เหตุระเบิดป่วนกรุงเมื่อวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นเหตุให้ผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตไปถึง 3 ศพ และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ผู้เกี่ยวข้องกำลังเร่งคลี่คลายคดีหาตัวคนผิดมาลงโทษ โดยมีการระบุว่าน่าจะเป็นฝีมือของผู้สูญเสียประโยชน์ทางการเมือง เปิดประเด็นให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาตำหนิการทำงานของรัฐบาลอย่างไม่ไว้หน้า พร้อมเปิดประเด็นปฏิเสธข่าวรับเงิน 1,500 ล้านบาท จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างสถานการณ์ ปั่นป่วนการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาล ซึ่งก็ถูกโต้ตอบจาก พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผช.ผบ.ทบ.และ ผช.เลขาธิการ คมช.กลับไป อย่างรุนแรงพอกัน พร้อมกับต่างฝ่ายต่างเกทับว่ามีหลักฐานคนร้ายลักลอบวางระเบิดอยู่ในมือ ระหว่างที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ยอมยึดหลักของการสมานฉันท์ก็มีข่าวของการปฏิวัติซ้อนติดตามมา รวมถึงเหตุโทรศัพท์ขู่วางระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน ช่วยผสมโรงเขย่าประสาทชาวบ้านให้ หวาดผวาหนักขึ้น แม้ที่ผ่านมาตำรวจจะรวบตัวได้แล้ว 2 ราย แต่พวกชอบโทร.ป่วนยังไม่เลิกสร้างความวุ่นวาย
ป่วนขู่วางระเบิด ป.ป.ส.
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 ม.ค. ร.ต.อ.มงคลชัย ประสาทพร หน.สายตรวจ สน.ดินแดง รับแจ้งจากศูนย์วิทยุผ่านฟ้าว่ามีชายลึกลับโทรศัพท์แจ้งว่า คนร้ายวางระเบิดไว้ในสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ใกล้แยกสามเหลี่ยมดินแดง จะระเบิดขึ้นในเวลา 11.40 น. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดจากกรมสรรพาวุธตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อไปถึงได้ขอให้ข้าราชการทุกคนและประชาชนที่ไปติดต่องาน ออกมาจากตัวอาคารทั้งหมด ในขณะนั้นนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กำลังประชุมเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินอยู่ด้วย จึงต้องยกเลิกการประชุมทันที สร้างความโกลาหลพอสมควร หลังการตรวจพื้นที่อย่างละเอียดทั้งหมดไม่พบวัตถุระเบิดแต่อย่างใด
ผวากระเป๋าหลุยส์วิตตอง
เวลาใกล้เคียงกัน ร.ต.อ.สราวุธ พรหมอักษร หน. สายตรวจ สน.ห้วยขวาง รับแจ้งพบกระเป๋าต้องสงสัย ที่ ป้ายหยุดรถประจำทาง ใกล้ซอยรัชดาภิเษก 3 ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง กทม. ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดจาก บก.ตปพ. พบกระเป๋าหนังใบใหญ่ ยี่ห้อหลุยส์วิตตอง ลายสีน้ำตาล วางอยู่บนที่นั่งผู้โดยสาร เมื่อเปิดกระเป๋าออกดูพบไดร์ เป่าผม เสื้อผ้าผู้หญิง กล่องยาของ รพ.เอกอุดร จ.อุดรธานี ไม่ระบุชื่อเจ้าของยา นายบุญนาค โสดา อายุ 31 ปี อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง เล่าว่ามีหญิงสาว 2 คน เดินมาบอกว่า เห็นชายรูปร่างท้วม อายุประมาณ 40 ปี เดินถือกระเป๋าใบดังกล่าวมาวางไว้ในที่เกิดเหตุ จากนั้นวิ่งขึ้นรถประจำทางสาย 179 ไปทันที
เขย่าขวัญหน้าสนามยิงปืน
ต่อมา น.อ.อุดมศิน ผิวแดง (ร.น.) ผู้เชี่ยวชาญแผนกยุทธการและข่าว ประจำกองทัพเรือ รับการประสานจาก พ.ต.ท.กลยุทธ เต่านารี สวป.สน.ศาลาแดง ไปตรวจ กระเป๋าต้องสงสัยภายในมีวัตถุระเบิด ที่ป้ายรถโดยสารปากซอยทางเข้าสนามกีฬายิงปืน บี.บี.กัน ถนนพุทธมณฑลสาย 2 แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. จึงนำทีมเก็บกู้วัตถุระเบิดพร้อมสุนัขดมกลิ่นระเบิด 2 ตัวไปตรวจสอบ พบกระเป๋าผ้าร่มสีน้ำเงินขนาด 1x2 ฟุต วางอยู่ข้างถังขยะบริเวณป้ายรถเมล์ จึงตัดสินใจใช้ปืนน้ำแรงดันสูงยิงทำลาย ปรากฏว่าในกระเป๋ามีเพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ห่อ มุ้ง 1 หลัง แผ่นซีดี 1 แผ่น ข้าวเหนียว 1 ห่อ และหนังสือการ์ตูน 4 เล่ม ขณะที่ น.อ.อุดมศิน กล่าวว่า ขอฝากเตือนถึงประชาชนถ้าเห็นอะไรที่ต้องสงสัย ให้รีบแจ้งตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องโดยเร็ว อย่าเปิดพิสูจน์เอง อาจเป็นอันตรายได้
ชลบุรีขู่ระเบิดโรงเรียน
ด้านจังหวัดอื่นๆมีผู้ไม่หวังดีโทรศัพท์ขู่วางระเบิดเช่นกัน ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี คนร้ายโทรศัพท์ไปที่โรงเรียนศรีราชาว่าวางระเบิดไว้แล้วอีก 1 ชั่วโมงจะระเบิด เมื่อข่าวแพร่ออกไปสร้างความตกใจให้กับผู้ปกครองต่างรีบมารับบุตรหลานกลับบ้าน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ศรีราชาไปตรวจสอบ พบกระเป๋าคาดเอวสำหรับใส่เงินแบบที่แม่ค้าชอบใช้ ทิ้งอยู่ในถังขยะระหว่างอาคารเรียนที่ 1 กับอาคารที่ 2 เมื่อเปิดดูกลายเป็นกระเป๋าเปล่า
ที่ จ.กาญจนบุรี พบถุงพลาสติกของห้างเทสโก้ โลตัส ภายในมีกล่องกระดาษถูกรัดด้วยเทปกาวสีดำและมีสายไฟโผล่ออกมา วางอยู่ข้างรั้วด้านนอกศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ริมถนนแสงชูโตฝั?งขาเข้า ตรงข้ามที่ทำการสหประชาชาติประจำจังหวัดกาญจนบุรี ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดถนนทุกด้านและให้ ร.ต.อ.ตรีโลจนะ ภัสสวัส กับ จ.ส.ต.ประสงค์ กุลดี ตชด.ค่ายพระพุทธยอดฟ้าเข้าตรวจสอบ พบว่าลักษณะคล้ายระเบิดแสวงเครื่องเลยตัดสินใจใช้ฝักแคระเบิดทำลายกล่อง ปรากฏว่าภายในมีเพียงท่อพีวีซีและสายไฟเท่านั้น
ขณะเดียวกัน มีประชาชนออกมาแสดงความไม่พอใจ โดยที่ จ.กำแพงเพชร ชาวบ้านกว่า 1,000 คนจากหลายอำเภอชุมนุมกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดประณามการกระทำของคนร้าย ส่วนที่ จ.อุตรดิตถ์ นายทัศพร ฟ้อนบำเรอ หัวหน้าสำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์และนายชุมพร วงษา ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดอุตรดิตถ์ไปที่วัดปากฝาง มอบเงิน 100,000 บาทให้กับนายสัมพันธ์ กาญจนะ บิดาของนายสงกรานต์ กาญจนะ เหยื่อระเบิดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
โฆษก ตร.ขอ ปชช.เป็นหูเป็นตา
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอร้องพี่น้องประชาชนให้รวมพลังกันที่จะเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ โดยให้ยึดถือ ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง พี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง พบเห็นสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใกล้ที่สุด ในขณะนี้ตำรวจได้ประสานองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ในเรื่องโทรศัพท์ให้ใช้ระบบโชว์เบอร์หมายเลขสถานี ตำรวจ เพื่อป้องกันไม่ให้แจ้งหรือร้องทุกข์ก่อให้เกิดปัญหา โดยให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเริ่มดำเนินการจัดทำหมายเลขสถานีตำรวจโชว์เบอร์ทุกสถานีตำรวจให้ ด่วนที่สุด
?ภาณุพงศ์? รายงานคดีระเบิด
ด้านการสืบสวนติดตามคนร้ายลอบวางระเบิด เมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าทีมสืบสวนคดีระเบิด 8 จุด ในพื้นที่ กทม.ได้หอบแฟ้มเข้ามาพบ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ที่ห้องทำงานชั้น 5 สนง.ผบ.ตร. โดยมีการปิดห้องหารือเป็นการส่วนตัวกับ ผบ.ตร. หลังเข้าพบ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์กล่าวว่า ผบ.ตร.เรียกมาพบเพื่อรายงานความคืบหน้าการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่ กทม. รายละเอียดเปิดเผยไม่ได้ อยู่ระหว่างการดำเนินสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ส่วนคดีคืบหน้าออกหมายจับกุมคนร้ายได้หรือยัง พล.ต.ท.ภาณุพงศ์กล่าวว่า เปิดเผยไม่ได้ มีการกำชับเรื่องการให้ข่าวของผู้บังคับบัญชา
ผบ.ตร.คุยคดีบึมคืบหน้ามาก
ต่อมา พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิด 8 จุด ใน กทม. ว่า ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงานรายละเอียดให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธาน คมช. ทราบทุกระยะ และในวันอังคารที่ 9 ม.ค. จะเรียกตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าร่วมประชุม เพื่อสรุปความคืบหน้าของคดีอีกครั้งหนึ่ง
พล.ต.อ.โกวิทกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเร่งรัดทุกคดีที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นคดีลอบวางเพลิง คดีลอบวางระเบิด ตำรวจพยายามทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ?สั่งให้ทุกหน่วยเร่งทำงานเต็มที่เพราะเมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นมา เราก็อยากจับคนร้ายให้ได้ ซึ่งทุกคดีตำรวจทุ่มเททำงานกันตลอด? พล.ต.อ.โกวิทกล่าว
ยธ.ประณามคนร้ายวางระเบิด
ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อเวลา 09.00 น. นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม ออกแถลงการณ์ในนามประชาคมยุติธรรมและเครือข่าย ประณามผู้ก่อเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ กทม. ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 49 ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัววิตกกับสวัสดิภาพและความปลอดภัย โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทุกคนร่วมกันสอดส่องดูแลป้องกันเหตุร้าย และแจ้งเบาะแสของผู้กระทำผิดแก่เจ้าหน้าที่ พร้อมให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมและเยาวชนร่วมกันลงนามในคำประกาศประณามการวางระเบิดดังกล่าว
นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม อ่านแถลงการณ์ โดยมีผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมเข้าแถวหน้ากระดานยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุระเบิด ว่า ประชาคมยุติธรรมและเครือข่ายร่วมขอประณามการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไร้ศีลธรรม และคุกคามผู้บริสุทธิ์ ครั้งนี้อย่างรุนแรง ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียและบาดเจ็บ รวมตลอดถึงครอบครัวทุกราย ทั้งขอเป็นกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุและมีการฟ้องร้องลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมได้โดยเร็ว พร้อมกันนี้ อยากจะให้ทุกฝ่ายร่วมกันสอดส่องดูแลป้องกันเหตุร้ายและแจ้งเบาะแสของผู้กระทำผิด รวมทั้งสมัครสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว ช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองในยามนี้อย่างกวดขัน เราเชื่อมั่นว่าด้วยพลังรักชาติของเราทุกคนจะทำให้เหตุร้ายคลี่คลายและเหตุการณ์ จะคืนสู่ภาวะปกติในเร็ววัน
เตือนเยาวชนอย่าคะนอง
ด้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า มั่นใจว่าคนร้ายต้องถูกจับกุมได้แน่นอน เนื่องจากขณะนี้ทางการสามารถคุมสถานการณ์ให้สงบได้ และคงไม่มีประชาชนคนใดไปเป็นแนวร่วมกับซาตานหรือปิศาจทางการเมือง ที่มุ่งหวังช่วงชิงอำนาจทางการเมืองไม่คำนึงถึงประชาชนและประเทศชาติ ส่วนกรณีที่มีเยาวชนหรือกลุ่มคนที่สร้างกระแสโทรศัพท์ขู่วางระเบิดจนทำให้ เกิดความไม่สงบ ขอร้องให้เยาวชนอย่าคึกคะนอง เอาสถานการณ์ของบ้านเมืองมาเป็นเรื่องล้อเล่น เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนว่าเด็กอาจจะขาดการชี้นำที่ถูกต้อง ดังนั้นผู้ใหญ่ควรจะร่วมกันดูแลเยาวชนไม่ให้หลงผิด
เหยื่อบึมรับ 1 แสนบาท
ในช่วงบ่ายนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้มอบเงินให้ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ระเบิด 2 ราย คือนายเอกชัย เรืองพุ่ม พนักงานศูนย์ส่งเสริมสื่อสร้างสรรค์เพื่อเยาวชน พฤติการณ์แห่งคดี ที่ถูกระเบิดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และนายสุวิชัย นาคเอี่ยม เสียชีวิตที่จุดระเบิดบริเวณศาลเจ้าพ่อเสือในตลาดคลองเตย
อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกล่าวว่า เหตุระเบิดดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย ตามกฎหมายได้พิจารณาจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา รายละ 1 แสนบาท จำแนกเป็นค่าตอบแทนกรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย 5 หมื่นบาท ค่าจัดการศพ 2 หมื่นบาท และค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 3 หมื่นบาท ในวันนี้ทางกรมคุ้มครองสิทธิฯจะทำการมอบเงินค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา จำนวน 2 ราย ส่วนนายสงกรานต์ กาญจนะ ที่ถูกระเบิดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ญาติได้นำศพไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ทางเจ้าหน้าที่ได้มอบหมายให้หัวหน้าสำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ มอบเงินแก่ทายาทผู้เสียชีวิตแทน
ข่าวลือปฏิวัติทำคนแตกตื่น
วันเดียวกัน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์ในรายการสยามเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 5 ถึงข่าวลือเรื่องการปฏิวัติซ้ำว่า มีคนโทรศัพท์เข้ามามากมายเมื่อคืนนี้ ซึ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องของกระบวนการในการมุ่งหวังที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองเกิดความสับสนวุ่นวาย ในทางทหารเรียกว่าการก่อวินาศกรรมอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น สิ่งนี้ก็เป็นเครื่องมือในการดำเนินการของฝ่ายที่ไม่ปรารถนาดี การกระทำเหล่านี้มุ่งที่จะทำลายเรื่องของความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคมของบ้านเมืองเราได้ พิธีกรถามว่าแสดงว่าเป้าหมายของคนที่มุ่งหวังก็บรรลุผล ถ้าประชาชนแตกตื่นกัน พล.อ.สนธิตอบว่า ถ้าพูดถึงผลที่ออกมา คิดว่าพอสมควร
เร่งหาตัวขบวนการปล่อยข่าว
พิธีกรรายการถามต่อว่า มีความเชื่อมโยงกันแค่ไหน ระหว่างการปล่อยข่าวลือเรื่องปฏิวัติกับเรื่องระเบิด คืนวันส่งท้ายปีเก่าและก่อนหน้านั้นการเผาโรงเรียนหลายแห่ง พล.อ.สนธิตอบว่า มองว่ากระบวนการทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกัน นี่วิเคราะห์ทางทหาร เพราะว่าหลักการในการดำเนินการทั้งหมด เป็นหลักการที่เกิดขึ้นมาคล้ายๆ กับในพื้นที่ทางด้าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หมายความว่าทฤษฎีในการปฏิบัติ และการปฏิบัติไม่ว่าจะเกิดการเผาโรงเรียนก็ตาม แม้กระทั่งการวางระเบิดก็ตาม เป็นแนวทางที่คล้ายกัน ลักษณะของการปฏิบัติคล้ายๆ กัน วัตถุประสงค์ ก็คล้ายกัน อันนี้เป็นอย่างหนึ่งที่ทางทหารเองกำลังติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมอยู่ คิดว่าเรามองเห็นในภาพตรงนี้แล้ว เราก็ต้องไปหาดูว่าใคร กลุ่มไหนคือผู้ทำ ใช้ ในทางสืบสวนสอบสวนของตำรวจเข้ามาวิเคราะห์ด้วยเหมือนกัน เราต้องหาตรงนั้นให้เจอ ให้ชัดเจน แล้วจะได้พุ่งเป้าเข้าไปสู่การแก้ไข
เจอภาพมือบึมในวงจรปิด
พล.อ.สนธิกล่าวต่อว่า ความตั้งใจของกระบวนการพวกนี้ ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นกับประชาชน ในรูปแบบต่างๆที่เขาสามารถทำได้ ผลกระทบตรงนี้มันย้อนกลับมาที่รัฐบาลกับ คมช.ว่าสามารถที่จะให้ความคุ้มครองดูแลประชาชนต่างๆ เหล่านี้ได้ไหม อันนี้คือจุดที่เค้าต้องการอย่างนั้น เขาต้องการทำลาย คมช. ต้องการทำลายรัฐบาล ฉะนั้นตรงนี้เอง เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราก็ต้องพยายามที่จะทำให้สิ่งที่คนกลุ่มนี้กำลังทำอยู่ ประสบผลสำเร็จให้น้อยลง เราเชิญทางบริษัทห้างร้าน ผู้ประกอบกิจการต่างๆ มาทำความเข้าใจกับปัญหาต่างๆ เหล่านี้ เมื่อทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการที่จะรับรู้และช่วยกันแก้ปัญหาตรงนี้ร่วมกัน คิดว่าใครจะทำอะไรก็คงไม่ง่ายนัก อย่างการระเบิด อย่าลืมว่ามีกล้องซีซีทีวีติดอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ก็ปรากฏภาพคนที่ปฏิบัติมีหลายราย ที่สามารถเห็นได้ชัดเจน แต่ตอนนี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของการสืบสวนของตำรวจ ว่าคนคนนั้นคือใคร ดังนั้นกระบวนการของการทำงานตรงนี้มันต้องร่วมกัน
พิธีกรถามว่า เชื่อว่ากลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าผู้สูญเสียประโยชน์ทางการเมืองเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้อยู่หรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า ก็วิเคราะห์ได้หลายๆกลุ่มในเวลาเดียวกัน ทั้งกลุ่มพวกผู้สูญเสียประโยชน์ทางการเมืองและกลุ่มอื่นๆ ก็มองพุ่งเป้าไปทั้งหมด ผลของการวิเคราะห์ออกมาสุดท้ายว่าคือใคร ก็คือเป้าหมาย เราจะต้องรันไปอย่างเต็มที่ เพื่อให้ถึงจุดจุดนั้นให้ได้ พิธีกรรายการถามว่า แต่น้ำหนักยังวางอยู่ในกลุ่มผู้เสียประโยชน์ทางการเมือง พล.อ.สนธิตอบว่า ก็มองจุดนั้นด้วย คิดว่าน่าจะเป็นจุดที่มีความสำคัญ สมเหตุสมผลมากกว่าที่อื่น
บอกตอนนี้ยังไม่มีปฏิวัติ
พิธีกรรายการถามต่อว่า เรื่องการปฏิวัติ ท่านคิดว่าในกองทัพมีคนคิดไหม และมีศักยภาพพอที่จะทำได้ หรือไม่ในขณะนี้ พล.อ.สนธิตอบว่า ?ผมมองในเรื่องของการบริหารจัดการภายในกองทัพ ผมเป็นคนที่ให้ความเป็นธรรมกับการปกครองค่อนข้างมาก ในเรื่องความเป็นธรรม ความถูกต้อง อะไรต่างๆ พวกนี้ผมถือว่าเป็นลำดับแรกในการบริหารจัดการ ผมต้องการความรู้รักสามัคคีภายในกองทัพ ผมปกครองคนทุกคนมีความเท่าเทียมกัน มีความรักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ฉะนั้นเวลานี้คนในกองทัพเอง ผมเชื่อได้ว่า ความเป็นพี่เป็นน้องกัน เจตนารมณ์ ของพวกเราอุดมการณ์ของพวกเรานี้ มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้น แม้แต่คิดจะปฏิวัติผมยังเชื่อว่าไม่มีในเวลานี้?
มั่นใจเงินซื้อกองทัพไม่ได้
พิธีกรรายการถามว่า ก่อนหน้านี้ท่านเคยพูดว่า เงินน่ากลัวกว่าอาวุธ พล.อ.สนธิตอบว่า นี่ไงปัจจัยสำคัญ ตนต้องทำให้อุดมการณ์มีอานุภาพมากกว่า พิธีกรรายการถามว่าเชื่อว่าจนถึงขณะนี้เงินยังไม่สามารถที่จะซื้ออะไรได้ พล.อ.สนธิตอบว่า ?ผมว่าในกองทัพยังทำไม่ได้? พิธีกรรายการถามว่า เท่าที่ท่านรู้มีความพยายามมากน้อยแค่ไหน พล.อ.สนธิตอบว่ามีแน่นอน แต่ไม่คิดว่าทำได้ ผมเชื่อว่าทำไม่ได้
ไม่ระบุเป็นฝีมือ ?ทักษิณ?
พิธีกรรายการถามว่า ถ้าถามตรงๆ ข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ระเบิด และความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตลอดมา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เกี่ยวข้องแค่ไหน ประธาน คมช.กล่าวว่า เราจะบ่งชี้ลงไปตรงนั้นคงไม่ได้ อย่างที่บอกแล้วว่าเราต้องเดินทางเข้าไปหาว่าผู้ที่ดำเนินการคือกลุ่มไหน นั่นคือที่เรากำลังต้องการหาตรงนั้นมากกว่า ถ้าได้ออกมาแล้ว เราก็สามารถวิเคราะห์ออกมาว่าทิศทางในการปฏิบัติในอนาคตมันควรจะเป็นอย่างไร ทุกเหตุทุกผลเราก็นำเข้ามาเป็นส่วนในการวิเคราะห์ ทิศทางในการปฏิบัติของกระบวนการพวกนี้ค่อนข้างชัดมากขึ้น
พิธีกรรายการถามว่า มองยังไงที่อยู่ดีๆ อดีตนายกรัฐมนตรีก็ร่อนจดหมายจากปักกิ่ง เพียงหนึ่งวันสองวันจากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นว่าไม่เกี่ยวข้อง พล.อ.สนธิตอบว่า มันเป็นทางออกของการชี้แจง เราก็ต้องยอมรับของจริงเป็นยังไงในการชี้แจง มันอาจจะไปด้วยกันก็ได้ หรืออาจจะไปคนละทางก็ได้ อันนี้ก็เป็นเรื่องของการชี้แจง แต่อยากให้มองกันที่ตรงข้อเท็จจริงมากกว่า พิธีกรรายการถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณย้ำในจดหมายคือเรื่องของความอาฆาตมาดร้าย เป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่เกิดความสมานฉันท์ในสังคมไทย และพุ่งเป้ามองว่าที่ คมช.มีความอาฆาตมาดร้ายต่อท่านอดีตนายกฯ พล.อ.สนธิตอบว่า ถ้าคณะ คมช.มีเจตนาอย่างนั้น เราคงจะต้องยึดทรัพย์ หรือทำอะไรอายัดทรัพย์ตั้งแต่ต้นแล้ว เราทุกคนได้ทำด้วยความมีเหตุมีผล เพราะความสมานฉันท์ ฉะนั้นประชาชนหลายๆ คนต้องการว่าให้อายัดได้ยึดทรัพย์ได้ ตนบอกว่าไม่ได้ ประเทศเรายังมีกฎหมาย มีขื่อมีแปอยู่ ทำอะไรทำด้วยเหตุด้วยผล ฉะนั้นจากเหตุผลตรงนี้เองทำให้หลายสิ่งหลายอย่าง ประชาชนยังไม่พอใจทาง คมช.ด้วยซ้ำ แต่ที่เราทำไปนี้ เมื่อมันมีเหตุที่ทางรัฐบาลที่แล้วทำมา ผลมันก็ออกมาจากทางด้านการตรวจสอบ ให้ เห็นว่ามันเป็นอย่างนี้ มันมีกระบวนการอยู่ เราต้องใช้ กระบวนการนี้เข้ามาทดแทนในการปฏิบัติ
เชื่อมีทรัพย์สินซุกอยู่อีกเยอะ
พิธีกรายการถามว่า ถ้ายึดทรัพย์ได้ยึดเลยไม่ดีกว่าหรือ เพราะประชาชนมองว่าสอบสวนกันใช้เวลานานเหลือเกิน ประธาน คมช.ตอบว่าต้องยอมรับว่าในกระบวนของทรัพย์สินทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ต่อสังคม มันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏตามกฎหมาย แต่สิ่งที่มันมีนอกเหนือจากนี้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบอีกมากมาย ไม่จำเป็นจะต้องมาหยิบเงินที่มันอยู่ในบัญชีหรือในทรัพย์สินเอามาใช้ ยังมีอีกที่หลบซ่อนอยู่ ที่ประชาชนยังไม่เห็น
พิธีกรรายการถามต่อว่า ต้องขอถามเกี่ยวกับเรื่อง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้คำพูดว่าคมช.เป็นคนทำเองหรือเปล่า ระเบิดที่เกิดขึ้น ผบ.ทบ.ตอบว่า อยากเรียนว่า วันที่ 19 ก.ย. คือวันที่ตนตัดสินใจ ในการที่จะทำอะไรก็ตาม ถามว่าการตัดสินใจในเรื่องอย่างนี้ มันไม่เกิดขึ้นง่ายๆในสังคมทั่วโลก คนที่ตัดสินใจเชื่อได้ว่ามันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายพอสมควร ในคณะที่เรามาร่วมกันตัดสินใจตรงนั้น เราทำเพื่ออะไร เราทำเพื่อประชาชนใช่ไหม ประชาชนเรียกร้องอยากเห็น วิถีชีวิตใหม่ๆ เห็นสังคมใหม่ๆ เห็นประเทศชาติมีระบอบการปกครองที่ไม่ใช่เป็นอย่างนั้น นั่นคือสิ่งที่มันเกิดขึ้นมา เมื่อเราตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อประชาชน และถามว่าตรงนี้ตนจะไปวางเพื่อจะทำลายประชาชนที่ตนรักที่สุดยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง ตนจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร นี่คือเหตุผลอันหนึ่งที่คิดว่าประชาชนทุกคนต้องเข้าใจตรงจุดตรงนี้
ไม่เคยเอ่ยถึง ?บิ๊กจิ๋ว?
พิธีกรรายการถามว่า แล้วอะไรทำให้ พล.อ.ชวลิต คิดว่าตกเป็นเป้าของความสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิด พล.อ.สนธิตอบว่า ตนตอบไม่ได้ พิธีกรรายการถามว่า มีการเอ่ยชื่อ พล.อ.ชวลิตในที่ประชุมหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า ในที่ประชุมยืนยันไม่เคยมีพูดกันถึงเรื่องของท่าน พล.อ.ชวลิตเลย แต่อย่างว่าเหตุการณ์อย่างนี้ที่เกิดขึ้น คนที่จะวางระเบิดได้ มันมีอาชีพอยู่ คนที่ทำอย่างนี้ได้ไม่กี่คน ก็มีทหาร มีตำรวจ มีเจ้าหน้าที่บางส่วนที่มีความรู้พวกนี้ ฉะนั้น การมองลงมามันก็อาจจะมองไปที่ตรงไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นสิทธิ์ของท่านที่ท่านจะมอง
พิธีกรรายการถามว่า พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พูดระบุถึงขั้นรู้บ้านคนที่เกี่ยวข้องวางระเบิด พล.อ.สนธิตอบว่า การวิเคราะห์มันมีหลายมุม อย่าไปมองว่าเป้าหมายตรงนั้นตรงนี้คือใคร ต้องจับประเด็นทุกเป้า เป้าไหนก็ตามที่มีความใกล้เคียงที่สุด นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ภาพที่มันปรากฏอยู่ของผู้ปฏิบัติ จะบ่งบอกว่าคนนี้คือใคร ก็จะโยงไปสู่ตรงจุดตรงไหน ขีดความสามารถที่ทำได้อย่างนี้มันมีอยู่กี่กลุ่ม คิดว่ามันไปได้ใกล้พอสมควร และที่ตำรวจแถลงเมื่อวานนี้ ก็เห็นชัดเจนว่าความคืบหน้ามันมีมากขึ้น คิดว่าเรื่องของคดีความคืบหน้าไปพอสมควร พิธีกรรายการถามว่า สุดท้ายแล้วอาจจะมีการตัดตอน จนกระทั่งไม่รู้ว่าคนบงการจริงๆนั้นเป็นใคร พล.อ.สนธิตอบว่า มันก็คงแยกส่วนตัดตอนเอาไว้เรียบร้อย ตนเชื่อว่าเค้าต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยมันได้เห็นมีความเข้าใจ ยังไง ทิศทางมันก็มองให้รู้ ทำให้เราวิเคราะห์ได้
พิธีกรรายการถามต่อว่า จะรับมือแก้สถานการณ์ อย่างไร ประธาน คมช.ตอบว่า ในข้อเท็จจริงอันหนึ่งที่เราคนไทยด้วยกันมีความรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ผู้ตัดสินใจในการคิดการดำเนินการมีความรู้สึกเสียใจ ตนคิดอย่างนั้น คิดแบบคนไทยด้วยกัน ก็ต้องมีความรู้สึกเสียใจ ว่าการกระทำคราวนี้มีผลกระทบกับบุคคลทั้งประเทศ นอกจากจิตใจแล้ว มีความรู้สึกอะไรต่อมิอะไรมากมาย ?ผมว่าเค้าคงมีความรู้สึกละอายต่อบาป?
พิธีกรรายการถามว่า อะไรทำให้เชื่อว่าคนทำการรู้สึกสำนึกผิด ผบ.ทบ.ตอบว่า ก็ปรารถนาให้มันเป็นในแง่ดี อย่ามองในแง่ร้าย ตนไม่อยากเป็นบาป อยากมองในแง่ดีมากกว่าว่าคนที่ทำมีความรู้สึกละอาย เชื่อว่า คนที่ทำไม่ใช่น้อยๆ หลายสิบจุด แต่จุดหนึ่งมันต้องใช้คนไม่ใช่ 2-3 คน เป็นหลัก และก่อนจะทำต้องมีขบวนการอีกมากมาย เพราะฉะนั้น คนที่รับรู้ในเรื่องนี้ ตนว่าอย่างน้อยๆครึ่งร้อยขึ้น เชื่อว่าคนเหล่านี้หลายคนมีจิตสำนึกที่ดี หลายคนมีความละอายต่อบาป หลายคนอาจจะเป็นคนที่มีความเคร่งต่อศาสนา เชื่อด้วยว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะนำไปสู่ให้ขบวนการนี้มีความรู้สึกสำนึกมากขึ้น
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์