จากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดป่วนกรุงรวมทั้งหมด 8 จุด โดย 6 จุดแรกเกิดขึ้นในช่วง 6 โมงเย็นวันที่ 31 ธ.ค.และอีก 2 จุดเมื่อเวลาประมาณ 00.05 น.ของวันที่ 1 ม.ค.ตามแหล่งที่มีประชาชนหนาแน่น โดยมีเป้าหมายให้ผู้คนที่ไปร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่หรือเคาต์ดาวน์นับถอยหลังตอนเที่ยงคืน บริเวณสี่แยกราชประสงค์ เหยียบกันตาย แม้เป้าหมายหลักจะไม่สัมฤทธิผล เพราะงานถูกระงับไปหลังเกิดระเบิดขึ้นเมื่อตอน 6 โมงเย็น แต่เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อสังเวยชีวิตไป 3 ศพ และได้รับบาดเจ็บทั้งสาหัสและบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 38 ราย ถูกแยกย้ายนำส่งตามโรง พยาบาลต่างๆ หลังเกิดเหตุสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมผู้บาดเจ็บส่วนหนึ่งด้วยพระองค์เอง พร้อมพระราชทานสิ่งของสร้างความปลาบปลื้มปีติแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติของผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านการข่าวและความมั่นคง ประเมินว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมือง เช่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ระบุมีบุคคลที่สูญเสียผลประโยชน์ทางการเมืองเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ พร้อมกับมีข่าวอดีตแกนนำของพรรคไทยรักไทยหลายคนได้รับการติดต่อให้ไปพบ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผช. ผบ.ทบ.และ ผช.เลขาธิการ คมช. เพื่อเคลียร์ตัวเอง ส่วนทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวพบสัญลักษณ์ IRK ตรงจุดที่มีการลอบวางระเบิด 4 แห่ง เชื่อว่าเป็นการชี้เป้าของกลุ่มคนร้าย
ผวาสัญลักษณ์ IRK
ความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดสะเทือนขวัญใน กทม. เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 ม.ค. พ.ต.ต.สมนึก สันติภาตะนันท์ พงส.(สบ.2) สน.พหลโยธิน รับแจ้งจากนายสุเทพ โพธิ์พุฒ อายุ 52 ปี นายท่าปล่อยรถ ปอ.สาย 529 วิ่งระหว่างแสมดำ-หมอชิต ว่า พบสัญลักษณ์คล้ายตัวอักษร IRK บริเวณตู้โทรศัพท์ใกล้ป้ายรถเมล์หน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เกรงว่าคนร้ายนำระเบิดไปซุกซ่อนไว้ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บช.น.
ตรวจแล้วไม่เจอระเบิด
จุดเกิดเหตุมีตู้โทรศัพท์ของบริษัททีโอทีและทรูมูฟ 15 ตู้ตั้งเรียงติดกัน โดยมีสัญลักษณ์เขียนด้วยสีเมจิก คล้ายกับที่ตำรวจพบตรงจุดลอบวางระเบิด บริเวณป้ายรถเมล์อนุสาวรีย์ชัยฯเมื่อเย็นวันที่ 31 ธ.ค. ติดอยู่ข้างตู้หลายแห่ง ขณะที่ตู้โทรศัพท์ด้านขวา บริเวณแท่นวางเครื่องโทรศัพท์ซึ่งปกติจะมีแผ่นเหล็กไขนอตปิดไว้แน่นหนา ปรากฏว่านอตถูกไขหลุดออกมา แผ่นเหล็กเปิดอ้าผิดสังเกต เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกันบริเวณไม่ให้ประชาชนผ่าน แล้วเข้าตรวจสอบ แต่ไม่พบวัตถุระเบิดแต่อย่างใด
เห็นผิดสังเกตแจ้งตำรวจ
นายสุเทพ โพธิ์พุฒ กล่าวว่า มาถึงท่ารถหน้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ตั้งแต่ 06.00 น. เพื่อปล่อยรถเมล์ ระหว่างเดินเล่นเห็นอักษรคล้ายกับข่าวที่ออก เมื่อวันที่ 1 ม.ค. จึงเข้าไปดูในตู้และเห็นแผ่นเหล็กปิดแท่นวางเครื่องโทรศัพท์ เปิดอ้าผิดสังเกต จึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ ด้าน พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 กล่าวว่า ตรวจสอบแล้วไม่เจอวัตถุระเบิด ส่วนอักษรคงเป็นพวกมือบอนชอบเขียนไว้ ตามตู้โทรศัพท์และกำแพง
โทร.แจ้งวัตถุต้องสงสัยเพียบ
ขณะเดียวกัน ร.ต.ต.เด่น ขันหลวง พงส.(สบ.1) สน.บางโพงพาง รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยวางไว้บริเวณริมรั้วอาคารชุดบ้านนนทรี ติดกับสวนอาหารร้านเพ็ญ ถนนจันทน์ซอย 2 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. จึงประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ. และทหาร ม.พัน 3 รอ.เดินทางไปตรวจสอบ พบกระเป๋าหนังทรงกระบอกสีดำใช้ใส่เลนส์กล้องถ่ายรูปสูงประมาณ 1 ฟุต เส้น ผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว สอบสวนนายชัชพล คล้ายวรรณ อายุ 42 ปี อยู่บ้านใกล้ที่พบกระเป๋า ให้การว่า เป็นเจ้าของกระเป๋าดังกล่าว เมื่อวานเก็บกวาดบ้านแล้วนำกระเป๋ามา ทิ้งไว้เอง คงมีพวกเก็บของเก่ารื้อค้นหาเศษสิ่งของ และนำออกมาวางข้างถังขยะ
ในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา รับแจ้งพบกระเป๋าเดินทางสีน้ำเงินวางอยู่ใต้สะพานลอยคนข้ามถนน บริเวณวินรถจักรยานยนต์ ข้างตลาดบางนาใน ถนนสรรพาวุธ แขวง-เขตบางนา เจ้าหน้าที่กันประชาชนออกห่างจากที่เกิดเหตุ ตรวจสอบภายในบรรจุเสื้อผ้า โดย ไม่ทราบว่าใครนำมาวางไว้
?จงรัก? ตั้ง ?กฤษฎา? ล่ามือบึม
สายวันเดียวกัน พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผช.ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีลอบวางระเบิด เปิด เผยความคืบหน้าในคดีว่า ในส่วนของการสอบสวนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งหาพยานวัตถุ พยานบุคคลจากที่เกิดเหตุให้ได้มากที่สุด โดยแต่งตั้งชุดสอบสวนของนครบาลมา 1 ชุด มอบหมายให้ พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะกรรมการฯ เพื่อเสาะหาเบาะแสของมือวางระเบิดว่ามีลักษณะอย่างไร รวมทั้งให้ นำเทปบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดที่มีกล้องติดไว้ มาดูว่าสามารถหาตัวคนร้ายได้หรือไม่ และเมื่อได้ พยานมากพอสมควรแล้ว จะเรียกประชุมชุดสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อประมวลผลการสอบสวน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยากขอความร่วมมือประชาชนที่พบเบาะแสก่อนการระเบิดให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา เพื่อให้การติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว
รอผลตรวจสัญลักษณ์ IRK
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าในวันเกิดเหตุมีพยานเห็นกลุ่มชายสวมกางเกงยีน รองเท้าผ้าใบสีขาว เข้าไปอยู่ในจุดระเบิด พล.ต.ท.จงรักกล่าวว่า ในช่วงวันเกิดเหตุมีระเบิดหลายจุด แต่ละแห่งมีข้อมูลไม่เหมือนกัน และไม่ได้รายละเอียดขนาดนั้น ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน ตอนนี้ ต้องพยายามหาพยานบุคคลเพื่อสเกตช์ภาพผู้ต้องสงสัยหรือคนร้ายในช่วงวันเกิดเหตุให้ได้ก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการสอบประเด็นสัญลักษณ์ ?IRK? ที่พบในจุดระเบิดหลายแห่งด้วยหรือไม่ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานของสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้รับรายละเอียดในเรื่องนี้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายกำลังเร่งทำงานเต็มที่ คาดว่าถ้ามีผลการสอบสวนคืบหน้าจะเรียกประชุมคณะกรรมการสอบสวนอีกครั้ง แต่ขณะนี้ทุกคนลงพื้นที่เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว
ได้เค้ามือบึมที่อนุสาวรีย์ชัยฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้เร่งตรวจสอบภาพวงจรปิดจากหลายจุด เช่น ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีกล้องของศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร กองบังคับการตำรวจจราจร ติดตั้งจำนวน 1 ตัว และสามารถแพนกล้องไปตามจุดต่างๆได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมกล้องจากศูนย์ควบคุมสั่งการจราจรอยู่ตลอดเวลา ส่วนกล้องวงจรปิดของงานจราจร สน.พญาไทนั้นไม่สามารถ ดูที่เกิดเหตุได้ และล่าสุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ข้อมูลจากพยานที่เห็นผู้ต้องสงสัยว่าจะก่อเหตุวางระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยพยานระบุลักษณะเด่นของพยานได้หลายจุด ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนได้นำพยานคนดังกล่าวไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดว่ามีผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวอยู่ในกล้องหรือไม่
ตัดทิ้งประเด็นสัญลักษณ์
สำหรับสัญลักษณ์คล้ายอักษรภาษาอังกฤษ IRK ที่อยู่ในที่เกิดเหตุหลายจุดนั้น ล่าสุดมีการตัดประเด็นไปแล้วว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการวางระเบิดครั้งนี้ เพราะฝ่ายสืบสวนพบว่าสัญลักษณ์ลักษณะดังกล่าวถูกเขียนและพ่นสีไว้ตามผนังและป้ายประกาศตามจุดต่างๆในเขต กทม.หลายแห่ง พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. สั่งให้ฝ่ายสืบสวนหาน้ำหนักและหลักฐานยืนยันว่าสัญลักษณ์นี้ไม่มีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกันกับเหตุการณ์วางระเบิดในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มวัยรุ่นนำสีเมจิกไปเขียนตามจุดต่างๆในย่านชุมชน สร้างความแตกตื่นให้แก่ประชาชน และหากพบกลุ่มดังกล่าวจะดำเนินคดีฐานทำให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจทันที
?ภาณุพงศ์? ประชุมชุดทำงาน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ที่กองปราบปราม พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผช.ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิด 8 จุดทั่ว กทม. ได้ เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนจาก บช.น. และ บช.ก. ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งชุดสืบสวนจากกองกำกับการ สถานีตำรวจท้องที่ กองปราบปราม และกลุ่มงานเก็บกู้ และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บช.น. เพื่อติดตามความคืบหน้าและวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนหา กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น
ยังไม่สรุปฝีมือใคร
พล.ต.ท.ภาณุพงศ์กล่าวว่า การทำงานของชุดคลี่คลายคดีนี้ จะยึดพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเป็นหลัก เมื่อเก็บรวบรวมหลักฐานได้ ก็จะนำมาสรุปและวิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่ตัวคนร้าย ส่วนประเด็นการก่อเหตุในครั้งนี้ยังไม่อยากสรุปในตอนนี้ว่าเป็นฝีมือกลุ่มอำนาจเก่าหรือกลุ่มใดที่อยู่เบื้องหลัง คงต้องรอให้จับกุมคนร้ายที่นำระเบิดมาวางเสียก่อน จึงจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้
?ในส่วนนี้ผมมีความเชื่อมั่นว่า หากจับกุมคนร้ายได้ก็จะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ในส่วนนี้ต้องขอเวลา ขณะนี้จึงยังไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่การทำงานเราค่อนข้างเป็นระบบและยึดหลักฐานที่เกิดเหตุเป็นหลัก ส่วนเรื่องระเบิดเรามีการตั้งทีมเฉพาะด้านขึ้นมา โดยจะทำคดีนี้ อย่างรอบคอบที่สุด ถ้าเราหาหลักฐานได้เร็วก็จับกุมคนร้ายได้เร็ว? ผช.ผบ.ตร. กล่าว
ผบ.สส.เยี่ยมคนเจ็บ
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. พร้อมด้วยคณะแม่บ้าน บก.ทหารสูงสุด เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่ยังพักรักษาตัวอยู่ 5 คน พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่ง ประกอบด้วย ด.ญ.ธัญสินี มังกรพันธ์ อายุ 12 ปี รักษาตัวอยู่ตึก สก. ชั้น 14 นางใบ นันทะวงสา อายุ 21 ปี ชาวลาว น.ส.ชลัดดา ติจะนา อายุ 18 ปี นายคำดี มณีแสง อายุ 40 ปี ทั้ง 3 รักษาตัวอยู่ตึกจุฬาภรณ์ ชั้น 2 และนายคำพันธ์ อาจรักษา อายุ 34 ปี รักษาตัวอยู่ที่ตึกมงกุฎ-เพชรรัตน์ ชั้น 3 ผู้บาดเจ็บทั้งหมดอาการปลอดภัย
ไม่ขีดเส้นตายให้จับคนร้าย
พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า จะไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้งหมดที่รักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ในฐานะ ผบ.ทหารสูงสุด และ คมช. เพื่อให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ และขอแสดงความเสียใจสำหรับครอบครัวใดที่มีผู้เสียชีวิต ขอพูดฐานะประชาชนคนไทย คนร้ายก่อเหตุวางระเบิดทำให้เกิดความเสียหายมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ต้องสำนึกถึงสิ่งที่ทำลงไป ขณะนี้ขอให้คนไทยเข้มแข็งร่วมมือกันช่วยดูแลประเทศชาติถ้ามีใครได้เบาะแส หรือข้อมูลใดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานข่าวหรือไม่ว่าคนร้ายอาจจะก่อเหตุอีก พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ยังไม่มีอะไรชัดเจน แต่จากนี้ไปเหตุการณ์คงจะดีขึ้น ถึงแม้ไม่มีการรายงานข่าวก็ต้องระมัดระวัง ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้กลุ่มคนทำหรือยัง พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทำไปพอสมควรแล้ว เมื่อถามว่าจะจับคนร้ายได้หรือไม่ พล.อ.บุญสร้างตอบสั้นๆ ว่า คงยังไม่มีการขีดเส้นตาย
ก่อนหน้านั้นในช่วงสาย นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงฯ เข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เช่นกัน พร้อมมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บรายละ 2,000 บาท
รมว.คมนาคมเยี่ยมลูกน้อง
ด้าน พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม นำกระเช้าเดินทางเข้าเยี่ยมนายสำรวย สีดาว นายตรวจรถร่วม ขสมก. ที่รักษาตัวในห้องไอซียู ชั้น 3 โรงพยาบาลราชวิถี รวมทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน รวมทั้งหมด 5 ราย โดยมีนายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ผอ.โรงพยาบาลราชวิถี พร้อมคณะแพทย์ผู้ทำการรักษาให้การต้อนรับ พล.ร.อ.ธีระกล่าวว่า เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บ และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ทางกระทรวงคมนาคมกำชับทุกหน่วยให้เตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ สนามบิน หากประชาชนพบสิ่งต้องสงสัยหรือบุคคลต้องสงสัยช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่จะได้รีบเข้าไปตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว
กทม.ตรวจเข้มถึงวันเด็ก
ในช่วงบ่าย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด พร้อมคณะเดินทางไปเยี่ยมผู้ป่วยที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี ตามติดมาด้วยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. นายอภิรักษ์กล่าวหลังเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ว่า หลังเกิดเหตุไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เรียกประชุม ผอ.เขตทุกเขต และตั้งศูนย์ร่วมกับกองทัพภาค 1 บช.น. สอดส่องดูแลจุดเสี่ยง รักษาความปลอดภัย มีการส่งเจ้าหน้าที่ประจำสถานีขนส่งต่างๆ และออกเก็บขยะถี่ขึ้น นอกจากนี้ กทม. ได้รับการกำชับจากนายกรัฐมนตรี ให้เป็นหูเป็นตาช่วยตำรวจอีกแรง ส่วนประชาชนหากพบสิ่งผิดปกติอย่าเข้าไปตรวจสอบเองให้แจ้งตำรวจทันที ส่วนมาตรการป้องกันเหตุวันเด็ก ได้สั่งการ ผอ.เขต ให้เรียกประชุมผู้ประกอบการสถานบริการในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อวางมาตรการจัดงานวันเด็กในสถานที่ของตัวเอง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
รับศพเหยื่อบึมอนุสาวรีย์ชัยฯ
เมื่อเวลา 14.00 น. นายธนาคาร ตันติพิพัฒน์สกุล อายุ 36 ปี ชิปปิ้งบริษัทเคพิพัฒน์และนางอุษา เรืองพุ่ม 48 ปี เดินทางไปรับศพนายเอกชัย เรืองพุ่ม อายุ 26 ปี น้องชายที่สถาบันนิติเวช ด้วยอาการโศกเศร้า นายธนาคารเผยว่า จะนำศพน้องชายไปบำเพ็ญกุศลที่วัดดอกไม้ ย่านพระราม 3 โดยทางสำนักงานเขตยานนาวา อำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง พร้อมเป็นเจ้าภาพในงานวันนี้อีกด้วย ตอนเกิดเหตุทราบว่าน้องชายและเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บยืนรอรถที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วเกิดระเบิดขึ้น เสียดายอนาคตที่กำลังจะเรียนต่อปริญญาโท แต่ต้องมาจบชีวิตเสียก่อน ทำไมพวกที่ก่อเหตุต้องทำกับผู้บริสุทธิ์อย่างนี้ด้วย ส่วนศพนายสงกรานต์ กาญจนะ ที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุบริเวณป้ายรถประจำทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่เดียวกันญาติได้รับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าขวาง จ.อุตรดิตถ์ ตั้งแต่เย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา
สรุปยอดคนเจ็บ
นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงอาการผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดว่า ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แพทย์อนุญาตให้ น.ส.วรรณโสภา จันทร์ศรีนะ กลับบ้านได้ ส่วนผู้บาดเจ็บที่นอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลต่างๆ มีทั้งหมด 17 ราย เป็นคนไทย 15 ราย และคนต่างชาติ 2 ราย ผู้บาดเจ็บจากจุดระเบิดศาลาป้ายรถประจำทางอนุสาวรีย์อยู่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 1 ราย คือนายยงสิน บุญมาก โรงพยาบาลราชวิถี 5 ราย ได้แก่ 1. น.ส.ปัทมา รัตคช 2. นายณรงค์ชัย รุ่งเจริญ 3. น.ส.รัชนีวรรณ คล้ายหริ่ม 4. นายสำรวย สีดาว และ 5. น.ส.อ้อยใจ พงษ์พรเชษฐา และที่โรงพยาบาลรามาธิบดี 2 ราย ได้แก่ 1. น.ส.อาจารี มีธนะทรัพย์ และ 2. นายปิติญา รัชกุล
ผู้บาดเจ็บจากจุดระเบิดที่คลองเตย อยู่โรงพยาบาลจุฬา 5 รายได้แก่ 1. นางใบ วรรณวงศา 2. ด.ญ.ธัญสินี มังกร 3. นายคำพันธ์ อาจโยธา 4. นายคำดี มณีแสง และ 5. น.ส. ชลัดดา ติจะนา และโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ 1 ราย คือ น.ส.กัณฐิภา รัชกุล
สำหรับผู้บาดเจ็บจากจุดระเบิดตรงข้ามศูนย์การเซ็นทรัลเวิลด์ อยู่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 1 ราย คือ น.ส.มารินา โควาโค และโรงพยาบาลตำรวจ 2 ราย ได้แก่ 1. นายดวงจันทร์ โลนุช และ 2. นายโจแรม อาการดีขึ้น อยู่ระหว่างเฝ้าระวังการอักเสบของบาดแผล
คมช.เรียก เสธ.ไอซ์ ไปพบ
ด้านความเคลื่อนไหวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือ คมช. หลังเกิดเหตุระเบิดหลายจุดใน กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เดินทางกลับถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังเดินทางไปร่วมพิธีฮัจญ์ ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้ประชุมร่วมกับ คมช. ทั้งคณะ เพื่อสรุปและประเมินสถานการณ์ที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นในกรุงเทพฯ รวม 8 จุด โดยมีข่าวว่าภายหลังการประชุม คมช. ได้มีการประสานติดต่อให้ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ ?เสธ.ไอซ์? อดีตหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายทหารคนสนิทของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าพบ เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อรับทราบข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โทรศัพท์หา ทส. ?บิ๊กจิ๋ว?
นอกจากนี้ พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังให้นายทหารคนสนิทโทรศัพท์ติดต่อ พล.ท.พิรัช สวามิวัสดิ์ นายทหารคนสนิท พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงเหตุการณ์ระเบิดทั่วกรุงเทพฯ โดยนายทหารคนสนิท พล.อ.พงษ์เทพได้ถาม พล.ท.พิรัช ว่า ?ทำอะไรอยู่? ซึ่ง พล.ท.พิรัชตอบกลับไปว่า ?พักผ่อนอยู่กับภรรยาที่บ้าน ไม่ได้ไปไหน ส่วน พล.อ.ชวลิตมีภารกิจเยี่ยมชาวบ้านที่จังหวัดนครพนม ซึ่งตนไม่ได้เดินทางร่วมไปด้วย?
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งฝ่ายรัฐบาล และ คมช. ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของนายทหารหลายนาย โดยเฉพาะ พล.ท.พิรัชซึ่งถูกติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทางรัฐบาลระแวงพฤติกรรมภายหลังที่มีกระแสข่าวโบกี้รถไฟ และการครอบครองที่ดินป่าสงวนของ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่บริเวณเขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
ตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช.
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยใน กทม.ว่า ขณะนี้มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ ซึ่งประชาชนน่าจะวางใจได้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายมีการประสานข้อมูลกันกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 1 ภายในศูนย์มิสกวัน ซึ่งข้อมูลข่าวสารทุกด้านจะเข้ามารวมไว้ที่ศูนย์ดังกล่าว เมื่อมีการแจ้งข้อมูลมาศูนย์ดังกล่าวจะประสานเจ้าหน้าที่ออกไปดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ คมช. มีการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น หรือเรียกประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพเร่งด่วนก็พร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที
เมื่อถามถึงกรณีที่ คมช. เชิญแกนนำกลุ่มฐานอำนาจเก่าเข้าพบ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงปีใหม่ จึงยังไม่มีใครเข้ามา แต่เมื่อมีการเปิดทำงานแล้ว คงจะมีการประสานไปอย่างเป็นทางการ รวมถึงกรณีที่บางท่านให้ข้อมูลว่ายังไม่ทราบ ก็จะมีการเชิญอย่างเป็นทางการหลังเปิดทำงานในสัปดาห์นี้
เป็นห่วงงานวันเด็ก
ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 13 มกราคมนี้ และจะมีประชาชนไปรวมตัวกันตามจุดต่างๆจำนวนมากว่าจะต้องมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ เพราะสิ่งที่ต้องหวงแหนที่สุดคือเยาวชนของชาติ เพราะฉะนั้นแม้มาตรการที่มีอยู่จะถือว่าดีอยู่แล้ว แต่ในวันเด็กแห่งชาติจะต้องให้มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะพยายามอย่างเต็มที่ ?ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ในกรุงเทพมหานครมีการเตรียมพร้อมอยู่แล้วทั้งทหารและตำรวจ และขณะนี้กรุงเทพมหานคร ก็ร่วมมือในการวางแผนต่างๆด้วย? ประธาน คมช.กล่าว
พล.อ.สนธิกล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัย เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และทุกภาคส่วน โดยเฉพาะรัฐบาล ได้เน้นย้ำกับฝ่ายความมั่นคงตลอดเวลาว่าต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข และอยู่ดีกินดี
?ทั้งนี้เชื่อว่าทุกภาคส่วนร่วมใจกัน มีความรัก สามัคคี ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตวิญญาณจริงๆ เพราะฉะนั้นจะพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ผ่านมา และบานปลายไปกว่าที่เป็นอยู่ ที่สำคัญต้องร่วมมือกัน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยคนใดคนหนึ่ง หากทุกคนในชาติมีส่วนร่วมในการเป็นหูเป็นตา คิดว่าทุกอย่างจะแก้ไขไปได้ด้วยดี?
มท.ภ.1 ขอประชาชนช่วยสอดส่อง
พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยยังคงใช้แผนเดิม เพียงแต่มีการปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกระจาย กำลังดูแลความปลอดภัยในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ หรือชุมนุมเมืองต่างๆ โดยมีการประสานงานทำงานกับหน่วยงานทางด้านการข่าวที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับประชาชน
เมื่อถามว่า จำเป็นจะต้องขอร่วมมือด้านการข่าวไปยังต่างประเทศด้วยหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า หน่วยเหนือคงจะมีการประสานงานกันอยู่แล้ว เพราะงานด้านการข่าวจะต้องมีการเชื่อมโยงกันทั้งระบบ ทั้งนี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ ประธาน คมช.ได้สั่งการให้ทางกองทัพภาคที่ 1 ระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก
เมื่อถามว่า หน่วยข่าวทางทหารได้พบเบาะแสความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ที่จะก่อเหตุอีกหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหว แต่กองทัพก็ไม่ได้ประมาท ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบทุกพื้นที่แล้ว เพื่อความมั่นคง ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือกับประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาในการสอดส่องดูแลหากเห็นอะไรผิดปกติก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่
?ทักษิณ? ร่อนจดหมายแถลง
เมื่อเวลา 15.20 น. วันเดียวกัน ที่โรงแรมเซ็นทรัล โซฟิเทล นายนพดล ปัทมะ ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุในทำนองว่า กลุ่มอำนาจเก่าทางการเมือง น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์ ระเบิดกลางกรุงเทพฯหลายจุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้เป็นข้อกล่าวหาที่ค่อนข้างรุนแรง จึงได้หารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณและเห็นว่าควรต้องแถลงให้เกิดความชัดเจนอีกครั้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณขอประณามการก่อเหตุครั้งนี้ด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุด เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ซึ่งต้องทำความชัดเจนโดยเร็ว และในวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้เขียนจดหมายครั้งแรก และช่วงเช้าวันนี้ได้แฟกซ์จดหมายฉบับดังกล่าวจากกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจดหมายดังกล่าวลงวันที่ 2 ม.ค. 2550
จวกพวกอาฆาตมาดร้าย
พร้อมกันนั้นนายนพดลได้ให้เจ้าหน้าที่แจกจ่ายสำเนาจดหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเขียนด้วยลายมือ มีความยาวกว่า 2 แผ่นกระดาษ ให้แก่สื่อมวลชน พร้อมกับอ่านจดหมายดังกล่าว โดยเนื้อหาระบุว่า ?วันนี้ผมมีความจำเป็นต้องออกจากความเงียบทางการเมือง หลังจากที่ถูกปฏิวัติ ที่ผมเงียบไม่ได้พูดการเมืองก็เพราะตั้งใจที่จะเห็นบ้านเมืองเกิดความปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หลังจากที่ผมเฝ้าดูมา 100 วันเศษ ก็พบว่ากลุ่มที่ร่วมกันล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนก็ไม่สามารถและไม่พยายามสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นได้ ทั้งๆที่ผมได้โทรศัพท์พูดคุยกับบุคคลบางกลุ่มในกลุ่มนี้ในฐานะคนเคยทำงานด้วยกัน มีความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันมา เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ผมมีน้ำใจนักกีฬาพอที่จะรู้แพ้ รู้ชนะรู้อภัย ขอให้เขาทำหน้าที่ให้เต็มที่ไม่ต้องพะวงผม ผมจะยังไม่กลับไปเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์โดยเร็ว แต่พฤติกรรมกลับตรงกันข้าม มีความอาฆาต มาดร้าย ไร้ความยุติธรรม ตอกลิ่มความแตกแยก มีการกล่าวเท็จโดยแนวร่วมอยู่ตลอดเวลา
สุมหัวร่วมกล่าวหา
ถ้าคนเป็นอดีตนายกรัฐมนตรียังได้รับการปฏิบัติเช่นนี้แล้ว ประเทศจะได้รับความเชื่อถือได้อย่างไร ถ้าประเทศขาดความเชื่อถือ ก็อย่าหวังว่าประชาชนจะมีความสุข อยู่ดี กินดี เพราะเราต้องอาศัยเม็ดเงินที่เป็นเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก เพื่อสร้างความเจริญและความมั่งคั่งให้ประเทศที่เลวร้ายที่สุดคือ เหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯ คืนวันที่ประชาชนออกไปหาความสุขกัน คือวันที่ 31 ธ.ค. 2549 รัฐบาลนี้สามารถสรุปได้ในเช้าวันที่ 1 ม.ค. (วันรุ่งขึ้น) ได้ทันทีว่า เป็นกลุ่มการเมืองเก่า และมีสื่อที่ขายจิตวิญญาณตัวเองบางคนชี้มาที่ผม ข่าวคราวที่แท้จริงถูกปิดบัง ถ้าเปรียบกับระเบิดที่เกิดขึ้นหลายครั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีทหาร ครู พระ ประชาชนตาย และบาดเจ็บจำนวนมากในช่วงรัฐบาลนี้ ก็ยังจับกุมไม่ได้ พอเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯ ไม่ถึง 24 ชั่วโมง รีบสรุปว่าเป็นกลุ่มการเมืองเก่า ข่าวสารถูกปิดบังเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด นักการเมืองบางคนที่กลัวการแข่งขันก็ร่วมกล่าวหา
เชื่อเหตุบึมโยงสถานการณ์ใต้
พี่น้องครับ ถ้าปล่อยให้บ้านเมืองดำเนินไปด้วยความไม่ยุติธรรม ไร้คุณธรรมเช่นนี้ ทำลายล้างกันเอง และหนีปัญหาที่แท้จริงเช่นนี้ ต่างชาติเขาจะหัวเราะเยาะเอา ทั้งๆที่ทุกประเทศเขาเร่งเดินหน้าสร้างความเจริญ ของเราขอถอยหลังชำระแค้นกันเองเสียก่อน จะไหวหรือครับ ผมเคยติดตามงานด้านความมั่นคงมาก่อน ผมสอบถามตำรวจดูถึงวัสดุที่ใช้ และแผนประทุษกรรม และทราบว่ามีวงจรปิด มีการจับกุมวัยรุ่นที่สงขลาที่เตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ผมก็เดาได้ว่าน่าจะมีโอกาสสูงที่จะเชื่อมโยงกับสถานการณ์ภาคใต้ ดูแล้วคล้ายกับที่ทำที่หาดใหญ่ แต่ผมก็ยังต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกต่อไป
อัดนโยบายปูผ้ากราบผิดพลาด
แต่รัฐบาลนี้แทนที่จะตรวจสอบให้แน่นอน ซึ่งต้องใช้เวลาบ้าง กลับเอาสถานการณ์ความวิตก สะเทือนขวัญของประชาชน และความน่าเชื่อถือของประเทศมาเล่นการเมืองทันที เพราะถ้ายอมรับว่ามีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ภาคใต้ก็เท่ากับยอมรับว่า นโยบายปูผ้ากราบผิดพลาด คนเหล่านี้เขามีความมุ่งมั่นที่จะแยกดินแดน หรืออย่างน้อยขอปกครองตนเอง จึงเห็นความอ่อนแอของนโยบาย เป็นช่องทางต่อรอง จึงรุก ผมเคยประชุมเตือนผู้มีหน้าที่ระดับสูงหลายครั้งว่า ถ้าไม่สามารถสะกดให้อยู่ใน 3 จังหวัดได้ จะเข้าหาดใหญ่ ถ้ายังสะกดไม่ได้อีก จะเข้ากรุงเทพฯ แล้วจะเสียหายต่อประเทศ ทุกครั้งที่มีเทศกาลในกรุงเทพฯ ที่ประชาชนจะออกมาหาความสุขจำนวนมาก ผมจะสั่งการให้หน่วยข่าวเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลเหล่านี้ล่วงหน้า และให้เจ้าหน้าที่ฝังตัวอยู่กับประชาชนในจุดที่เป็นจุดเปราะบาง หรือ soft taget พอเทศกาลผ่านไปโดยไม่มีเหตุ ก็จะโล่งใจกันครั้งหนึ่ง
สาบานไม่เคยคิดทำร้าย ปชช.
พี่น้องครับ ไม่ว่าผู้ที่ลอบวางระเบิดจะเป็นใคร ผมขอประณามการกระทำครั้งนี้โดยถ้อยคำที่รุนแรง (condemm with strong words) และผมขอสาบานว่า ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดทำร้ายและทำลายความสุขของประชาชน ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง ถ้าพี่น้องจำได้ จะเห็นได้ว่าช่วงที่เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ความพยายามล้มล้างรัฐบาลโดยกลุ่มเสียผลประโยชน์ และกลุ่มที่เข้าใจรัฐบาลผิด อันเกิดจากการโกหกนั้น ผมไม่เคยใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาเลย โดยเฉพาะปีที่แล้วเป็นปีมหามงคลยิ่งของพี่น้องชาวไทย
วอนทุกฝ่ายหันหน้าหากัน
ข้อกล่าวหาที่เลวร้ายมากอีกเรื่องที่ผมถูกใส่ร้ายป้ายสี คือความไม่จงรักภักดี เรื่องนี้พี่น้องคงจะประจักษ์ ดีแล้วว่า ตลอดเวลาในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ผมได้เทิดทูน ทุ่มเท โดยเฉพาะในปีมหามงคลที่ผ่านมา ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ทุกข้อกล่าวหา ผมขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรมที่เป็นกลาง ถูกต้องตามหลักสากล ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน อันนำความน่าเชื่อถือของประเทศ ผมพร้อมเผชิญและพร้อมเดินทางกลับมารับข้อกล่าวหา เพื่อต่อสู้ทุกกรณี แต่ไม่ใช่มาบอกว่า ไม่อยากให้ผมกลับประเทศในช่วงนี้ แต่เล่นงานผมและครอบครัว กล่าวหาผมลับหลัง ขอให้คิดว่าคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวนา หรืออดีตนายกรัฐมนตรี ก็ย่อมมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่ต้องรักษาเช่นกัน แต่ทั้งนี้คงไม่มีอะไรสำคัญกว่าชาติ ที่นับวันความน่าเชื่อถือก็ลดลง หากเราชำระแค้นกันเอง ไม่ว่าในหมู่ข้าราชการ นักการเมือง และประชาชน ผมขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เดินหน้าประเทศของเราต่อไปเถอะครับ เพื่อพระเจ้าอยู่หัวของเรา ซึ่งจะเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษาในปีนี้ ซึ่งก็เป็นปีมหามงคลยิ่งของชาวไทยอีกปีหนึ่ง และได้โปรดอย่าแอบอ้างพระองค์ท่านเพื่อทำลายล้างกันเองอีกต่อไป ซึ่งเท่ากับเป็นการไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ท้ายจดหมายอวยพรปีใหม่
สุดท้ายนี้ผมขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่า ที่ผ่านมาผมเป็นคนทำงานก็ย่อมมีจุดอ่อน จุดบกพร่องบ้าง แต่ผมขอยืนยันว่า ผมไม่เคยคิดร้าย คิดเลว ต่อชาติบ้านเมือง ต่อสถาบันเบื้องสูงที่เราเคารพศรัทธา หรือกับประชาชนเลย ถ้ามีสิ่งใดบกพร่องไม่เป็นที่พอใจของใคร ผมก็ขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และผมขอกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งทั้งหลายที่ท่านเคารพ ตลอดจนเดชะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีนาถ โปรดดลบันดาลประทานพรให้พี่น้องชาวไทยทุกคน ทุกครอบครัวจงประสบความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดสมความปรารถนาทุกประการตลอดปี 2550 ครับ ด้วยความเคารพรักและสำนึกต่อชาติ ลงชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ทนายยันกลับมารับข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากจดหมายฉบับดังกล่าวแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณได้โทรศัพท์ยืนยันความบริสุทธิ์กับรัฐบาล หรือ คมช.ด้วยหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า ตนไม่มีข้อมูลว่าได้พูดคุยกับผู้ใหญ่คนใดใน คมช.ในเรื่องนี้ แต่จดหมายซึ่งเป็นลายลักษณ์อักษรนี้ เขียนถึงคนไทยทุกคน เป็นสิ่งยืนยันความบริสุทธิ์ เมื่อถามอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความพยายามจะเดินทางกลับประเทศหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อน การเดินทางกลับมา ก็จะต้องกลับมาตามกระบวนการทางกฎหมาย คือเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่จะเดินทางกลับมา การที่มีความพยายามโยงกลุ่มอำนาจเก่านั้นเป็นเรื่องด่วนสรุป และรุนแรงเกินไป เพราะแม้แต่ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่พยายามให้สัมภาษณ์ใดๆ หรือแสดงความเคลื่อนไหว โดยอยู่เพียงเงียบๆ ดังนั้น จึงต้องเขียนจดหมายฉบับนี้มา อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะนำความจริงมาปรากฏ อย่าอาศัยความคลุมเครือมากล่าวหาคู่แข่งและทำลายกันทางการเมือง
ป๋าเหนาะเชื่อเรื่องเสียประโยชน์
นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้น พูดเลยว่าทุกอย่างเกิดจากคนในบ้านเมืองของเราเอง เกิดจากความอาฆาตมาดร้ายส่วนตัว ผิดหวัง และสูญเสียผลประโยชน์ ผิดหวังเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ทางทรัพย์สิน ไม่น่าเอาบ้านเมืองมาเป็นเครื่องมือสร้างสถานการณ์ให้เกิดความถดถอย ในความรักความสามัคคีในการอยู่ร่วมกัน ไม่คุ้มค่าเลย นายเสนาะยังกล่าวถึงกรณี คมช.และรัฐบาลมองว่าเหตุระเบิดเป็นฝีมือของกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ทางการเมืองว่า เมื่อคิดอะไรก็พูดออกมา แต่มีคนประเมินให้พูดหรือไม่ ไม่รู้ เห็นว่าคำว่าเสียผลประโยชน์ทางการเมือง มีทั้งภายในประเทศและนอกประเทศทาง คมช.และรัฐบาลก็ไม่ได้ตีแผ่ออกมา เราต้องฟัง คมช. และนายกรัฐมนตรีต้องให้กำลังใจ เพราะรัฐบาลเข้ามาแบบอุบัติเหตุในเงื่อนไขที่รัฐบาลเก่า อำนาจเก่าทำอะไรไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้ต้องรับผิดชอบทำอะไรให้ถูกต้อง และสร้างบรรทัดฐานของประชาธิปไตยให้มั่นคง โปร่งใส โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ต้องบริสุทธิ์ ยุติธรรม
โรคจิตวางบึมเก๊ป่วนเมือง
วันเดียวกันที่ จ.เชียงใหม่ ได้เกิดเหตุโกลาหลขึ้นอีกครั้ง หลังเกิดเหตุระเบิดที่มัสยิดช้างคลาน เมื่อพบวัตถุต้องสงสัยโผล่กลางเมือง โดยเวลา 03.00 น. วันที่ 2 ม.ค. พนักงานเก็บขยะเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้เก็บกล่องของขวัญบรรจุถุงดำไว้ในรถเก็บขยะ ที่ปากทางเข้าตลาดสดทิพยเนตร ต.หายยา อ.เมือง เกรงจะเป็นระเบิดและรีบแจ้งศูนย์วิทยุ บก.ภ.จ.เชียงใหม่ พร้อมจอดรถรอเจ้าหน้าที่ที่ปากซอยโรงภาพยนตร์มหานคร ต.ช้างเผือก เป็นย่านชุมชนใหญ่
ต่อมา พ.ต.อ.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รอง ผบ.กรมทหารราบที่ 7 ค่ายกาวิละ และกำลังมาที่เกิดเหตุ พร้อมประสานชุดเก็บกู้ ระเบิด ตชด.33 ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี มาตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยเป็นกล่องของขวัญบรรจุในถุงดำอีกชั้น อยู่ในรถเก็บขยะ ทะเบียน 70-3047 เชียงใหม่ ของเทศบาลนครเชียงใหม่ ทาง พ.ต.ท.ถวัลย์ บุญสูง รอง ผกก.ตชด.33 ร.ต.อ.เอกพันธ์ พงษ์ปวน หน.ชุดเก็บกู้ระเบิดฯได้ใช้เครื่องเอกซเรย์ตรวจสอบ พบภายในมีแผงวงจรต่อระบบกับนาฬิกา และมีแท่งสีแดง 2 แท่งคล้ายระเบิดเวลา
จากนั้น ให้โชเฟอร์ขับรถขยะไปจอดที่ทางเข้าอ่างเก็บน้ำหนองฮ่อ ห่างจากเดิมราว 2 กม. เพราะเป็นที่โล่ง และนำกล่องต้องสงสัยอออกจากท้ายรถขนขยะมาวางไว้ด้านนอก ก่อนใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลาย ปรากฏว่าภายในมีแผงวงจรต่อเชื่อมครบแต่ไม่มีดินระเบิด โดย พล.ต.ต.บรรฑป สุคนธมาน ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า การกระทำในครั้งนี้น่าจะเป็นฝีมือของพวกป่วนเมืองสร้างความวุ่นวาย
ตรวจสอบวุ่นอีก 2 แห่ง
อีกรายเวลา 07.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ต.บุญธรรม กำไร สวส.สภ.อ.เมืองเชียงใหม่ ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตชด.ที่ 33 ค่ายสมเด็จพระบรมราชชนนี พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รอง ผบ.กรมทหารราบที่ 7 ค่ายกาวิละ และกำลัง ไปตรวจสอบกล่องต้องสงสัยแขวนอยู่ในถุงพลาสติกใต้ หูกวาง หน้าร้านขายของที่ระลึกริมถนนในตลาดอนุสาร (ติดกับไนท์บาซาร์) ต.ช้างคลาน ระหว่างตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้กันประชาชนและปิดถนนชั่วคราว ผลการตรวจสอบพบเป็นเพียงกล่องขนมเค้กหนัก 3 ปอนด์ จากนั้นไปตรวจสอบกระเป๋าต้องสงสัยที่หน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ พบว่าเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าของผู้โดยสารที่ลืมทิ้งไว้
หม่องรับทำระเบิดหล่นเอง
สำหรับเหตุระเบิดที่ประตูทางเข้ามัสยิดช้างคลาน ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ ทำให้นายอาซิส อายุ 40 ปี ชาวพม่า คนดูแลความสะอาดมัสยิดได้รับบาดเจ็บ โดย นายอาซิสอ้างมีคนร้ายปาระเบิดเข้ามา แต่จากการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่พบแนวระเบิดอยู่ในแนวดิ่งคล้ายทำระเบิดหล่นเองนั้น ต่อมา พ.ต.ท.ธีรพล ปรุงจิตวิทยาภรณ์ พนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองเชียงใหม่ พ.อ.นพพร เรือนจันทร์ รอง ผบ.กรมทหารราบที่ 7 ค่ายกาวิละ ได้พานายวาทย์ ศรีจันทร์ดร อิหม่ามมัสยิดช้างคลานและญาติของคนเจ็บ ไปสอบสวนนายอาซิสเพิ่มเติมที่ รพ.เซ็นทรัลเมโมเรียล อีกครั้ง ในที่สุดนายอาซิสยอมรับว่าเก็บระเบิดเป็นวัตถุสีดำพันด้วยผ้าเทปสีดำที่ริมรั้วมัสยิด ด้วยความสงสัยจึงเดินไปแกะดู แต่ระเบิดหล่นพื้นเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ตอนแรกที่ให้การว่ามีคนปาเข้ามาเพราะกลัวความผิด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปชี้จุดพบระเบิด เชื่อเป็นระเบิดทำเองของกลุ่มวัยรุ่น
สั่งคุมเข้มแหล่งท่องเที่ยว
ภายหลังเกิดเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯและเชียงใหม่ นายวิชัย ศรีขวัญ ผวจ.เชียงใหม่ ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจและปกครอง เข้าดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญใน จ.เชียงใหม่ รวมทั้งสนามบิน สถานีขนส่ง และสถานีรถไฟ ส่วนดอย อินทนนท์ ซึ่งเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวแห่ไปเยือนจำนวนมาก นายอนันต์ สอนง่าย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอย อินทนนท์ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตั้งด่านนักท่องเที่ยวถึง 2 ด่าน ส่วน จ.เชียงราย กำลังทหาร ร.17 พัน 3 ค่ายพญาเม็งราย และ ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมืองร่วมกับตำรวจ บก.ภ.จ.เชียงราย เข้าดูแลและตรวจเข้มตามสถานีขนส่ง สนามบิน ห้างสรรพสินค้าและตลาดสดเทศบาลนครเชียงราย
ศพเหยื่อบึมกลับถึงบ้าน
ที่ศาลาธรรมสังเวช วัดปากฝาง ต.งิ้วงาม อ.เมืองอุตรดิตถ์ สถานที่ตั้งศพของนายสงกรานต์ กาญจนะ 1 ใน 3 ผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดกรุงเทพฯ หลังญาตินำศพมาถึงบ้านเกิดเมื่อเวลา 02.00 น. วันเดียวกัน ท่ามกลางความเศร้าสลดของญาติพี่น้อง ตอนสายมีนายวิฑูรย์ ศิริบูลย์ภักดี นอภ.เมืองอุตรดิตถ์ และคณะมาร่วมงานศพ ส่วนการช่วยเหลือญาตินั้น ทางกรุงเทพมหานครได้มอบเงินให้ 10,000 บาท และทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้ 15,000 บาท สำหรับศพของนายสงกรานต์จะตั้งสวดถึงวันที่ 5 ม.ค. และฌาปนกิจในวันที่ 6 ม.ค.นี้
พบส่วนผสมระเบิดกลางทุ่ง
ด้าน จ.นครพนม พ.ต.อ.ปัญญา ใจดีทอง ผกก. สภ.อ.นาแก รับแจ้งจากนายเสถียร ชาเครือ อายุ 47 ปี อยู่หมู่ 1 ต.นาแก ว่าพบกล่องกระดาษต้องสงสัยทิ้งไว้ในทุ่งนา ไปตรวจสอบพร้อมหน่วยเก็บกู้ระเบิด ตชด.235 อ.ธาตุพนม พบกล่องกระดาษเขียนภาษาอังกฤษข้างกล่องว่า ?HIGH EMEX DANGEROUS EXPLOSIVE? ในกล่องมีแท่งที่ทำด้วยสารเคมีบางชนิด 46 แท่ง แต่ละแท่งหนักประมาณ 500 กรัม โดย ด.ต.สมร ไชยเดช เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ระเบิด ตชด.325 เปิดเผยว่า สารเคมีตัวนี้สามารถนำไปใช้เร่งปุ๋ย หรือนำไปเป็นส่วนผสมของระเบิดได้ หากนำผสมระเบิดจะมีอานุภาพร้ายแรงเท่ากับทีเอ็นทีหนัก 29 ปอนด์ ภายหลัง พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง ผบช.ภ.4 ได้มาตรวจสอบ สั่งให้เจ้าหน้าที่สืบสวนหาที่มาอย่างเร่งด่วนต่อไป
ล่าแก๊งป่วนเมืองขุนแผน
ส่วน จ.สุพรรณบุรี นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผวจ. สุพรรณบุรี เปิดเผยถึงกรณีมือมืดนำระเบิดปลอมวางไว้บริเวณหน้าประตูทางเข้าพรรคชาติไทย สาขาสุพรรณบุรี ว่า ถือเป็นการกระทำที่เลวทรามของแก๊งป่วนเมือง แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งให้ทุกหน่วยงานวางมาตรการป้องกันสถานที่สำคัญและย่านชุมชนต่างๆทั่วทั้งเมืองแล้ว ขณะที่ พล.ต.ต.ปราโมทย์ ไทรหอมหวล ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ได้แต่งตั้งให้ พ.ต.อ.วีระ บุตรโพธิ์ รอง ผบก.เป็นหัวหน้าชุดควบคุมดูแลและติดตามหามือมืดมาดำเนินคดี โดยเร่งตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ พร้อมหาพยานหลักฐาน
ประณามมือระเบิด ?อมนุษย์?
ตอนสายวันเดียวกัน นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว. มหาดไทย ได้เดินทางไปมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ อ.สองพี่น้อง อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงเหตุวางระเบิดปลอมหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย จ.สุพรรณบุรี ว่ากลุ่มคนลงมืออาจจะเห็นว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พูดเอาใจรัฐบาลและ คมช.เลยสร้างสถานการณ์ขึ้นมา แต่ที่ร้ายแรงที่สุดคือที่กรุงเทพฯไม่ทราบว่าคนพวกนี้ทำเพื่ออะไร เพราะการวางระเบิดทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องต้องเสียชีวิตถือเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุด คนที่ทำนั้นถือว่าเป็นอมนุษย์ คิดว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานจะดีกว่า และมีความพยายามยุยงให้เรื่องที่มาจากทางภาคใต้ เพราะคนทางใต้เขาไม่รู้จักพื้นที่ ทำเพื่อจะให้ตัวเองกลับมาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่เพื่อความไม่ประมาท ควรเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ป้องกันอย่างเต็มที่และเฝ้าระวัง เข้มงวดในจุดเสี่ยงทั้งหมด
หาดใหญ่ตรวจเข้มทุกจุด
เหตุระเบิดในกรุงเทพฯยังส่งผลกระทบไปหลายจังหวัดโดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ระดมเจ้าหน้าที่เข้าคุมเข้มสถานที่สำคัญหลายแห่งทั้งสนามบิน สถานีขนส่งและสถานีรถไฟ รวมทั้งถนนสายหลักสายรองภายในจังหวัด เช่นเดียวกับ จ.กระบี่ พล.ต.ต.ภูวดล วุฑฒกนก ผบก.ภ.จ. กระบี่ ได้สั่งเพิ่มกำลังเสริมเข้าไปในพื้นที่ล่อแหลม รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น เกาะพีพี อ่าวนาง ไร่เลย์ เกาะลันตา และตามแหล่งชุมชน ขณะที่นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า เหตุระเบิดที่กรุงเทพฯส่งผลกระทบต่อภาพรวมในด้านการท่องเที่ยวและการลงทุน ดังนั้นรัฐบาล และ คมช.ต้องเร่งหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังให้ได้โดยเร็ว หากปล่อยไว้นานจะเกิดความอึมครึมจะส่งผลกระทบต่อประเทศ โดยเฉพาะความเชื่อมั่น
รมช.คลัง เชื่อไม่กระทบลงทุน
สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะตามมาหลังเหตุระเบิดหลายแห่งใน กทม. โดยเฉพาะในช่วงเปิดทำงานเป็นวันแรกหลังหยุดยาวช่วงปีใหม่นั้น เมื่อวันที่ 2 ม.ค.นายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการดูแลการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นพิเศษ เนื่องจากให้น้ำหนักผลกระทบจากเหตุระเบิดไม่มาก อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้กระทบต่อผู้ลงทุนมาก รวมถึงเชื่อว่าไม่กระทบต่อเศรษฐกิจ และเมื่อนายกรัฐมนตรีออกมาชี้แจงล่าสุด เชื่อว่าทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจมากขึ้น รวมทั้งมีการประเมินว่าเหตุระเบิดเป็นเรื่องของผู้ที่สูญเสียประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งไม่เชื่อมโยงกับสถานการณ์ในภาคใต้ ดังนั้น ความวิตกกังวลจึงไม่น่าจะมาก
อย่าตื่นรีบขายหุ้น
ขณะที่นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ถ้าไม่เกิดเหตุระเบิดในกรุงเทพฯเพิ่มอีก เชื่อว่าคงจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไม่แรงมากนัก เพราะตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุนเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น เนื่องจากดัชนีระดับ 679.84 จุด มีค่าพี/อี เรโชต่ำเพียง 8 เท่า และในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็จะทยอยจ่ายเงินปันผล สำหรับผลประกอบการงวดปี 2549 ซึ่งอัตราผลตอบแทนจากปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5% ถือว่าเป็นระดับที่ดี และจากการหารือกับโบรกเกอร์ต่างชาติ พบว่าส่วนใหญ่ยังรอประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยังให้น้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย หากสถานการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้เสียประโยชน์ทางการเมืองอย่างที่รัฐบาลประเมิน หากเป็นการประเมินถูก รัฐบาลน่าจะแก้ปัญหาได้ตรงจุดและเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยว รวมถึงนักลงทุนด้วย
?ขอฝากถึงผู้ลงทุนว่า ขอให้ประเมินสถานการณ์ อย่างใกล้ชิดและอย่าตื่นตระหนก ตกใจ แล้วรีบขายหุ้นออกมา เพราะอาจทำให้เสียโอกาสการลงทุน? นางภัทรียา กล่าว
ค่าเงินบาทไม่อ่อนไหว
สำหรับภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทนั้น นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดซื้อขายเงินตราในต่างประเทศ โดยในตลาดสิงคโปร์ และตลาดฮ่องกงได้เปิดทำการซื้อขายเป็นวันแรกหลังจากหยุดเทศกาลปีใหม่ ปรากฏว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังเป็นปกติใกล้เคียงกับช่วงสิ้นปี โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 35.40-35.60 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าตลาดในต่างประเทศคงติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในประเทศ ซึ่งจะเปิดทำการซื้อขายในวันที่ 3 ม.ค.นี้ โดยตลาดในประเทศคาดว่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 36.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าจากปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ เหตุระเบิดในกรุงเทพฯ ในแง่ของตลาดเงินเชื่อว่าจะส่งผลทางจิตวิทยาระยะสั้น และส่งผลกระทบต่อตลาดเงินบาทไม่มาก และหากค่าเงินจะผันผวนเชื่อว่าจบภายในวันเดียว เนื่องจากระเบิดที่เกิดขึ้นมีคนเสียชีวิตไม่มาก อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของค่าเงิน ต้องติดตามดูว่าตลาดหุ้นเปิดทำการแล้วเป็นอย่างไร สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวต้องติดตามดูว่าเมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีจำนวนลดลงมากหรือไม่ และหากลดลงมากจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายทางเศรษฐกิจของประเทศไทยแน่นอน
เพิ่มกำลังคุมสุดเข้มสุวรรณภูมิ
ขณะเดียวกัน บรรยากาศการเดินทางกลับเข้ามาทำงานของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เริ่มหนาแน่นและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจ ที่คุมเข้มในการตรวจสอบสิ่งผิดปกติต่างๆ ภายในท่าอากาศยานฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานมากเป็นพิเศษคอยประจำทุกประตูเข้า-ออกของอาคารที่พักผู้โดยสาร ส่วนการสำรองที่นั่งทุกสายการบินถูกจองเต็มหมดแล้ว ทั้งการบินไทยและสายการบินต้นทุนต่ำ ทำให้การบินไทยต้องเพิ่มเที่ยวบินพิเศษอีก 3 เที่ยวบิน สำหรับเส้นทางจากจังหวัดกระบี่ เชียงราย และเชียงใหม่ เพื่อรองรับการเดินทางกลับของผู้โดยสาร
ททท.ชี้คนไทยทำต่างชาติกังวล
ด้านนางพรศิริ มโนหาญ ว่าที่ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ยังไม่มีแผนปรับเป้าหมายด้านการท่องเที่ยว จากที่ตั้งไว้ 14.8 ล้านคน และรายได้ที่ 547,000 ล้านบาท และรวมถึงเป้าหมายการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเชื่อว่าเหตุระเบิดก่อนส่งท้ายปีเก่าจะกระทบเพียงระยะสั้น เพราะมีสาเหตุจากปัญหาการเมืองภายใน ไม่ใช่การก่อการร้าย โดย ททท.จะเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกความเชื่อมั่น และบรรยากาศการท่องเที่ยวกลับมาให้เร็วที่สุด ซึ่งในวันที่ 3 ม.ค.นี้ ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาจะเรียก ททท.ประชุมวางแผนรับมือสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม มาตรการเบื้องต้น ททท.จะเร่งทำ 2 ระดับ ซึ่งในส่วนต่างประเทศได้สั่งการให้ สำนักงาน ททท.ทั่วโลก 18 แห่ง เร่งทำความเข้าใจกับบริษัทนำเที่ยว สื่อมวลชน และนักท่องเที่ยว โดยนำสาสน์คำชี้แจงจากรัฐบาล แปลเป็น 18 ภาษา ออกเผยแพร่ไปทั่วโลกแล้วก็จะนำข้อความลงในเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มช่องทางชี้แจงเพิ่มเติมด้วย ส่วนในประเทศจะรณรงค์ขอความร่วมมือคนไทยให้ร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี เพราะหากคนไทยตื่นตระหนกจะส่งผลให้บรรยากาศและชาวต่างชาติวิตกกังวลตามไปด้วย
ด้านนายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มียอดนักท่องเที่ยวยกเลิกเข้ามา เพราะยังอยู่ช่วงวันหยุดอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามกับบริษัททัวร์จากสวีเดน พบว่าสนใจเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ บ้าง ส่วนที่มีตัวแทนสมาคมระบุว่าจะเสียหายท่องเที่ยว 300,000 ล้านบาทนั้น เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้มาจากสมาคม และเชื่อว่าไม่น่ามีผลกระทบมากถึงขนาดนั้น เช่นเดียวกับนายเอนก ศรีชีวชาติ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวว่า ต้องจับตาดูเมื่อเปิดทำการวันแรก ในวันที่ 3 ม.ค. นี้ จะมีการยกเลิกทัวร์หรือไม่ ส่วนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักผ่อนอยู่แล้วในช่วงนี้ ตามชายฝั่งทะเลอันดามัน ยังไม่มีการเดินทางกลับแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม น่าห่วงว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะยืดเยื้อหรือไม่ ซึ่งอาจกระทบต่อการท่องเที่ยวระยะยาวได้
ยืนยันเมืองพัทยาไม่มีบึม
ส่วนที่เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กรณีมีข่าวพบกล่องระเบิดมีเชื้อประทุอันตราย ที่หน้าห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล-บิ๊กซี พัทยาเหนือ เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค.นั้น พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สภ.ต.พัทยา เปิดเผยว่า กล่องดังกล่าวเป็นเพียงกล่องกระดาษสีน้ำตาลวางอยู่ในตะกร้ารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สีเลือดหมูทะเบียน กรต 396 ชลบุรี ของนายศักดิ์ดา รื่นโป่ง อายุ 26 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ พนักงานของร้านเอ็มเค สุกี้ ภายในห้าง เมื่อทางร้านให้ กลับบ้านก่อนเวลา หลังจากเกิดระเบิดที่ กทม. ก็พบว่ามีกล่องดังกล่าววางอยู่ในตะกร้าหน้ารถ จยย. จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ในเวลา 02.00 น. วันที่ 1 ม.ค. ทาง สภ.ต.พัทยา จึงประสานให้หน่วยเก็บกูระเบิดจากฐานทัพเรือสัตหีบไปตรวจสอบ พบว่าเป็นเศษจานกระเบื้องแตกอยู่ในกล่องที่คนนำมาวางทิ้งไว้ในตะกร้ารถ จยย. อย่างไรก็ดี ในคืนวันที่ 31 ม.ค. ต่อเนื่องวันที่ 1 ม.ค. พล.ต.ท. อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ รอง ผบช.ภ.2 ได้นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบออกมาควบคุมตรวจตรารักษาความสงบด้วยตนเอง แต่ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น
งานเคาต์ดาวน์สนุกสุดขีด
นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เมื่อคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ งานเคาต์ดาวน์ ของเมืองพัทยาไม่มีการสั่งยกเลิก และงานจัดผ่านไปด้วยความราบรื่น นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศต่างสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ บรรยากาศที่พัทยาเงียบสงบไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากนายประชา เตรัตน์ ผวจ. ชลบุรี ได้วางมาตรการคุมเข้มมาโดยตลอด มีทั้งทหารและตำรวจร่วมมือกันป้องกันเหตุอย่างเต็มที่ ทางด้านนายสุรัตน์ เมฆะวรากุล ประธานสภาวัฒนธรรมเมืองพัทยา และอดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรมเมืองพัทยา กล่าวว่า แม้ว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นทั้งที่ กทม. และข่าวลือต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่เมืองพัทยากลับดีขึ้น ยังคงมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาจองห้องพักโรงแรมเพิ่มขึ้น บางส่วนใช้พัทยาเป็นที่พัก ก่อนจะไปเที่ยวต่อที่เกาะช้างและเกาะกูด
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์