สนับสนุน ร้อยละ 24.4 ไม่มีความคิดเห็น ซึ่งสองกลุ่มหลังมีอัตราเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยร้อยละ 96.3 พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการแจ้งเบาะแสการก่อวินาศกรรม และน่าเป็นห่วงที่มีประชาชนร้อยละ 3.7 ที่ตอบว่าไม่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการแจ้งเบาะแส? นายนพดลกล่าว
นายนพดลกล่าวต่อว่า เมื่อถามถึงความมั่นใจในความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตประจำวันหลังเหตุวางระเบิด พบว่า ประชาชนทั่วไปมั่นใจร้อยละ 12.8 ไม่ค่อยมั่นใจร้อยละ 56.3 เมื่อถามถึงสถานที่ที่กลุ่มตัวอย่างหลีกเลี่ยงจะไม่เข้าใกล้ พบว่า ศูนย์การค้า ตลาดนัดมาเป็นลำดับแรกร้อยละ 75.6 รองลงมาคือ ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ร้อยละ 37.6 แหล่งชุมชน อาทิ ป้ายรถเมล์ สะพานลอย ลานจอดรถ สนามหลวง ร้อยละ 9.1 สถานีขนส่ง รถไฟฟ้า รถไฟ สนามบิน ร้อยละ 8.3 แหล่งท่องเที่ยวร้อยละ 2.5 และสถานศึกษา ร้อยละ 1.4
-?อ๋อย?ปลงทรท.แพะรับบาป
ที่พรรคไทยรักไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการรัฐประหารซ้ำและรัฐประหารซ้อนว่า พรรคไทยรักไทยไม่สมน้ำหน้า เรามีจุดยืนคือไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร ทั้งที่เกิดขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 และที่อาจจะเกิดการรัฐประหารซ้ำโดยกลุ่มอำนาจเดียวกัน หรือการปฏิวัติซ้อนโดยคณะอื่น เราไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลที่ดีเลิศ รวมถึงคมช.จะอ้างว่าเกิดความบกพร่องเสียหายก็ตาม เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองโดยการใช้กำลังอาวุธ ไม่เป็นสันติวิธี อีกทั้งเป็นความล้าหลังไม่เป็นอารยประเทศ ฝากถึงคมช. นายกฯ และแม่ทัพนายกอง ขอให้ออกมาสยบข่าวลือเรื่องการปฏิวัติซ้ำและซ้อนโดยเร็ว โดยแสดงความมุ่งมั่นว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และแสดงความจริงใจว่าจะไม่ทำปฏิวัติซ้ำขึ้นมาโดยเด็ดขาด เพราะจะเกิดความเสียหายแก่ประเทศในทุกๆ ด้าน
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ที่มีข่าวลือเรื่องการปฏิวัติมาโยงกับขั้วอำนาจเก่านั้น การลือเรื่องรัฐประหารถือว่าไม่เป็นประโยชน์ใดๆ เลย ทั้งนี้ข่าวลือนั้น ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจะลือกันอย่างไรก็ไม่มีคนเชื่อ แต่ถ้าลือแล้วมีคนเชื่อแสดงว่ามีเหตุให้สงสัย ควรต้องรีบแก้ไข สำหรับพรรคก็ได้ติดตามข่าวลือนี้ด้วยความวิตกกังวล โดยเป็นห่วงทั้งบ้านเมืองและตัวของพรรคเอง เพราะเห็นว่าหากมีรัฐประหารเกิดขึ้นอีก สถานการณ์จะรุนแรงกว่าเดิม แล้วพรรคจะโดนลูกหลง กลายเป็นแพะรับบาปในที่สุด
--ติงคมช.อย่าใช้อคติตัดสิน
เมื่อถามว่ามีความพยายามเชื่อมโยงกระแสข่าวเรื่องปฏิวัติซ้อนกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และพรรคไทยรักไทย นายจาตุรนต์ กล่าวว่า มีความพยายามเชื่อมโยง โดยการวิเคราะห์ให้ข่าว และปล่อยข่าว ตนจึงพยายามพูดถึงหลักกระบวนการยุติธรรม เพราะวันนี้บรรดาผู้มีอำนาจออกมาพูดชี้นำ ซึ่งฝ่ายที่สอบสวนสรุปออกมาแล้วข้อเท็จจริงอาจจะไม่ใช่ แล้วจะไม่ตรงกับคำพูดของผู้มีอำนาจ ฉะนั้นอย่าไปพูดชี้นำให้เสียหาย
?ฝากถึงคมช.และรัฐบาล ขอให้ยึดมั่นกระบวนการยุติธรรม นำหลักนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ มากกว่าการแสดงความเห็นโดยปราศจากหลักฐาน โดยเฉพาะผู้นำไม่ควรชี้นำ หรือใช้อคติเป็นที่ตั้งในการแสดงความเห็น เพราะหากผู้นำอธิบายเรื่องต่างๆ ด้วยการคาดเดา จะทำให้คนแบ่งข้างเชื่อ ตรงนี้จะนำไปสู่ความแตกแยกทางสังคมได้ ขัดหลักการวิเคราะห์ทำให้กระบวนการยุติธรรมหมดความหวัง ยกตัวอย่างเช่น ครม.และคมช. มีมติสรุปว่าแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ที่จ.ขอนแก่น ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง ถ้าผู้นำพูดกันอยู่อย่างนี้ ก็แนะนำว่าให้ไปศึกษากระบวนการยุติธรรมและบทบาทผู้นำเสียใหม่? รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยกล่าว
-?มาร์ค?ชี้แผนกลุ่มอำนาจเก่า
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลและคมช. ควรเร่งควบคุมสถานการณ์ข่าวลือเรื่องการปฏิวัติซ้อนและซ้ำ รวมไปถึงการสร้างความชัดเจนต่อกรณีเหตุระเบิด 8 จุดที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชน และเห็นว่าการทำปฏิวัติไม่ว่าจะซ้ำหรือซ้อนต่างก็สร้างผลกระทบต่อประเทศชาติหลายด้าน ดังนั้น ไม่ว่ากลุ่มบุคคล หรือกลุ่มการเมืองใด ก็ไม่ควรเล่นนอกระบบ โดยเฉพาะรัฐบาลควรใช้กลไกที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันการตกเป็นเหยื่อให้กับผู้ที่สูญเสียประโยชน์และอำนาจ เนื่องจากกลุ่มอำนาจเก่ายังพอมีอิทธิพลต่อการเมือง
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้มีคนใกล้ชิดเคยบอกถึงสถานการณ์การเมืองว่า กลุ่มอำนาจเก่ากำลังพยายามวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลและคมช.ไม่สามารถบริหารประเทศได้ โดยหวังดึงมวลชนและนำไปสู่การเผชิญหน้า เพื่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งข้อมูลนี้สอดคล้องด้วยท่าทีและพฤติกรรมทางการเมืองของพล.อ.ชวลิต และ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พยายามปลุกปั่นสถานการณ์บ้านเมืองและวิ่งเข้าถึงศูนย์อำนาจ หากมีความจริงใจต่อการร่วมแก้ปัญหาบ้านเมือง ก็ควรให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและคมช. เพื่อให้ภารกิจการคืนอำนาจสู่ประชาชนเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
-ปลุกระดมโค่นคมช.-รัฐบาล
?ขณะนี้กลไกจากอำนาจเงิน และอำนาจเก่ายังมีอยู่ เห็นได้ชัดจากท่าทีในจดหมายของคุณทักษิณ ที่ยังต้องการปลุกระดมและส่งสัญญาณทางการเมือง และบทบาทของพล.อ.ชวลิต ก็ค่อนข้างชัด เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกมาวิจารณ์ว่ารัฐบาลบริหารและปกครองบ้านเมืองไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนมารายงานให้ผมฟังว่ายังมีกลุ่มอำนาจเก่าพยายามวางแผนเป็นขั้นตอน เนื่องจากต้องการแสดงให้เห็นว่า คมช.และรัฐบาล ปกครองประเทศไม่ได้ และจากนั้นจะมีการระดมพลมาเพื่อไม่ต้องการให้ คมช.และรัฐบาลมาปกครอง และนำไปสู่การเผชิญหน้าและการเปลี่ยนทางการเมือง? นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าคิดว่าตอนนี้ฝ่ายบริหาร คือรัฐบาลหรือคมช. แก้ปัญหาได้ดีมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ คงต้องพิสูจน์ในระยะเวลาอันใกล้นี้ จะไปคาดคั้นว่าจะต้องจับตัวคนร้ายให้ได้ภายใน 24 ช.ม. 48 ช.ม. ก็คงไม่ได้ แต่การที่นายกฯ ให้ข้อเท็จจริงกับทางสภานิติบัญญัติฯ (สนช.) ว่า เหมือนกับว่าในแง่ของการข่าวก็มีเบาะแสอยู่ก่อนแล้ว แล้วถ้าหากมีหลักฐาน ซึ่งการพูดถึงภาพวงจรปิด หรือแม้พล.อ.ชวลิตที่บอกว่ามีภาพวงจรปิด ก็น่าจะต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการที่จะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ว่าโยงไปถึงทางใต้ ตนก็แปลกใจ แล้วมีการบอกว่ามีคนไปรายงานซึ่งก็ไม่แน่ใจ ไปรายงานพ.ต.ท.ทักษิณในฐานะอะไร โดยส่วนตัวแล้วไม่เชื่อว่า เหตุระเบิดในกทม.จะลามมาจากภาคใต้ แต่ก็ต้องอยู่ที่หลักฐานที่จะพิสูจน์กันต่อไป
-คตส.ผวา-ระวังตัวกันแจ
ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) นายบรรเจิด สิงคะเนติ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) กล่าวถึงคมช.เตือนให้คตส.ระวังตัว เนื่องจากเป็นเป้าที่อาจถูกลอบทำร้ายว่า คงไม่มีอะไรมาก การดำเนินงานของคตส.ยังเป็นไปตามปกติ มีความระมัดระวังอยู่เพื่อความไม่ประมาทซึ่งทุกคนต้องมีสติ เพราะการทำหน้าที่นั้นย่อมต้องมีผลกระทบบ้าง ที่ผ่านมา นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ กรรมการคตส. ถูกไปรษณียบัตรส่งมาข่มขู่ ส่วนนายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการคตส.ก็ถูกโทรศัพท์ขู่ถึงที่บ้าน ซึ่งเรื่องดังกล่าว ทางคตส.ท่านอื่นไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ ส่วนจะมีการขอกำลังทหารมาดูแลความปลอดภัยนั้น อาจจะต้องประเมินสถานการณ์ว่าจำเป็นหรือไม่ ในการขอเพิ่มกำลังทหาร แต่เมื่อทางคมช.เตือนมาเราคงต้องระมัดระวัง
?เราไม่ได้คิดว่าจะปลอดภัยหรือไม่ เพราะเรามีหน้าที่ตามปกติตามกรอบกฎหมาย ซึ่งไม่ได้เป็นการกระทำที่มีลักษณะไปกลั่นแกล้งบุคคลใด เราทำงานกันอย่างตรงไปตรงมา จะมีอะไรเกิดขึ้นข้างหน้าเราไม่รู้หรอก แต่เรามั่นใจในกระบวนการทำงานของเราว่ามีความเป็นกลาง ซึ่งจุดนี้เองเป็นความมั่นใจว่า จะไม่มีอะไรเกิดเหตุร้ายกับคตส.? นายบรรเจิดกล่าว
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคตส. กล่าวว่า ในเรื่องของความปลอดภัยตนไม่ได้ระวังอะไร มีหน้าที่อะไรที่ได้รับมอบหมายมาก็ทำไป ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด มีแต่เพียงทางคมช.มาเตือนว่าไม่ให้ออกไปไหน เฉพาะในช่วงที่เกิดเหตุการณ์การวางระเบิดเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็ระวังเพิ่มมากขึ้นหน่อย ไม่มีอะไรมาก พยายามเอารถไปจอดอยู่หน้ายามรักษาความปลอดภัยเพื่อให้เกิดความอุ่นใจ
-?อุ๋ย?เร่งทำความเข้าใจนักลงทุน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลออกมาระบุว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในกทม. อาจจะมีต่อเนื่องไปอีก 1-2 เดือน ว่า ตอนนี้จะให้ทำอะไรได้ เศรษฐกิจก็พยายามดูให้ดีที่สุด และขณะนี้ก็พยายามอธิบายกับนักลงทุนต่างๆ ให้เขาเห็นว่าตัวพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยไม่มีอะไรด้อยไปกว่าเดิม การผลิตภาคการเกษตร การลงทุนโดยตรงจากเอกชนบางรายก็ดีขึ้น ยอดส่งออกหรืออัตราแลกเปลี่ยน เริ่มมีเสถียรภาพ และการส่งออกเริ่มเดิน
เมื่อถามว่านักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ รองนายกฯกล่าวว่า อย่าไปเขียนให้เขาตกใจ ทุกคนต้องช่วยกัน นักลงทุนที่มาคุยกับตนโดยตรงก็มีอยู่ประเภทเดียวคือเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งยอมรับว่าในระยะสั้น การท่องเที่ยวมีผลกระทบบ้าง แต่รัฐบาลก็พยายามเต็มที่อยู่แล้วที่จะให้เหตุการณ์ดีขึ้น ตรงนี้คือกุญแจสำคัญ ทั้งนี้ถ้ารัฐบาลและคมช. พยายามทำให้เหตุการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว ปัญหาด้านเศรษฐกิจก็จะเดินต่อได้
-คลังเพิ่มมาตรการปลอดภัย
ที่กระทรวงการคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ภาษิต สนธิขันธ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(สลธ.คมช.) ส่งหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 3 ม.ค.50 ถึงกระทรวงการคลัง โดยนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ลงนามรับทราบ มีใจความว่า ตามที่ได้มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 31 ธ.ค.49 เพื่อความไม่ประมาทและระวังไม่ให้เหตุร้ายเกิดขึ้น ขอให้หน่วยงานราชการปฏิบัติดังนี้ 1.จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานที่บริเวณโดยรอบทั้งในและนอกหน่วยงาน เพ่งเล็งในเรื่องพื้นที่น่าสงสัยต่อการวางระเบิด 2.ให้สอดส่องพฤติกรรมของบุคคลที่น่าสงสัยที่เคลื่อนไหว และสิ่งผิดปกติโดยรอบส่วนราชการในความรับผิดชอบ 3.แจ้งให้ข้าราชการทุกระดับ ช่วยกันสอดส่องดูแลต่อสถานที่ และจุดที่ล่อแหลมต่อการวางระเบิดของฝ่ายตรงข้าม 4.แจ้งให้หน่วยงานในความรับผิดชอบและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับทราบมาตรการ และ 5.หากมีสิ่งผิดปกติหรือข้อสงสัยใดๆ กรุณาแจ้งให้สลธ.คมช. โดยประสานกับพล.ต.ปัญญา รอดเชื้อ ผู้อำนวยการส่วนนโยบายและแผน สลธ.คมช. หรือ พ.อ.เถกิงศักดิ์ เครือหงส์ หัวหน้าฝ่ายแผน/ปฏิบัติการ สลธ.คมช.
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า กระทรวงการคลังได้เปลี่ยนแปลงเวลาเปิด-ปิดประตูทางเข้า-ออก กระทรวงการคลังด้วย โดยเวลาเปิดในทุกประตูยังคงเหมือนเดิมที่ 05.30 น. ยกเว้นประตูติดกับคลองประปาที่เปลี่ยนมาเปิด 07.00 น. ส่วนเวลาปิดได้เลื่อนปิดเร็วขึ้นทุกประตูจากเวลา 19.00 น. มาเป็น 17.30 น. ทั้งยังไม่อนุญาตให้รถจักรยานยนต์รับจ้างเข้ามารับ-ส่งผู้โดยสารถึงในกระทรวงด้วย
-ศธ.ไม่เลิกวันเด็กแต่ให้ระวัง
ที่กรมประชาสัมพันธ์ นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ แถลงข่าวการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2550 ในวันที่ 13 ม.ค.ว่า การจัดงานวันเด็กของแต่ละกระทรวง เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา ยกเว้นแต่ที่กองบัญชาการ กองทัพอากาศ อาจจะต้องเลื่อนการจัดงานออกไป เพราะเป็นสถานที่ที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งก็ถือเป็นเหตุผลพิเศษ แต่ในส่วนของศธ. ที่สนามเสือป่านั้น จะต้องมีมาตรการพิเศษ ทั้งนี้จากการวางแผนร่วมกับฝ่ายรักษาความปลอดภัย และฝ่ายมั่นคง มั่นใจว่างานจะต้องดำเนินไปได้ตามปกติ แต่จะต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งตนขอยืนยันว่าจะจัดงานวันเด็กต่อไป เพราะขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบที่จะต้องเลื่อน หรือว่าย้ายสถานที่จัดงาน
?การจัดงานวันเด็กในปีนี้ของทุกภาคส่วนจะดำเนินไปตามปกติด้วยความไม่ประมาท โดยจะไม่มีการงดกิจกรรมใดๆ เพราะถือว่าหนึ่งปีมีหนเดียว จึงควรให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน นอกจากนี้หากเรางดจัดงานดังกล่าว ฝ่ายกระทำก็จะรู้สึกว่าสมประโยชน์ที่พวกเขาต้องการทำให้เกิดความตื่นตระหนก และบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ไม่สงบเรียบร้อย ทั้งนี้ใครก็ตามที่มาทำอะไรให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นในวันเด็ก ผมเชื่อว่าคนนั้นคงไม่ใช่คนไทย และผมก็เชื่อว่าคนไทยในผืนแผ่นดินไทยก็คงไม่ยอม? รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์