แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ภายในประเทศ

แจ้งระเบิดวุ่นทั้งวัน ขู่ป่วนร.ร. บิ๊กจิ๋วเดือดโต้คมช. ( ข่าวทั่วไป )

ภาพประกอบ ข่าวสาร ข่าวทั่วไป : แจ้งระเบิดวุ่นทั้งวัน ขู่ป่วนร.ร. บิ๊กจิ๋วเดือดโต้คมช.

จากเหตุการณ์คนร้ายก่อวินาศกรรมลอบวางระเบิดสะท้านกรุงในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค. ถึง 8 จุดตามแหล่งชุมชนและป้อมตำรวจจราจร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บอีก 20 กว่าคน หลังเกิดเหตุ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านการข่าวและความมั่นคง พุ่งเป้าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุความรุนแรงเป็นกลุ่มบุคคลที่สูญเสียผลประโยชน์ทางการเมือง พร้อมเรียกอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยหลายคนไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายชี้แจงยาวกว่า 2 หน้ากระดาษ จวกพวกอาฆาตมาดร้ายสุมหัวร่วมกล่าวหา ออกตัวสาบานไม่เคยคิดทำร้ายประชาชน

ผบ.ตร.รุดเยี่ยมคนเจ็บ

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 ม.ค. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ บาดเจ็บจากเหตุระเบิดวันส่งท้ายปีที่ รพ.ราชวิถี รพ.จุฬาฯ และ รพ.ตำรวจ ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจพร้อมดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนหลังเกิดเหตุ โดยประสานความร่วมมือกับทหารอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขณะนี้ยังไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ส่วนที่มีกระแสข่าวปลด ผบ.ตร.นั้น พล.ต.อ.โกวิทกล่าวเพียงสั้นๆว่า ?ไม่มีอะไร?

ทางด้านอาการผู้บาดเจ็บนั้น นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข แถลงว่า หลายคนอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า 1 ราย คือ นายยงสิน บุญมาก อายุ 44 ปี รับประทานอาหารได้ ที่ รพ.รามาธิบดี 2 ราย ได้แก่ น.ส.อาจารี มีธนะทรัพย์ อายุ 21 ปี ที่กระดูกขาขวาหัก เส้นเลือดขาด มีบาดแผลที่ทรวงอก รักษาตัวที่ห้องไอซียู อาการทั่วไปดีขึ้น และนายปิติญา รัชกุล อายุ 45 ปี มีบาดแผลที่สะโพกซ้าย หลังผ่าตัดเอาสะเก็ดระเบิดออกก็ดีขึ้นเช่นกัน ที่ รพ.จุฬาฯ 5 ราย มีนางใบ วรรณวงศา อายุ 21 ปี ด.ญ.ธัญศินี มังกร อายุ 12 ปี นายคำพันธ์ อาจโยธา อายุ 34 ปี นายคำดี มณีแสง อายุ 40 ปี และ น.ส.ชลัดดา ติจะนา อายุ 18 ปี ทั้งหมดทำแผลแล้วอาการดีขึ้น ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ จำนวน 2 ราย คือ น.ส.มาริน่า โควาโค่ อายุ 35 ปี ยังพักรักษาตัวที่ห้องไอซียู แต่อาการดีขึ้น และ น.ส.วรรณโสภา จันทร์ศรีนะ อายุ 23 ปี มีแผลที่ท้องและตา ยังปวดแผลเล็กน้อย รับประทานอาหารได้ เดินได้ และที่ รพ.ตำรวจ 2 ราย คือ นายดวงจันทร์ โลนุช และนายโจแรม อายุ 55 ปี ก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ

นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมอาการของผู้ป่วยที่พักรักษาตัวอยู่ตามตึกต่างๆของ รพ.ราชวิถี ว่า ผู้ป่วยทั้ง 5 รายอาการดีขึ้น รวมทั้งนายสำรวย สีดาว ชาวศรีสะเกษ ที่นอนห้องไอซียู เนื่องจากเส้นเลือดแดงที่ขาขาด แพทย์ได้ผ่าตัดต่อเส้นเลือดและให้เลือดไปถึง 15 ยูนิต ขณะนี้ดีขึ้นมาก ผู้ป่วยหายใจได้เอง รู้สึกตัวดี ส่วน น.ส.อ้อมใจ พงษ์พรเชษฐา ที่ถูกสะเก็ดระเบิดแผลค่อนข้างลึก แผลยังมีเลือดน้ำเหลืองซึม แต่ทั่วไปไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สามารถยืนและเดินได้เอง ?จากการส่งทีมจิตแพทย์เข้าไปประเมินสภาพจิตใจของผู้ป่วยทุกราย ส่วนใหญ่มีสุขภาพจิตดี ทุกรายพูดตรงกันว่า ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่เสด็จเยี่ยม ทำให้กำลังใจดีขึ้นมาก? นพ.ชาตรีกล่าว

นครบาลระดมทีมคลี่ปม

สำหรับการสืบสวนหามือบึมเขย่าขวัญคนกรุง พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคลี่คลายเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นหลายแห่งในพื้นที่ กทม. ระดมมือสืบสวนสอบสวนจำนวน 42 นาย มี พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น.เป็น หัวหน้า พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.และ พล.ต.ต.กมล แก้วสุวรรณ รอง ผบช.น.เป็นรองหัวหน้า ส่วนคณะทำงาน ประกอบด้วย พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.หน.ศส.บช.น. พ.ต.อ.จักรี ภู่พันธ์ศรี รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ศานุจารย์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.สนั่น อิ่มใจ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชาญ ชุณหวงศ์ รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.อ.วรนิตย์ สวนคร้ามดี ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ศส.บช.น. พ.ต.อ.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ศส.บช.น. พ.ต.อ. สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ศส.บช.น. รวมทั้ง รอง ผกก.สส.กับ สว.สส.ในท้องที่เกิดเหตุทั้งหมด 6 โรงพัก

แนวทางการสืบสวนของ บช.น. พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 และ พ.ต.ท.ธันยวีร์ วงศ์รัตน์ สว.ศขว.ศสส.ภ.7 ที่เคยไปปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการ ตร. ส่วนหน้า จ.ยะลา รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มงานเก็บกู้ และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ. ได้นำแผนประทุษกรรมและพยานหลักฐานเกี่ยวกับวัตถุระเบิดหลายแห่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเปรียบเทียบกับหลักฐานชิ้นส่วนระเบิดที่เกิดขึ้นกลางกรุงเมื่อวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา เพื่อวิเคราะห์กลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ก่อวินาศกรรมป่วนเมืองในครั้งนี้ว่า จะพัวพันขบวนการโจรก่อการร้ายที่ภาคใต้ขึ้นมาสร้างความปั่นป่วนหรือไม่

จงใจเหมือนเพื่อเบี่ยงประเด็น

พยานหลักฐานชิ้นส่วนระเบิดจำนวน 7 จุดที่เกิดในพื้นที่ กทม.และ สภ.อ.เมืองนนทบุรี พบว่ามีส่วนเหมือนกับอุปกรณ์ที่ใช้จุดระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายครั้ง เช่น ใช้กล่องเหล็กบรรจุระเบิด โดยใช้นาฬิกาดิจิตอล ยี่ห้อคาสิโอ เป็นตัวจุดชนวน ใช้สเปรย์ดับกลิ่นกายแบบผู้ชายยี่ห้อเอ็กซ์ซิส ยัดเพาเวอร์เจลไว้ด้านในก่อนต่อวงจรกระแสไฟฟ้ากับถ่ายไฟฉาย 9 โวลต์ เพื่อให้ระเบิดทำงานตามเวลาที่กำหนด ซึ่งรูปแบบของระเบิดกลางเมืองหลวงครั้งนี้ ชุดสืบสวนสอบสวนเชื่อว่า คนร้ายจงใจให้เหมือนกับกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนทางภาคใต้ หวังเบี่ยงเบนประเด็นการทำงานคลี่คลายคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า

ได้เค้ามือบึมห้างซีคอน

ส่วนระเบิดที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ ท้องที่ สน.ประเวศนั้น การประกอบระเบิดมีลักษณะคล้ายกัน เพียงแต่เปลี่ยนมาบรรจุใส่กล่องมันฝรั่งยี่ห้อ พรินเกิ้ลแทน เนื่องจากจุดที่นำระเบิดไปหย่อนเป็นถังขยะใสที่ศูนย์การค้าทำขึ้นพิเศษ สามารถมองได้ทะลุ ปรุโปร่ง หากใช้กล่องเหล็กไปโยนจะทำให้สังเกตได้ง่าย ซึ่งบริเวณศูนย์การค้าซีคอนสแควร์จุดนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสผู้ต้องสงสัยแล้วจากกล้องวงจรปิด ยืนยันเป็นชายอายุประมาณ 20 ปีเศษ สวมกางเกงยีน เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน รูปร่างสูงโปร่ง ผิวดำ หัวเกรียน มีท่าทางลุกลี้ลุกลน หลังนำกล่องมันฝรั่งไปหย่อนแล้วรีบออกจากห้างในทันที ใช้เวลาปฏิบัติการเพียงแค่ 5 นาที

มุ่งเรื่องการเมืองมากที่สุด

ค่ำวันเดียวกัน พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. เดินทางไปที่ศูนย์สืบสวน บช.น. เรียกประชุมทีมสืบสวนคลี่คลายคดีของนครบาล และ บช.ก. เพื่อนำพยานหลักฐานและเทปกล้องวงจรปิดจากจุดเกิดเหตุในที่ต่างๆ ที่ได้มาเพิ่มเติมไปวางแนวการสืบสวนหาความคืบหน้าของรูปคดี เบื้องต้น ทีมสืบสวนยังไม่สรุปประเด็นการก่อวินาศกรรมครั้งนี้มาจากเรื่องใด แต่ยังคงให้น้ำหนักไปในประเด็นความขัดแย้งทางเมืองที่ค่อนข้างรุนแรงมากกว่าเป็นฝีมือของกลุ่มขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดน โดยมีการนำแฟ้มข้อมูลเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กทม. หลายแห่งเมื่อปี 2549 สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไปวิเคราะห์เปรียบเทียบหาความเหมือน และแตกต่างของรูปแบบการระเบิดด้วย

พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานกว่า 10 ปากแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้บาดเจ็บและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยังไม่สามารถให้การอะไรที่เป็นประโยชน์ สำหรับภาพโทรทัศน์ วงจรปิดแต่ละจุดนั้น เมื่อนำมาดูภาพไม่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงให้ฝ่ายเทคนิคไปตรวจสอบก่อน โดย พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดทำคดีด้วยความรอบคอบ ตรงไปตรงมายึดพยานหลักฐานเป็นหลัก จึงขอความร่วมมือกับประชาชนหากรู้เบาะแสกลุ่มคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัย สามารถโทร.แจ้งมาที่หมายเลข 191 ตลอด 24 ชั่วโมง ตำรวจจะปิดเป็นความลับพร้อมทั้งให้ความคุ้มครองเป็นอย่างดี

พฐ.ระบุผลตรวจที่เกิดเหตุ

พล.ต.ต.แสงชัย สุวัฒน์ภักดี ผบก.พฐ. กล่าวว่า การตรวจสถานที่เกิดเหตุระเบิดพบบริเวณตู้โทรศัพท์หน้าห้างเกษร พลาซ่า ถนนราชดำริ ผลตรวจแยกทางเคมี มีสารแอมโมเนียไนเตรต เป็นส่วนประกอบระเบิดชัดเจนเพียงจุดเดียวจึงได้ส่งผลตรวจสถานที่เกิดเหตุให้กองสรรพาวุธ นำไปวิเคราะห์ยืนยันชนิดระเบิดแล้ว สำหรับสารแอมโมเนียไนเตรตเป็นสารประกอบระเบิดทั่วไป ไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่จะใช้เท่านั้น เป็นสารที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ใครก็ได้ที่มีความรู้ในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับการทำระเบิดมีการสอนในอินเตอร์เน็ต ทางเว็บไซต์ของต่างประเทศด้วย

ผบก.พฐ.กล่าวอีกว่า สารแอมโมเนียไนเตรตเป็นส่วนผสมที่พบในระเบิดที่อยู่ในรถยนต์ยี่ห้อแดวู ของกลางในคดีคาร์บอมบ์หมายสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าเกี่ยวข้องกัน เพราะในการประกอบระเบิดส่วนใหญ่จะใช้สารดังกล่าวอยู่แล้ว และ ยังไม่มีสิ่งใดเชื่อมโยงได้ว่า จะพัวพันกับคดีระเบิดที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เช่น เหตุระเบิดหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เหตุระเบิดที่เกิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่หน้ากระทรวงยุติธรรม

โผล่เว็บไซต์อ้างบงการบึม

มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า คณะทำงานสืบสวนสอบสวนชุดใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. คุมงานสอบสวน และ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา คุมงานสืบสวน ยังมีคำสั่งให้ชุดทำงานตรวจสอบเว็บไซต์ของนายทหารคนหนึ่ง ที่มีการตั้งกระทู้ถึงเรื่องระเบิดวันเคาต์ดาวน์ ส่งท้ายปีที่ผ่านมา อ้างตัวเองอยู่เบื้องหลังการลอบวางบึมเขย่ากรุงที่เกิดขึ้นยกเหตุผลว่า รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่เล่นตามกติกา จึงใช้แนวร่วม ผกค.เก่านำระเบิดไปวางฉลองปีใหม่รัฐบาล อีกทั้งยังพูดถึงการระเบิดที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สันติอโศก พรรค ปชป. และพรรค ทรท. ที่ผ่านมาด้วย

โรคจิตขู่บอมบ์ทั่วเมือง

ขณะเดียวกัน ยังคงมีผลพวงจากเหตุก่อวินาศกรรมป่วนเมืองที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีอาศัยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยจนสร้างความโกลาหลสั่นประสาทชาวกรุงและปริมณฑลตลอดทั้งวัน เริ่มต้นเวลา 08.00 น. พ.ต.ท.แบงค์ บังนวล พงส.(สบ 2) สน.พหลโยธิน รับแจ้งจากนางบรรจง บุญรอด อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดของกรุงเทพมหานคร เขตจตุจักร ว่า มีกล่องต้องสงสัยวางอยู่ในถังขยะที่หน้าร้านโออิชิ ฝั่งตรงข้ามแดนเนรมิต ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. เมื่อไปตรวจสอบพบกล่องของขวัญขนาด 4x4 นิ้ว 2 กล่อง ห่อกระดาษสีแดงและสีชมพูผูกโบมี ส.ค.ส.สวัสดีปีใหม่ ลงชื่อนายณัฐพล ฮวดชัย ติดอยู่หน้ากล่อง ภายในบรรจุแก้วน้ำเซรามิกแบบมีฝาปิดอยู่ในกล่อง จึงติดต่อเจ้าของ ส.ค.ส.มาสอบถามต่อไป

5 โรงเรียนดังขวัญกระเจิง

เวลาไล่เลี่ยกัน มีโทรศัพท์ลึกลับขู่วางระเบิดโรงเรียนถึง 5 แห่ง ชนิดที่ครู อาจารย์ขวัญผวาต้องอพยพนักเรียนออกมากันวุ่นวาย เพราะไม่แน่ใจในความปลอดภัย ตั้งแต่ รร.สรรพาวุธวิทยา ถนนทางรถไฟสายเก่า แขวงและเขตบางนา กทม. โรงเรียนประกาศหยุดเรียนทันทีเพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของกรมสรรพาวุธ ทหารเรือ เข้าไปตรวจสอบ ไม่พบวัตถุต้องสงสัย เช่นเดียวกับ รร.กิ่งเพชร ซอยเพชรบุรี 10 แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. ได้ให้นักเรียนกลับบ้าน ก่อนนำเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดและสุนัขตำรวจ เข้าตรวจหาทั่วโรงเรียนก็ไม่พบระเบิด ส่วนที่นนทบุรี มี รร.วัดเขมาภิรตาราม รร.ศรีบุณยานนท์ และ รร.การัญศึกษา โดนโทรศัพท์ขู่บึม พอเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดของ บก.ภ.จ.นนทบุรี เข้าตรวจค้นในแต่ละแห่งใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงก็ไม่พบ

เยาวราชด่ากันตรึม

รายต่อมาเวลาเที่ยง พ.ต.ท.รวิภาส น่วมลิวงศ์ รอง ผกก.ป.สน.พลับพลาไชย 1 ไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่หลังคาตู้โทรศัพท์สาธารณะ หน้าร้านเสริมสวย ?อาหย่ง? เลขที่ 487 ซอยเจริญกรุง 23 แขวงและเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. พบถุงกระดาษสีน้ำตาลลายเขียวขนาดกว้าง 20 ซม. ยาว 30 ซม. มีตะแกรงพลาสติกสีขาววางทับอยู่ จึงประสานกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์ วัตถุระเบิด บก.ตปพ.ร่วมตรวจสอบ พร้อมปิดถนน และกันชาวบ้านออกห่างพื้นที่ ท่ามกลางความแตกตื่นเพราะอยู่ใกล้ย่านธุรกิจดังเยาวราช เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้ปืนน้ำแรงดันสูงยิงทำลายพบเป็นเพียงถุงกระดาษเปล่า เล่นเอาชาวบ้านด่ากันขรม เนื่องจากทำให้การจราจรติดขัดยาวเหยียด

ลามถึงหนังสือพิมพ์ดัง

อีกราย มีชายลึกลับโทรศัพท์ขู่วางระเบิดอาคารเดอะเนชั่น เลขที่ 44 หมู่ 10 ถนนบางนา-ตราด กม. 4.5 แขวงและเขตบางนา กทม. เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ของทหารและสุนัขตำรวจใช้เวลาครึ่งชั่วโมงไปตรวจสอบไม่พบวัตถุต้องสงสัย ส่วนที่เกาะกลางทางขึ้นสะพานกลับรถ หน้าฐานทัพอากาศ ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. มีคนนำถุงพลาสติกหูหิ้วขนาดใหญ่ลายน้ำเงินแดงไปวางทิ้งไว้ ชาวบ้านแตกตื่นรีบแจ้งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดสรรพาวุธทหารอากาศไปตรวจดู พบเป็นแค่ถุงใส่เสื้อผ้าผู้หญิง

ป่วนซ้ำหน้าเกษรพลาซ่า

บ่ายวันเดียวกัน รปภ.ห้างเกษรพลาซ่า ฝั่งตรงข้ามศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน พบกระเป๋าสะพายสีดำ ทับบนหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งวางทิ้งอยู่ในโทรศัพท์สาธารณะ จุดเดียวกับที่เกิดเหตุบึมรับวันปีใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ต้องปิดถนนราชดำริ เพราะเกรงจะเกิดเหตุซ้ำรอยเดิม ที่แท้เป็นแค่กระเป๋าบรรจุยาเส้น 1 ห่อ ผ้าเช็ดหน้า 1 ผืน กล่องใส่บุหรี่ 1 กล่อง เสื้อ กางเกงผู้ชาย 1 ชุด สอบสวนนายนรินทร์ คันทะนาด อายุ 30 ปี รปภ.ห้างดังกล่าว ให้การว่า มีชาวต่างชาติพาไปชี้ให้ดูกระเป๋าวางอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ กลัวเป็นระเบิด จึงยืนรอว่าใครเป็นเจ้าของ แต่รออยู่ครึ่งชั่งโมง ไม่มีใครมาแสดงตัวจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

แบงก์ทหารไทยกู้ระทึก

เวลา 16.00 น. พ.ต.อ.ไพศาล คชทรัพย์ ผกก.สน.บางซื่อ รับแจ้งพบกระเป๋าสะพายต้องสงสัย วางทิ้งอยู่ปากประตูทางเข้า-ออกธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ ปากซอยเฉยพ่วง ถนนพหลโยธินขาเข้า แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ก่อนปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุ นำยางล้อรถยนต์ครอบไว้ แล้วใช้ปืนอัดฉีดน้ำแรงดันสูงยิงทำลาย พบเป็นกระเป๋าคาดเอวสีดำ ภายในไม่มีสิ่งของบรรจุอยู่ คาดว่าเป็นพวกก่อกวนป่วนเมือง รายสุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ตรวจสอบกระเป๋าต้องสงสัยวางไว้ข้างร้านเสริมสวยไม่มีชื่อ ปากซอยธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางเขน ฝังตรงข้ามห้างเมเจอร์ รัชโยธิน แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ก่อนตัดสินใจใช้ปืนอัดฉีดน้ำแรงดันสูงยิงทำลายกลายเป็นแค่เสื้อผ้า 2-3 ชุด ซีดีหนังโป๊ 10 แผ่น สอบพยานเห็นชายวัยรุ่นไว้ผมยาวประบ่า ผิวคล้ำ สูง 170 ซม. นำกระเป๋ามาวางไว้แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว น่าเชื่อเป็นพวกป่วนเมือง

โฆษก บช.น.เตือนระวังเจอคุก

พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า อยากขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสผู้ต้องสงสัย รวมถึงตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่สร้างความปันป่วนให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองด้วยการโทรศัพท์ข่มขู่ว่าจะเกิดระเบิด เพราะเห็นแก่ความสนุกและกระทำการด้วยความคึกคะนอง ขอเตือนว่าหากถูกจับกุมจะต้องถูกดำเนินคดีถึงขั้นติดคุกในทันที มีตัวอย่างมาแล้วที่ศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือนโดยไม่มีการรอลงอาญา

โฆษก บช.น.กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.- 3 ม.ค.ที่ผ่านมา มีพลเมืองดีแจ้งข้อมูลเบาะแสต้องสงสัยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบจำนวน 119 ครั้งด้วยกัน เป็นการโทรศัพท์แจ้งทางศูนย์ผ่านฟ้าว่า พบวัตถุต้องสงสัย เมื่อเข้าตรวจสอบเป็นสิ่งของจริง แต่ไม่ใช่ระเบิด ส่วนใหญ่จะเป็นถุง กล่อง และกระเป๋าที่วางทิ้งไว้ นับเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างยิ่ง ส่วนการโทร.ขู่วางระเบิดทั่ว กทม. มี 23 ครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดทั้งตำรวจ-ทหารเข้าไปตรวจสอบตามจุดต่างๆแล้วไม่พบมีระเบิดแต่อย่างใด ขอขอบคุณประชาชนพลเมืองดีที่ร่วมกันเป็นตาวิเศษหรือตาสับปะรดของสังคม ที่จะช่วยมองและค้นหาสิ่งแปลกปลอม โดยเฉพาะกรณีวางระเบิดที่ทำให้ประชาชนหวาดวิตกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนว่าอย่าตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ทุกส่วนกำลังทุ่มเททำงานกันเต็มที่เพื่อให้ กทม.สงบเรียบร้อย

ตลาดหุ้นเจอผลกระทบ

หลังเกิดการขู่วางระเบิดและแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยทั่วเมืองตลอดทั้งวัน ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยที่เปิดทำการวันแรกรับปี 50 ไปด้วย เมื่อนักลงทุนพากันถอดใจเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก เพราะกังวลกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดัชนีหุ้นไทยดิ่งลงทันทีที่เปิดตลาด โดยปรับตัวลงไปกว่า 25 จุด การซื้อขายภาคเช้ายังมีแรงซื้อกลับเข้ามา แต่ในช่วงบ่าย มีกระแสข่าวลือ พบระเบิดตามจุดต่างๆทั่ว กทม. สะพัดเข้ามาป่วนบรรยากาศการลงทุน กดให้ดัชนีปรับตัวลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 653.14 จุด ลดลง 26.70 จุด ก่อนเคลื่อนไหวมาปิดตลาดที่ 659.25 จุด ลดลง 20.59 จุด ทั้งนี้ มีแรงเทขายออกมาอย่างหนักจากนักลงทุนต่างชาติและกองทุนรวม รวมทั้งนักลงทุนสถาบันในประเทศ ตลอดทั้งวันมีมูลค่าการซื้อขายรวม 15,460 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 249 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 473 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อย กลับเป็นกลุ่มที่เข้ามาซื้อสุทธิ 723 ล้านบาท

ครม.มีมติจี้จับมือระเบิด

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.40 น. พล.อ.สุรยุทธ์ เดินทางไปเป็นประธานประชุม ครม. ใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง ก่อนเผยถึงผลการประชุมว่าได้หารือกันนานพอสมควรในเรื่องเหตุลอบวางระเบิดที่ผ่านมา โดย ครม.มีมติที่สำคัญประเด็นแรก คือ หาทางนำผู้ดำเนินการมาดำเนินการตามกฎหมายให้ได้ ประเด็นที่สอง คือเรื่องการป้องกัน เพราะในเดือน ม.ค.นี้ จะมีงานสำคัญ คืองานวันเด็กแห่งชาติ ต้องป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมาด้วยความรอบคอบ โดยส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องจะได้หารือร่วมกันและเสนอแนวทางมาตรการ รวมทั้งวิธีการดำเนินการภายในวันที่ 5 ม.ค. นี้ เพื่อจะมีการชี้แจงทำความเข้าใจให้กับเยาวชนผู้ปกครองให้ทราบว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร ทั้งเรื่องการจัดงานและมาตรการรักษาความปลอดภัย ไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนอย่างช่วงปีใหม่

ใช้ กอ.รมน.เป็นหน่วยเฝ้าระวัง

พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวต่อว่า ในมาตรการระวังป้องกัน ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะเป็นหน่วยประสานงานดูแลเฝ้าระวังในช่วงเวลาต่อไปว่า จะต้องมีมาตรการอะไรบ้าง มีวิธีการเฝ้าตรวจเพิ่ม หรือใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง แต่ส่วนที่สำคัญคือการขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคน จำเป็นต้องหาทางแก้ไขภัยรูปแบบใหม่ อยากให้ประชาชนช่วยระวังกันมากขึ้น สำหรับสิ่งที่ได้ดำเนินการในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานั้น เป็นมาตรการเริ่มต้น มีการรวมศูนย์ของจุดที่จะสามารถรายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบได้ หากมีผู้ใดสังเกตเห็นสิ่งหรือบุคคลที่น่าสงสัย

ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถระบุได้หรือไม่ว่าการวางระเบิดเป็นฝีมือใคร พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่จะหารือกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไปเพื่อให้ได้ข้อมูลแล้วนำเรียนให้ประชาชนทราบความคืบหน้าให้เร็วที่สุด เมื่อถามว่า ที่นายกฯเคยชี้ว่าเป็นกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ทางการเมือง ตอนนี้ระบุได้หรือยังว่าเป็นกลุ่มใด พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า เป็นเชิงวิเคราะห์ทางด้านการข่าวเท่านั้น สิ่งที่ระบุเมื่อวันที่ 1 ม.ค. เป็นการวิเคราะห์ ของเจ้าหน้าที่ที่ได้วิเคราะห์จากจำนวนวัตถุระเบิดที่วางในจุดต่างๆ ห้วงเวลาที่กำหนดให้เกิดขึ้น และปริมาณชนิดของวัตถุระเบิด น่าจะเป็นการหวังผลทางการเมือง เป็นเรื่องการวิเคราะห์ทางด้านการข่าว แต่ยังไม่สามารถระบุเป้าชี้ชัดลงไปได้ คงจะรอการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะตำรวจที่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

ยันมุ่งกลุ่มผู้เสียประโยชน์

ต่อข้อถามว่า ผู้ก่อความไม่สงบหวังผลทางการเมืองถึงขั้นไหน พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ก็ทำให้เกิดความระส่ำระสายขึ้น ลดความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เป็นเรื่องที่สามารถวิเคราะห์ได้เพียงเท่านี้ เมื่อถามว่าจากข้อมูลหลักฐานที่รวบรวมได้สามารถสาวไปถึงผู้อยู่ เบื้องหลังหรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบว่า ยังไม่มีหลักฐาน ขอติดตามข้อมูลจาก กอ.รมน.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อน ยังไม่มีอะไรเพิ่มจากที่ได้ให้สัมภาษณ์ไปเมื่อ วันที่ 1 ม.ค. ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะมีเหตุระเบิดมากมายถึงขั้นจะมีคาร์บอมบ์ ด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ก็คงจะฟังในหลายเรื่องหลายส่วนราชการ

เมื่อถามว่ากรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาตอบโต้ว่าขนาดเหตุระเบิดในภาคใต้ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ แต่กรณีเหตุที่เกิดขึ้นใน กทม.ทำไมผ่านมาแค่ 1 วันก็สามารถระบุได้เลยว่าเป็นกลุ่มใด พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ?ผมเรียนได้แต่เพียงว่า เราวางน้ำหนักไว้ตรงไหน ผมไม่ได้ชี้ชัด ผมวางน้ำหนักไว้ว่าในส่วนของใครเท่านั้น ไม่ได้ชี้บุคคลเลย ทางสื่อมวลชนก็ต้องช่วยทำความเข้าใจตรงนี้ด้วย ผมคิดว่า สื่อมวลชนคงไม่อยากให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก ถ้ามีสื่อแห่งใดที่คิดจะใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าท่านมองภาพในลักษณะที่ไม่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง?

เตรียมติดวงจรปิดทั่วกรุง

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเพิ่มเติมว่า ครม.ได้หารือถึงกรณีมีผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ กทม. ซึ่งนายกฯมอบหมายให้ กอ. รมน.พิจารณามาตรการป้องกัน ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะการติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวีในพื้นที่สาธารณะของ กทม.ที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ปัจจุบันมีการใช้ระบบนี้อยู่แล้ว แต่มีอุปสรรค คือ กล้องบางตัวเสีย การซ่อมแซมและอะไหล่ค่อนข้างแพง ดังนั้น กระทรวงไอซีทีจะประสานกับ กอ.รมน.ที่จะเป็นคนกลางดำเนินการแก้ไขกล้องวงจรปิด และจะซื้อเพิ่มเติมในหลายจุด เน้นจุดที่จะติดตั้งคือบริเวณสี่แยกหลักและที่สาธารณะ นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการผลิตเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือหรือแจมเมอร์ แต่ที่ผ่านมา มีการจัดซื้อจากต่างประเทศ ราคาค่อนข้างแพง

ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า นอกจากนี้ รมว.คมนาคมได้รายงานการจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยคมนาคม โดยให้ดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ โดยเฉพาะที่สนามบินสุวรรณภูมิ สถานีทุกสายและท่าอากาศยานในต่างจังหวัด ขณะเดียวกัน พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ได้ส่งกำลังทหารเข้าไปดูแลพื้นที่บริเวณสนามบินมากขึ้น ส่วน นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข เตรียมเสนอ พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.อีเอ็มเอส เพื่อให้การบริหารจัดการการแพทย์ฉุกเฉินมีมากยิ่งขึ้น สำหรับ รมว. ต่างประเทศรายงานปฏิกิริยาของประเทศตะวันตกและการชี้แจงทูต ขณะที่นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอการแก้ปัญหาเรื่องถังขยะ โดยในยุโรปได้มีการทำถังขยะแบบโปร่งใส สามารถมองเห็นได้ ซึ่งจะเสนอให้ภาคเอกชนดำเนินการต่อไป

?บุญรอด? รับประมาท

ในการประชุม ครม. พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว. กลาโหม ได้กล่าวรายงานว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดดังกล่าวส่งผลกระทบไปทุกส่วน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และจิตวิทยา คนกระทำต้องการดิสเครดิตรัฐบาลและ คมช. ซึ่งรายงานด้านการข่าวทราบมาก่อนแล้วว่าเกิดเหตุขึ้นในช่วงปีใหม่ แต่ไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจนและได้แจ้งเตือนทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ประมาทและหละหลวมไปหน่อยที่ไม่ได้ไปตรวจตราจึงเกิดเหตุขึ้น ดีที่ยังสามารถสกัดบางส่วนไปได้หลายจุด ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุมากกว่านี้

ฉะสื่อเสนอข่าว จม. ?ทักษิณ?

นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม ยังได้กล่าวตำหนิสื่อของรัฐในที่ประชุมถึงกรณีที่มีการนำจดหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มานำเสนอเป็นข่าวอย่างละเอียด ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน และเปิดช่องทางให้มีการโจมตีรัฐบาล เหมือนเป็นการแย่งชิงพื้นที่ข่าว และเบี่ยงเบนประเด็นการลอบวางระเบิด ทำให้นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯในฐานะกำกับดูแล อสมท และดูแลงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ได้ชี้แจงว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ในการจะขอความร่วมมือจากสื่อ เพราะมีการพูดเสมอว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะเข้าไปแทรกแซงจำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อ

บัวแก้วนัดคณะทูตแจง

นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า วันที่ 4 ม.ค. เวลา 11.00 น. กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญผู้แทนจากเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ต่างประเทศประจำประเทศไทย 96 แห่ง และองค์การระหว่างประเทศ 29 แห่ง มารับฟังคำชี้แจงจากนายกฤษณ์ กาญจนกุญชร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ข้อมูลตรงกับข้อเท็จจริง พร้อมทั้งตอบคำถามหรือข้อสงสัยของคณะทูต

คมช.จี้ ?โกวิท? สรุปความคืบหน้า

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯรวม 8 จุดว่า ต้องคอยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสรุปและรายงานมา หลังจากเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ได้หารือกับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ว่า ขอเร่งให้สรุปความคืบหน้าเพิ่มเติม เพื่อให้นายกรัฐมนตรี และประธาน คมช.รับทราบโดยด่วน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ คมช. เชิญ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และอดีตหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม เข้าพบ พล.อ.วินัย ตอบว่า คงจะมีการสอบถามจากทุกๆคนที่เจ้าหน้าที่เห็นว่าน่าจะสอบถาม เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าทหารเข้าไปควบคุมตัว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือ พล.อ.วินัยกล่าวว่า ไม่จริง เรื่องนี้เป็นข่าวที่ไม่สร้างสรรค์ เรายังไม่เคยมีการพูดถึงเลย

เมื่อถามว่า พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ระบุว่า ผู้ลงมือก่อเหตุอยู่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.อ.วินัยกล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่จากที่นายกฯและประธาน คมช.ระบุว่า น่าจะเป็นกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมือง ที่มาจากการประเมินทางด้านหน่วยข่าวทั้งหมด เพราะได้รับรายงานให้ทราบอย่างนั้น เป็นไปตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้เหตุและประเมินสาเหตุ ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถตัดประเด็นความเชื่อมโยงกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้หรือไม่ พล.อ.วินัยกล่าวว่า ยังไม่ได้ตัด หน่วยข่าวได้ประเมินจากสภาพแวดล้อมต่างๆ และหลักฐานข้อมูลที่มียังไม่ได้ตัดประเด็นภาคใต้จนเป็นศูนย์ แต่ประเด็นผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมืองน่าจะมีน้ำหนักมากกว่าประเด็นอย่างอื่น ถือเป็นการประเมินในเบื้องต้น

โต้กลับ ?ทักษิณ? ใครก็พูดได้

เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนหนังสือชี้แจงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น พล.อ.วินัยกล่าวว่า ?ใครๆก็ชี้แจงได้ ทั้งนั้น ในกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยที่อาจจะพาดพิงไปถึงใคร ก็มีสิทธิที่จะออกมาพูดอย่างไรก็ได้? เมื่อถามว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ระบุรัฐบาล และ คมช. รีบออกมาด่วนสรุปประเด็นการก่อเหตุเร็วเกินไป พล.อ.วินัยตอบว่า เป็นรายงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะนายกฯฟังจากเจ้าหน้าที่ และการสรุปจากผู้ที่มีหลักฐาน เบาะแส มีวิธีคิดว่าแนวโน้มน่าจะเป็นอย่างไร

คุมตัวร้อยเอกนอกราชการ

มีรายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (ศปศ.คมช.) ที่มี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผช.เลขาธิการ คมช. เป็นประธาน ว่า สายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษของ พล.อ.สพรั่ง ได้เดินทางไปพบนายทหารยศร้อยเอกที่ถูกออกจากราชการคนหนึ่งที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เนื่องจากต้องสงสัยว่าอยู่ในกลุ่มลอบก่อวินาศกรรมกลางกรุงเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากหน่วยข่าว ทางทหารได้ติดตามความเคลื่อนไหวของนายทหารนอกราชการคนดังกล่าวมาระยะหนึ่ง เพราะมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเป็นกลุ่มที่เสียประโยชน์จากการตรวจสอบทุจริตในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มผลประโยชน์ทางธุรกิจและการเมืองในรัฐบาลที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ทหารทำได้แค่จับตาดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดเพราะยังไม่มีพยานหลักฐานเอาผิดในวินาศกรรมครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นใจกลางเมืองหลวง

?เสธ.หมึก? บอกนายฉุน

ด้าน พล.ท.พิรัช สวามิวัสดิ์ หรือ เสธ.หมึก นายทหารฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมมีชื่อตัวเอง และ พล.อ.ชวลิต เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดขึ้น ?สงสัยอาจจะมึน จึงได้หว่านไปรอบ นายเห็นข่าวว่ามี ชื่อท่าน ท่านก็ฉุนที่เห็นใครต่อใครมาใส่ร้ายท่าน เรื่องเลวๆอย่างนี้มาสงสัยนายก็บ้าแล้ว ท่านกู้บ้านกู้เมืองมา อย่าว่าแต่ทำเรื่องเลวๆ อย่างนี้เลย แค่คิดก็ไม่เคยอยู่แล้ว ผู้ที่ก่อเหตุครั้งนี้ต้องมีคนทำหลายคน เพราะต้องมีคนดูลาดเลา คนวาง รวมแล้วน่าจะมากกว่า 30 คน คิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะติดตามตัวผู้กระทำผิดได้ เพราะเท่าที่ทราบกล้องวงจรปิดที่ห้างแห่งหนึ่งสามารถจับภาพชายสองคนที่วางระเบิดแล้ววิ่งออกไปจากนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น ไม่น่าจะเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะทำอย่างนั้นเท่ากับปิดทางตัวเองที่จะกลับเข้ามา ต้องให้ความยุติธรรมกับเขาด้วย อย่าไปสรุปให้คนเข้าใจว่าผู้เสียประโยชน์การเมืองนั้นคืออดีตนายกฯ? เสธ.หมึกกล่าว

?บิ๊กจิ๋ว? เปิดบ้านโต้แหลก

ที่บ้านซอยปิ่นประภาคม เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมออกมาเปิดใจถึงกรณีที่มีข่าวว่าเข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดส่งท้ายปี โดยก่อนที่จะตอบคำถาม พล.อ. ชวลิตย้ำกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องเอาบทสัมภาษณ์เอาไปออกทุกตัวอักษร ทุกคำพูดเลยจะได้รู้กัน ของดีๆไม่เอาไปออกจะเสียดาย เมื่อถามว่า สาเหตุที่ถูกนำไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่ผ่านมา รู้สึกอย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่ทราบว่าไปเชื่อมโยงกันได้อย่างไรจึงไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น เป็นแต่เพียงว่าเป็นลักษณะประจำอยู่แล้ว ปกติจะเป็นอย่างนี้ เมื่อหาอะไรไม่ได้ก็จะต้องมีเหตุ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จะต้องมาลงที่ตัวใช่ไหม ดังนั้น ต้องหาเหตุว่าคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง ก็จะเป็นลักษณะอย่างนี้เป็นการประจำ ?โดยเฉพาะพวกมือใหม่ เขาเรียกว่าพวกมือใหม่ ไม่ค่อยมีประสบการณ์ และไม่ค่อยเข้าใจต่อปัญหาต่างๆ ก็จะเป็นอย่างนี้ หาไปเรื่อยว่าคนโน้นเป็น คนนี้มั้ง คนนั้นมั้งก็ว่ากันไป?

เมื่อถามว่า มีประเด็นอะไรบ้างที่ทำให้ต้องเชื่อมโยงมาถึงตัว อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ?ไม่ทราบ เป็นมาตั้งแต่โน้นแล้ว อย่าไปโทษเขาเลย คมช.หรือรัฐบาลคุณสุรยุทธ์ มันทีหลังนะ โน้นมันเชื่อมโยงมาตั้งแต่ปราบคอมมิวนิสต์จนมาถึงรุ่นหลังๆก็ได้ สมัยท่านทักษิณก็เหมือนกัน ท่านทักษิณก็ยังบอกตรงๆ เช่น กรณีที่เรารับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ แล้วท่านทักษิณก็เอาเราออกจากตำแหน่งหน้าที่นี้ แต่ท่านก็บอกตรงๆ ว่าเป็นเพราะมีคนบอกว่าพี่จิ๋วฝักใฝ่มุสลิม เราก็เตือนแกแล้วบอกว่าระวังนะ จะเป็นเรื่องใหญ่ เจอเรื่องแบบนี้มาตลอด มายุคนี้ก็เจออีก ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอะไรเขาจึงคิดอย่างนั้น เขาจะต้องบอกมาซิ อย่างเช่น เขาบอกว่าเราอยู่เบื้องหลัง อะไรคือสิ่งบอกเหตุ ต้องพูดมา ถ้าไม่พูดเราก็ไม่รู้ จะไปว่าเราเป็นคนไปทำให้เขาเดือดร้อน แล้วเดือดร้อนอะไร เช่นไปว่าเขาว่า เป็นทหารไปอยู่รัฐวิสาหกิจทำไมอย่างนี้ก็ผิด ผมบอกหลายทีแล้วว่า ให้ไปฟังเทปดูหรือไปถามคนที่รู้เรื่อง ไปจับข่าวอะไรก็ไม่รู้มาพูดจา หรือไปว่าเขาเรื่องโบกี้รถไฟเหมือนกัน จะต้องไปหาคนที่รู้เรื่อง ไปถามคนไม่รู้เรื่องก็อย่างนี้ หรืออยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าโกรธ เนื่องจากว่าตัวเองไม่มาอวยพร ก็รู้อยู่แล้วว่า เราไม่เคยให้ใครมาอวยพร เคยสั่ง เคยบอกทุกครั้ง มีอำนาจทุกครั้งก็บอกว่า เอ็งไม่ต้องมากันนะ เอาแต่การ์ดมาใบเดียวก็พูดกันมาตลอด ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้เรื่อง?

ท้าให้เอาหมายมาจับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องทำความเข้าใจกันระหว่าง คมช. กับรัฐบาล หรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า?ไม่รู้ว่าเขาคิดกับเราอย่างไร อย่างเช่นบอกว่า เราอยู่ เบื้องหลัง ใครพูดมาซิ อยากให้มาหาหน่อย เอาหมายมาด้วยก็ดี จะได้มาจับกัน จะได้ว่ากันไปเลย เอากระบวนการทางศาลมาเลย เราทำงานอะไรมาตั้งแต่สมัยไหน ตั้งแต่สมัยพวกนี้ยังไม่หย่านมแม่เลย เรารับผิดชอบแผ่นดินมา และทำมาจนถึงปานนี้แล้ว ศักดิ์ศรีก็มี ถึงแค่นี้แล้ว คนได้รับเหรียญรามาฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยากับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโบสถ์วัดพระแก้ว มีใครบ้างที่จะได้รับอย่างนี้ แล้วทำได้อย่างไร เขาผ่านงานมาตั้งเยอะแยะ แสดงถึงความอ่อนด้อยในการปกครอง ความไร้ประสิทธิภาพในการปกครอง การไร้ซึ่งประสบการณ์ในการดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นทหารทำไมในเมื่อไม่รู้ว่างานการข่าวเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ทำไมข่าวเก่งนักล่ะ โอ๋แป๊บเดียวรู้แล้วว่าใครอยู่ข้างหลัง ทำไมไม่จับแม่งให้หมดเสียล่ะ จะปล่อยไว้ทำไม?

จวกข่าวกรองรัฐบาลเละ

พล.อ.ชวลิตยังกล่าวถึงประเด็นที่รัฐบาลด่วนสรุปเป็นผู้สูญเสียผลประโยชน์ทางการเมืองก่อเหตุระเบิดว่า ?มันก็อย่างนี้ตลอดเวลา บอกแล้วว่า ชอบทำแบบนี้ กลัวว่าเขาจะว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่รู้ สพรั่งบอกว่า มีอะไรเกิดขึ้น รู้หมด รู้มาแล้วเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ใช้ไม่ได้สักรายเลย ก็แสดงว่าตัวเองไม่เห็นความสำคัญ หรือไม่เข้าใจในเรื่องงานข่าวกรอง ไม่ใช่ข่าวเละเทะอย่างทุกวันนี้ มันจะต้องเป็นข่าวที่ลึก คุณทักษิณก็เชื่อข่าวอย่างนี้มาทีหนึ่งแล้ว ก็มีปัญหา มาครั้งนี้ก็ซ้ำรอยอีก มันเป็นแบบนี้ ฉะนั้นใครขึ้นมาเป็นใหญ่ ใครเป็นศัตรูกับตัวก็ยันไปเลย?

?มันล้าหลังไปหมดแล้ว มันฉุดไม่ไหวแล้ว ต่างชาติเขาว่ากันอย่างไรรู้มั้ย ต่างชาติเขาบอกว่ามันทำกันเอง นี่เขาพูดนะ ไอ้เราก็โกรธ และยังนึกเลยว่าไปโกรธแทนเขาทำไม รู้อย่างนี้อัดซ้ำเข้าไปอีก แต่ก็โกรธมันก็เพราะเป็นน้องเรา เห็นแก่กองทัพ กองทัพของเรา เขาว่านะ ก็บอกให้ไปบอกด้วยว่า เขารู้กันแล้วว่าใครเป็นคนทำ เพราะมันมีเทปอยู่ ไปขอเทปเขาดูซิ ถ้ายังไม่รู้ว่าที่ไหนมีเทปก็บ้าแล้ว ปกครองบ้านเมืองกันแบบนี้? เมื่อถามว่าเชื่อหรือไม่ ตอนนี้ประเทศไทยตกเป็นเป้าในการสร้างสถานการณ์อีก พล.อ.ชวลิตตอบว่า ไม่ได้ตกเป็นเป้าใคร ทำกันเอง ตัวเองทำกันเอง คนในประเทศไทยทั้งนั้น คนไทยทำกันเอง ใครจะมาทำได้ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า น่าจะมีความขัดแย้งหรือไม่พอใจในลักษณะไหนถึงได้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ อดีตผู้นำประเทศกล่าวว่า ผู้ปกครองไม่มีขีดความสามารถในการปกครอง ต้องอยู่ใต้การปกครอง แต่ประชาชนไม่ยอมให้ปกครอง ก็มีปัญหาแบบนี้ทุกยุคทุกสมัย ความเป็นจริงวันนี้ถลำลึกไปมากแล้ว เสียหายมาตลอดทุกเรื่อง ฉะนั้นจะต้องแก้ไขเสียใหม่ เอาประชาชนมาช่วยให้มากๆ อันไหนแก้ไม่ได้ ควรให้ประชาชนแก้

ถ้ามีหลักฐานเอามาเปิดได้เลย

อดีตนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเรื่องในที่ประชุมตำรวจสันติบาลมีการระบุชื่อ พล.อ.ชวลิตชัดเจนว่ารับเงินจำนวน 1,500 ล้านบาท จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า เรื่องแบบนี้ทำไมไม่ตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจน ถ้ามีหลักฐานก็ไปเอามาเปิดเผยได้เลย อย่ามากล่าวหากันลอยๆ อย่างกรณีเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ กทม. ก็มีเทปอยู่แล้ว ทำไมไม่ไปขอดู รู้อยู่ว่ามีใครไปทำอะไรไว้บ้าง ตนก็มีเทปม้วนนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากพูดอะไรมาก ขอตรวจสอบให้ชัดก่อน ที่ผ่านมาการทำงานของรัฐบาล และ คมช.ควรจะกลับไปทบทวนบทบาทของตัวเองว่ามีจุดบกพร่องหรือไม่อย่างไร อย่างเช่นงานด้านการข่าว งานข่าวลับจริงๆ แล้วมีหรือไม่ ที่ผ่านมาเห็นสะเปะสะปะกันหมด งบประมาณด้านข่าวลับมีการจัดลงไปสนับสนุนให้กับทางศูนย์รักษาความปลอดภัย บก.ทหารสูงสุดหรือไม่ มีการตรวจสอบว่ามีจุดอ่อนอย่างไร อยากให้กลับไป ทบทวน ไม่ใช่เกิดเหตุเพียง 2 วันเท่านั้น ก็ออกมาวิเคราะห์ กล่าวหากัน ทั้งนี้ คมช.ควรจะปรึกษาหารือกับผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองก่อน ไม่ใช่คิดว่าตัวเองรู้ หรือทำได้

ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องบึมกรุง

พล.อ.ชวลิตกล่าวต่อว่า จากการรายงานข่าวของต่างประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า คมช.เป็นคนก่อเหตุระเบิดเอง ด้วยสาเหตุต่างๆ แต่ตนก็ได้พยายามอธิบายชี้แจงแทน คมช.ไป ก็เห็นใจที่เข้ามาทำงานเพื่อความเสียสละ ตั้งแต่การปฏิรูปการเมืองเข้ามาทำงาน แต่ในการดำเนินการจะต้องทำงานด้วยความเข้าใจ อย่าไปคิดว่าตัวเองทำถูกแล้ว ?ผมทำงานด้านความมั่นคงมาโดยตลอดมักจะถูกกล่าวหา โดยเฉพาะเวลาบ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมา อย่างเช่นสมัยปราบคอมมิวนิสต์ ก็ถูกกล่าวหามีแนวคิดเป็นคอมมิวนิสต์ หรือสมัยมีปัญหากับประเทศลาวก็บอกว่ามีเชื้อสายกับลาว พอเหตุการณ์ ระเบิดก็กลับไปโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ผมยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทางรัฐบาล หรือ คมช.มีความหวาดระแวง และการกล่าวหา ผมมองได้สองพวก หรือสองกลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มการเมือง คือกลุ่มที่กลัวผมจะกลับมาเล่นการเมืองอีก และอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่อยากจะเข้ามาเล่นทางด้านการเมือง กลัวว่า พล.อ.ชวลิตอยู่ จะไม่ได้ เข้ามา ก็พยายามดิสเครดิต อย่างไรก็ตาม ผมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในครั้งนี้ ถ้าน้องๆมีปัญหาก็สามารถปรึกษาหารือผมได้เสมอ? พล.อ.ชวลิตกล่าว

?หม่อมอุ๋ย? ยันไม่กระทบจีดีพี

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 8 จุดทั่วกรุงเทพฯ จะมีการนำมาหารือในที่ประชุม ครม.หรือไม่ว่า ในการประชุม ครม.วันเดียวกันนี้คงไม่มีระเบียบวาระในเรื่องนี้ เมื่อถามว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า ขอไปดูก่อน ซึ่งตอนนี้ คมช.ก็เริ่มที่จะดูแลแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า จะกระทบต่อตัวเลขจีดีพีของประเทศหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เรื่องนี้อยู่ที่ คมช. ถ้า คมช.เร่งได้เร็ว ทุกอย่างก็จะเข้ารูปเข้ารอยได้เร็ว สำหรับผลกระทบทางด้านการท่องเที่ยวนั้น คงจะมีบ้าง แต่เชื่อว่าในระยะยาวคงจะไม่มีผลกระทบอะไร

ต่อข้อถามว่า จะต้องออกมาตรการอะไรมารองรับหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า ธปท.ติดตามดูเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมาตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 2 ม.ค.แล้ว เพราะตลาดเปิดที่เมืองนอก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ค่าเงินบาทในขณะนี้ถือว่าใช้ได้แล้ว เราไม่ต้องการให้แข็งค่าขึ้นไป เพื่อให้ภาคการส่งออกยืนอยู่ได้ แต่สำหรับตลาดหุ้นยังตอบยาก ขอดูนิดหนึ่งก่อน ส่วนการท่องเที่ยวที่มองว่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้นนั้น หาก คมช.ดำเนินการอะไรได้เร็ว ความเชื่อมั่นจะกลับมาเร็ว จะอยู่ตรงนี้เป็นหลักและจะทำให้ความเชื่อมั่นของ 3 สมาคมหลักทางเศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งนี้ การส่งสัญญาณที่ดีที่สุดคือการที่ คมช.เร่งดำเนินการดูแลให้เร็ว และหาตัวผู้กระทำผิดให้เร็วที่สุด นั่นคือสัญญาณที่ดีที่สุดที่จะแสดงความเข้มแข็งเพื่อจะทำให้ภาคเอกชนมั่นใจ ตอนนี้พื้นฐานเศรษฐกิจยังไม่มีอะไรเสียหายแน่นอน ภาคการส่งออกยังดีอยู่ มีออเดอร์เข้ามามาก และการลงทุนที่เข้ามาลงทุนโดยตรงเริ่มกลับมาแล้วและมีการขยายพอร์ตออกไป จึงไม่อยากเห็นหุ้นตกไปอีกดังนั้น คงต้องเอาใจช่วย คมช. หากแก้ได้เร็วก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และรับมือปัญหาเศรษฐกิจได้อยู่

ไอซีทีพร้อมตรวจเบอร์ต้องสงสัย

นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจสอบพบว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ได้จุดชนวนจากโทรศัพท์มือถือ อย่างไรก็ตาม กระทรวงได้บันทึกข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือไว้ตลอดเวลา ตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุระเบิดวันที่ 31 ธ.ค. 2549 จนถึงปัจจุบัน สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ หากฝ่ายความมั่นคงร้องขอมาก็ยินดีให้ความร่วมมือ แต่ยอมรับว่า การตรวจสอบคงทำได้ยาก เพราะใน กทม.มีคนใช้โทรศัพท์มือถือเป็นล้านๆคนต่อนาที คงทำได้แค่ตรวจสอบว่าใครโทรหาใครเท่านั้น ส่วนการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์มือถือผู้ต้องสงสัยนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจากฝ่ายความมั่นคงให้ช่วยตรวจสอบ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์ของนายทหารคนสนิทของนัก การเมืองบางคน

?ไพบูลย์? ชี้เหตุรุนแรงลุกลามหนัก

นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เป็นการใช้ความรุนแรงเกินขอบเขต จึงควรตั้งสติให้ดีเพื่อ สร้างสังคมสันติสุขที่ไม่นิยมความรุนแรง ใช้แนวทางสันติมาแก้ปัญหาความขัดแย้ง เหตุที่เกิดขึ้นเป็นอันตรายต่อสังคมไทย ถ้าไม่ระวัง การกระทำความรุนแรงแบบไร้ขอบเขต อาจจะมีมากขึ้น ซึ่งในวันที่ 3 ม.ค. จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมเรื่องสันติวิธี ตามการสร้าง กระบวนการแบบสันติสมานฉันท์ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ให้กระทรวงทำ ซึ่งร่วมมือกับสถาบันพระปกเกล้าและกระทรวงยุติธรรม โดยจะหารือถึงภาวะสังคมที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งเดิมอาจเกิดขึ้นเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ แต่ขณะนี้กระจายมาถึงกรุงเทพฯ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง จึงอยากถือโอกาสสวัสดีปีใหม่และพูดว่าสวัสดี สันติปีใหม่ ช่วยกันให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่มีสันติและใช้สันติวิธี

ทรท.ฉะนายกฯป้ายสี ?ทักษิณ?

นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย แถลงถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ระบุว่า เหตุลอบ วางระเบิดที่ผ่านมาเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียประโยชน์และกลุ่มอำนาจเก่า ว่า ล่าสุด พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ออกมาระบุอีกว่า ที่ประชุม คมช.มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า เป็นฝีมือของกลุ่มอำนาจเก่า ขั้นตอนต่อไปจะมีการทำลาย คมช.และรัฐบาลโดยใช้กำลังอาวุธและกำลังประชาชน โดยเหตุระเบิดไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ นั้น วันนี้จึงเหลือเพียง 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม อำนาจเก่า หรือผู้ที่เสียผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่ง พล.อ. สุรยุทธ์สร้างภาพว่า เป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สำหรับจดหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณเขียนมาจาก ประเทศจีนชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดนั้น พรรคไทยรักไทยจะแจกให้กับสมาชิกพรรคและประชาชนในวันที่ 12 ม.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันที่พรรคจัดงานทำบุญเลี้ยงพระ ประจำปีของพรรค

ให้ ?สุรยุทธ์-สนธิ? สาบาน

นายจตุพรกล่าวว่า ในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณแสดง ความบริสุทธิ์โดยการสาบานแล้ว แต่เหตุลอบวางระเบิดได้กลบข่าวบ้านพักเขายายเที่ยงของนายกฯ และการจด ทะเบียนสมรสซ้อนของประธาน คมช.โดยสิ้นเชิง จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มอำนาจใหม่คือ นายกฯและประธาน คมช. แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้สร้างสถานการณ์เพื่อกลบข่าวตัวเอง และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ รัฐบาลและประธาน คมช.กำลังใช้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นยาอายุวัฒนะเพื่อต่ออายุ ตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเมื่อรัฐบาล และ คมช.มีปัญหาอะไรจะมีบุคคลคณะหนึ่งออกมาใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่วิสัยของสุภาพบุรุษ หรือชายชาติทหารที่ควรจะมีเกียรติ ตรง ไปตรงมา ซึ่งการใช้วิธีสามานย์ใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณโดย ไม่ให้โอกาสแก้ตัวนั้น ไม่มีความยุติธรรม ปฏิวัติก็ทำลับหลัง แล้วยังมาใส่ร้ายลับหลังอีก พ.ต.ท.ทักษิณจะมาสู้คดีก็ไม่ให้ กลับประเทศ คมช.ยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า

?บรรหาร? เตือนจะมีการลองของอีก

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงเหตุวางระเบิดใน กทม.ว่า ขอประณามคนทำว่ามีจิตใจเหี้ยมโหด ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน คนที่ทำต้องมีผู้บงการแน่นอน และคนบงการต้องเป็นคนที่รอบรู้ เชี่ยวชาญด้านระเบิด ไม่เช่นนั้นคงกำหนดจุดไม่ได้ว่า ลูกไหนวางตรงไหน จะระเบิดเมื่อไหร่ ส่วนจะเป็นคนมีสีหรือไม่ อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนหาสาเหตุให้ได้ แต่คิดว่าคงไม่เป็นผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ขึ้นมาดำเนินการ เพราะถ้าทำคงทำตั้งแต่ รัฐบาลที่แล้ว ไม่ปล่อยให้มาถึงรัฐบาลนี้ อย่างไรก็ตามขอติงว่ารัฐบาลไม่ฉับไว อ่อนไป หรืออาจดีมากเกินไป ต้องทำงานให้เร็ว เข้มแข็งและเด็ดขาดกว่านี้ เป็นห่วงว่าเหตุการณ์จะไม่หยุดแค่นี้ จะมีการลองของอีก จึงต้องมีมาตรการป้องกันให้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้นไม่ถึง 24 ชั่วโมง แต่รัฐบาลและ คมช.ระบุสาเหตุน่าจะมาจากกลุ่มอำนาจเก่าเสียประโยชน์ทางการเมือง ถือเป็นการด่วนสรุปหรือไม่ นายบรรหารตอบว่า คงตอบไม่ได้ แต่ถ้าไม่ใช่เหตุทางภาคใต้ก็ต้องเป็นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งวางแผน ไม่เช่นนั้นจะระเบิดได้ 8-9 จุดได้อย่างไร แสดงว่ามีการวางแผนไว้อย่างดีเยี่ยม ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นกลุ่มแน่ แต่จะเป็นกลุ่มการเมืองหรือไม่ คงให้ความเห็นไม่ได้ ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือชี้แจง ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ต่างประเทศ เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็เป็นธรรมดาที่ต้องชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้อง เราก็ต้องเชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณไว้ก่อน

แขวะ ?โกวิท? หายหัวไปไหน

นายบรรหารยังกล่าวถึงกรณีที่ตำรวจเข้าสอบสวนหลายปัญหาในช่วงนี้ว่า รู้สึกหนักใจ เพราะหลังการรัฐประหารมีการเผาโรงเรียนและสถานที่ราชการหลายแห่ง แต่กลับไม่สามารถหาผู้กระทำผิดได้เลย แต่เหมาว่าเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ดังนั้น ตำรวจจะต้องเข้มแข็งกว่านี้ และ 2 วันที่ผ่านมาก็ไม่เห็นหน้า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ออกมาให้สัมภาษณ์หรือลงพื้นที่เกิดเหตุเลย มีแต่โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติคนเดียว ไม่รู้ว่า พล.ต.อ.โกวิทไปอยู่ที่ไหน ไม่เข้าใจว่าบ้านเมืองมี ผบ.ตร. หรือไม่ หรือว่าถูกยุบไปแล้ว

?อภิสิทธิ์? จี้รัฐบาลนำคนผิดลงโทษ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคมีท่าทีที่ชัดเจนในการประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดว่าผู้กระทำมีลักษณะเป็นกระบวนการ ต้องมีศักยภาพสูงพอสมควร ดังนั้น คมช.และรัฐบาลต้องเร่งคลี่คลายและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์จะลุกลามบานปลาย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเคยเตือนแล้วว่าการท้าทายในลักษณะเช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองยังแหลมคมมาก ขณะเดียวกันการทำความเข้าใจกับประชาชนกับสภาพต่างๆที่เกิดขึ้นยังมีปัญหาอยู่ ส่วนกรณีการพุ่งเป้าว่าเป็นการกระทำจากกลุ่มอำนาจเก่านั้น คงจะต้องดูศักยภาพและแรงจูงใจ ซึ่งรูปการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการท้าทายอำนาจรัฐ เพื่อต้องการให้เกิดความวุ่นวาย และทำให้มองว่ารัฐบาลมีปัญหาเรื่องการดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมือง

นายเทพไท เสนพงศ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ก็มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองเข้มข้นขึ้น และต่อมามีเหตุการณ์ระเบิดใน กทม. ต่อไปจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น คมช.และรัฐบาลจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่ม พล.อ.ชวลิต และ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรประมาท หรือประเมินกลุ่มอำนาจเก่าต่ำเกินไป เห็นได้จากเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกถือเป็นหัวขบวนคลื่นใต้น้ำ เพราะมีใจความปลุกระดมสาวกและลิ่วล้อ อีกทั้งต่อไปนี้ พ.ต.ท. ทักษิณจะไม่เป็นฝ่ายตั้งรับอีกต่อไป แต่ได้ประกาศชักธงรบกับรัฐบาลและ คมช. ไม่ยอมให้รัฐบาล และ คมช. กระทำฝ่ายเดียว

ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215