กรณีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดโบ๊เบ๊กว่า 300 คน รวมตัวตั้งเต็นท์และนำรถบรรทุกขยะของ กทม.ไปขวางถนนบริเวณสี่แยกกษัตริย์ศึกและถนนกรุงเกษม ทำให้รถติดไปทั่วเมือง พร้อมกับร้องตะโกนขับไล่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. กับ ผอ.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาตั้งแผงลอยค้าขายบนทางเท้า โดยความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 ม.ค. พล.ต.ต. วณิช สุรพลชัย ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.น.6 ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปจ. บก.ตปพ. ตำรวจในพื้นที่ บก.น.6 และเจ้าหน้าที่เทศกิจจำนวน 1,000 นาย นำกำลังปิดล้อมกลุ่มผู้ชุมนุมผลักดันให้เข้าไปในถนนบำรุงเมือง เพื่อเปิดการจราจรบางส่วน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปจ.ตั้งแถวขวางถนนใช้โล่ดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ถอยหลังไป เจ้าหน้าที่ กทม.นำรถเจาะถนนและรถตักดิน 5 คัน ขุดรื้อฟุตปาทเพื่อปรับพื้นที่ทันที ทำให้เกิดความโกลาหล กลุ่มผู้ชุมนุมลุกฮือขัดขวาง ขว้างปาก้อนหิน ขวดน้ำ และเก้าอี้ใส่เจ้าหน้าที่ พร้อมกับร้องตะโกนด่านายอภิรักษ์จนเกือบนองเลือด ตร.เร่งเข้าระงับเหตุ จับกุมพ่อค้าแม่ค้าหัวโจ๊กไป 23 คน จากนั้นใช้รถขุดเจาะพื้นฟุตปาทจากแยกสะพานขาว ถนนหลานหลวงตั้งแต่สะพาน 1 จนถึงสะพาน 5 ใช้เวลาเกือบ 3 ชม.
น.ส.จริยา ฮวดเจริญ อายุ 31 ปี หนึ่งในกลุ่มแม่ค้า กล่าวว่า พวกเรามาปักหลักชุมนุมเนื่องจากทาง กทม.นำรถขยะมาจอดขวางบริเวณริมฟุตปาท ซึ่งเคยเป็นแผงค้าขาย โดยอ้างว่านำมาเก็บขยะจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ตลาดที่ผ่านมา โดย กทม.จะให้ไปขายสถานที่ใหม่ซึ่งมีค่าเช่าแผงแพงและเป็นของเอกชน ผู้ค้าต้องเดือดร้อนกว่า 4,000 ราย บางรายเพิ่งจะซื้อสินค้าหลายแสนบาทยังขายไม่ได้ทุนคืนเลย
พ.ต.ท.ยุทธนา ปุญชรัศมิ์ รอง ผกก.(สส.) สน.พลับพลาไชย 1 กล่าวว่า ขณะนี้จับผู้ค้าทั้งหมด 23 คน แยกเป็นชาย 15 คน หญิง 8 คน ดำเนินคดี 5 ข้อหา มี มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำผิดให้เลิกไป ผู้ใดไม่เลิกต้องถูกดำเนินคดี ห้ามมิให้ผู้ใดเดินแถวในลักษณะกีดขวางการจราจร ห้ามมิให้ผู้ใดออกไปกลางทางโดยไม่มีเหตุอันควร และกระทำด้วยประการใดๆบนทางอันเป็นการกีดขวางการจราจร โดยแยกขังผู้ต้องหาไปควบคุมที่ สน.ยานนาวา 18 คน สน.สำราญราษฎร์ 2 คน สน.พลับพลาไชย 2 จำนวน 2 คน และ สน.บางรัก 1 คน ไม่ให้ประกันตัว ในวันที่ 6 ม.ค. จะนำผู้ต้องหาทั้งหมดไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลแขวงดุสิต
ต่อมา พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.น.6 เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ธีระ เกสร พงส.(สบ.3) สน.พลับพลาไชย 1 ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.คำกุล นนทศิริ อายุ 38 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้า ข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ พ.ต.อ.สุพิศาลกล่าวว่า ขณะควบคุมกำลังปจ.และจับกุมผู้ที่ขัดขวาง น.ส.คำกุลได้ชกใบหน้าบริเวณจมูก มีเจตนาทำร้ายร่างกาย และยังมีตำรวจบาดเจ็บอีกมาก เช่น ถูกกัด ถูกของแข็งปาใส่ ต้องแจ้งความดำเนินคดีเช่นกัน จะพิจารณาหลักฐานจากภาพถ่าย หากพบว่าใครที่เป็นแกนนำจะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวทาง บช.น.เห็นควรให้ยกเลิกจุดผ่อนผันและออกประกาศห้ามขายมานานแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดคงไม่มีใครอยากใช้ความรุนแรง แต่ผู้ชุมนุมมาปิดถนนทำให้การจราจรติดขัด หลังจากนี้ทาง กทม.จะจัดเจ้าหน้าที่ เทศกิจและขอความร่วมมือกับตำรวจให้ประจำจุดต่างๆ ไม่ให้มีการค้าขาย และปรับปรุงภูมิทัศน์ริมถนนกรุงเกษมเพื่อให้เกิดความสวยงาม ขณะเดียวกัน ยังเปิดให้ผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊ไปลงชื่อแจ้งขอความช่วยเหลือที่ สนง.เขตป้อมปราบฯ ส่วนผู้ค้าที่ประสงค์จะย้ายไปขายในตลาดทรัพย์สินพัฒนาซึ่งอยู่ใกล้ๆกันก็สามารถทำได้ เพราะขณะนี้ปรับปรุงอาคารเพื่อรับรองไว้หมดแล้ว
ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองโฆษกสภาทนายความ และ ส.ส.ร. ภาคเอกชน เปิดเผยว่า วันนี้ได้มี ผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊มาขอความช่วยเหลือ จึงแยกเป็น 2 ส่วน เป็นผู้ต้องหาในคดีชุมนุมกันตั้งแต่ 10 คนเพื่อก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และข้อหาอื่นๆ ในส่วนนี้มี 22 คน ทางสภาทนายความจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือ จัดทนายความเข้าฟังการสอบสวนและแนะนำการประกันตัว ส่วนที่ 2 ผู้ค้าได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าไปค้าขายในพื้นที่ ซื้อขายสิทธิ์จากผู้จับจองพื้นที่มาก่อน มีการลงทุนและทำสัญญาซื้อขายกันเอง มีการจ่ายเช็คหรือตั๋วเงิน จะตรวจสอบว่าจะมีสิทธิ์ในการค้าขายหรือไม่ สภาทนายความพร้อมเป็นสื่อกลางเจรจาระงับข้อพิพาทระหว่าง กทม.กับผู้ค้า โดยจะเชิญนายอภิรักษ์ พบกับฝ่ายผู้ค้า เพื่อไกล่เกลี่ยในวันจันทร์ที่ 8 ม.ค.นี้
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์