ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 02.15 น. วานนี้ (20 ธ.ค.) พ.ต.ท.นิพัทธ หนุนภักดี พนักงานสอบสวน สภ.ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งจากนายเสนาะ โตทอง นายก อบต.คลองวาฬ ว่ามีเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนอุดมราชภักดี หรือโรงเรียนบ้านหนองน้ำขาว ตั้งอยู่ถนนสายเพชรเกษม-ด่านสิงขร หมู่ 9 ต.คลองวาฬ จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.สมชัยสิทธิชัย รอง ผกก.หน.สภ.ต.คลองวาฬ พ.ต.ท.สมาน แอนโอนอารี สวป. และประสานรถดับเพลิงเทศบาลตำบลคลองวาฬ อบต.ห้วยทราย อบต.คลองวาฬ และเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 4 คัน ไปฉีดน้ำดับไฟ
เมื่อไปถึงพบเพลิงกำลังโหมกระหน่ำลุกไหม้อาคารเรียน 2 ชั้น ครึ่งตึกครึ่งไม้ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาฉีดน้ำนานกว่า 2 ชม. จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยไฟได้เผาอาคารเรียนวอดเสียหายทั้งหลัง ขณะเดียวกันนายสมหมาย ชนะกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 และนายวิจิตร ใยบำรุง ผู้อำนวยการโรงเรียนอุดมราชภักดี ได้เดินทางไปตรวจสอบทราบว่า อาคารเรียนดังกล่าวชั้นบนเป็นห้องเรียนระดับ ป.2 ป.4 ป.5 และ ป.6 ส่วนชั้นล่างเป็นห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องอำนวยการ โดยอุปกรณ์การเรียนและหนังสือถูกไฟไหม้ หมด สอบถามนายสุรเชษฐ์ โลหิตหาญ ครูเวร ทราบว่าก่อนเกิดเหตุเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากชั้นบนบริเวณห้องเรียนชั้น ป.4 ก่อนมีเปลวไฟลุกไหม้ จึงรีบแจ้งให้ ทางนายก อบต.คลองวาฬ และผู้อำนวยการโรงเรียนทราบ
ต่อมาเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน นายประสงค์ พิทูรกิจจา ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยนายสนิท บุญก่อสกุล รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.อ.สุรินทร์ นิลเหลือง ผบ.ฉก.ร.19 กองกำลังสุรสีห์ และนายฐานิศร์ น้อยเพ็ง นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้ไปตรวจสอบและสั่งให้ครูนำนักเรียนชั้น ป.2 ป.4 ป.5 และ ป.6 จำนวน 70 คน ที่ไม่มีที่เรียนให้ย้ายลงมาเรียนอาคารชั้นเดียวอีกหลัง
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.วิรัช น้ำทองไทย หัวหน้าตำรวจวิทยาการประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับนายสุนทร นันท์ธนะวานิช ผู้จัดการสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนในครั้งนี้ โดยเบื้องต้นพบว่าไฟลุกลามมาจากห้องพักครู แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไม่
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.สุชีพ หนูนาง รอง ผบช.ภ.7 ได้เดินทางไปตรวจสอบเหตุไฟไหม้โรงเรียนอุดมราชภักดี พร้อมเรียกชุดสืบสวนเข้าประชุม จากนั้น รอง ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ได้ เนื่องจากอาคารซึ่งถูกไฟไหม้ ได้พังลงมาทับถมกัน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานต้องหารายละเอียดเศษวัสดุของอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อดูว่ามีปัญหาที่อุปกรณ์ไฟฟ้าในอาคารเรียนหรือไม่ ส่วนกรณีการวาง เพลิง จากการตรวจสอบในเบื้องต้นยังไม่พบร่องรอยหรือหลักฐานแต่อย่างใด ทั้งนี้ อาคารเรียนหลังดังกล่าวมีลูกกรงทุกห้องและจากการตรวจสอบเหล็กดัดและลูกกรง ก็ยังไม่พบร่องรอยของการงัดแงะ ส่วนประเด็นเรื่องคลื่นใต้น้ำก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นฐานการ เมืองของพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนั้น ในส่วนของปัญหาความขัดแย้งระหว่างครูกับชาวบ้านในพื้นที่และการร้องเรียนเรื่องการทุจริต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประจวบฯ เขต 1 ก็แจ้งว่าไม่มีแต่การสอบสวนทุกอย่างจะต้องละเอียด ขณะนี้ทราบเพียงว่าต้นเพลิงน่าจะเกิดจากห้องพักครูชั้นล่าง ทั้งนี้ ยังต้องเก็บหลักฐานส่งให้ กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุไฟไหม้โรงเรียน ชาวบ้านในพื้นที่ต่างวิจารณ์ถึงสาเหตุ โดยส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าต้นเหตุจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร แม้ว่าโรงเรียนดังกล่าวจะสร้างมาเกือบ 30 ปีก็ตาม จึงไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ด่วนสรุป แต่อยากให้ตรวจสอบหาพยานหลักฐานให้แน่ชัดเสียก่อน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตที่ยังอยู่ระหว่างการประกาศกฎอัยการศึกของ คมช.
ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี อ.เมืองสุรินทร์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคมช. เปิดเผยระหว่างเดินทางไปให้นโยบายเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และไทย-ลาว ว่า ขณะนี้เกิดภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่สร้างความแตกแยกให้แก่คนไทยขัดแย้งกันในสังคม อย่างที่เห็นก็คือการเผาโรงเรียนที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายแห่ง และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เกิดที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีขบวนการทำให้คนไทยเกิดความขัดแย้งแตกแยก และทำให้รัฐบาลขาดความเชื่อถือ เราต้องระมัดระวังให้ มาก ส่วนการป้องกันแก้ไขเรื่องดังกล่าวนั้นทางกองทัพก็มีวิธีการอยู่แล้ว โดยได้สั่งให้ทุกพื้นที่ดำเนินการป้องกันและแก้ไขภัยคุกคามรูปแบบใหม่นี้ และถือเป็นงานหลักที่ต้องดำเนินการ
ด้านนายสุพร อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย ที่เพิ่งเข้าให้ปากคำตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจกรณีลอบวางเพลิง รร.สกัดนากวิทยา อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เมื่อคืนวันที่ 16 ธ.ค. ว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่เคยมีคำสั่งให้ อดีต ส.ส.ทุกคนในพรรคไปกระทำการใดๆที่เป็นปรปักษ์ หรือเป็นปัญหาต่อ คมช.และรัฐบาล การเล่นเกมใต้ดินจึงไม่ใช่ยุทธวิธีของพรรคไทยรักไทย แต่เหตุการณ์เผาโรงเรียนที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งมักจะใส่ร้ายป้ายสีโยนไปที่อดีต ส.ส.ไทยรักไทยแทบทุกพื้นที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณ 17 แห่งนั้น คมช.และรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มมือ มีกลไกรัฐเต็มที่ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาดเอาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ แสดงว่ามีเบื้องหลังเบื้องลึก มีกระบวนการแอบไปดำเนินการโดยผู้มีอำนาจหรือไม่ และเหตุการณ์แต่ละครั้งจะมีแต่อดีต ส.ส.ไทยรักไทยเท่านั้นที่ถูกเรียกไปสอบปากคำ ไม่ปรากฏพรรค การเมืองอื่นเลย และมีข้อน่าสังเกตว่าการลอบวางเพลิงส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนที่ทรุดโทรมแล้ว จะมีการรื้อถอนอยู่และได้รับอนุมัติงบประมาณก่อสร้างใหม่ ส่วนตัวมองว่าอาจจะมีความจงใจที่จะคงกฎอัยการศึกไว้ในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอาจเป็นเหตุผลโยงใยให้คมช.สืบทอดอำนาจต่อโดยอ้างเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยเหล่านี้
?ขอฝากไปยังผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่า ถ้าบริสุทธิ์ ใจ ไม่ได้เป็นไอ้โม่งผู้ดำเนินการเสียเอง ต้องหาคนทำผิดมาลงโทษ เชือดไก่ให้ลิงดูให้ได้ อย่าเพิ่งปรักปรำนัก การเมืองที่เป็นอดีต ส.ส.ไทยรักไทย เหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา จะเป็นกรณีศึกษาที่ผมจะขอตามบี้ คมช.และนายกฯให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดภายใน 1 เดือน ถ้าไม่ได้ ภายใน 1 เดือน ผมจะพาประชาชนมายื่นหนังสือนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มีผลกระทบต่อผม ครอบครัวผม ลูกผมถูกคนตราหน้าว่าพ่อเป็นคนเผาโรงเรียน ผมจะตามเรื่องถึงที่สุด ไม่ยอมให้เรื่องนี้เป็นมวยล้มต้มคนดูเด็ดขาด? นายสุพรกล่าว
ขณะที่ พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งด่วนที่สุดไปยังผู้บังคับการตำรวจ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ประกอบด้วยนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และยโสธร วางมาตรการป้องกันมิให้เหตุเพลิงไหม้โรงเรียนอันอาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและเกิดความไม่ มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยกำชับให้ทุกท้องที่ถือปฏิบัติตามหนังสือสั่งการอย่าง เคร่งครัด และเพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้มีเหตุเพลิงไหม้ โรงเรียนเกิดขึ้นอีกรวมทั้งสร้างความอบอุ่นให้กับประชาชน นักเรียน ครู อาจารย์
วันเดียวกัน พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช รอง ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงถึงการสอบสวนเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคเหนือตอนล่าง และภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.-14 ธ.ค. ที่ผ่านมา ว่าเกิดขึ้นรวมทั้งสิ้น 45 คดี โดยเหตุเพลิงไหม้ 5 โรงเรียน ในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมาสรุปได้แล้วว่าเป็นการลอบวางเพลิง เนื่องจากเกิดเหตุขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน มีการเริ่มจับกุมคนผิด รวมทั้งเหตุเพลิงไหม้ที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 26 อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ และโรงเรียนบ้านโนนรัง อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ก็เป็นการลอบวางเพลิงเช่นกัน สำหรับเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนที่เหลือพิสูจน์แล้วว่าเกิดจากเหตุไฟฟ้าลัดวงจร 14 แห่ง ส่วนอีก 24 แห่ง ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุให้แน่ชัด
ส่วนที่มองว่าการลอบวางเพลิงเป็นการลอกเลียน แบบเหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้นั้น พล.ต.อ.อชิรวิทย์กล่าวว่า การที่คิดเลียนแบบเผาโรงเรียน สถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดภาคใต้ เกิดขึ้นในประเทศไทย ยอมรับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าวและไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่ว่าในพื้นที่ไหนของประเทศ ใครจะโกรธจะเคืองกัน ไม่ชอบกัน เรื่องส่วนตัว หรือการเมืองสถาบันศึกษา โรงเรียนไม่ใช่ตัวตัดสิน ไม่ใช่เครื่องระบายอารมณ์ใคร ส่วนที่หลายคนมองเรื่องการเมืองที่มีคลื่นใต้น้ำเคลื่อนไหวในพื้นที่เกิดเพลิงไหม้ก็ตอบไม่ได้ พนักงานสอบสวนตั้งไว้หลายประเด็น เมื่อถามว่าจะเรียก ส.ส. ทรท.ที่มีข่าวพาดพิงพบพนักงานสอบสวน พล.ต.อ.อชิรวิทย์กล่าวว่า เป็นเรื่องของ คมช.พนักงานสอบสวนพาดพิงไปถึงต้องเรียกมาสอบสวนปากคำ
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่กองการบิน กรมการขนส่งทางบก (ขส.ทบ.) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกและประธาน คมช. ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังเดินทางกลับจาก จ.สุรินทร์ กรณีการวางเพลิงโรงเรียนหลายแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่าได้คุยกับผู้ว่าฯในหลายจังหวัด ทราบว่า ทางผู้ว่าฯมีแผนดำเนินการแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือผู้ที่เผาไม่ใช่คนในพื้นที่ เมื่อถามว่า ผู้ที่ก่อเหตุมีผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า ปกติงานข่าวต้องมีการวิเคราะห์ว่าผู้ที่ทำคือใคร คงต้องฝากผู้สื่อข่าวช่วยวิเคราะห์ว่าผู้ทำควรจะเป็นใคร ทั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำให้แม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ เมื่อถามถึงการยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ว่าด้วยการห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง พล.อ.สนธิกล่าวว่า อยากจะให้พรรคการเมืองทำมาเป็นรายๆพรรคไปว่าจะทำอะไร ส่วนจะยกเลิกในบางมาตราที่จะกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่นั้นอาจจะต้องมาศึกษาอีกครั้ง
ที่สโมสรนายทหารกองพลทหารราบที่ 6 ค่ายประเสริฐสงคราม อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ในช่วงสายวันเดียวกัน พล.ต.ธีรศักดิ์ ฤทธิวงศ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พ.อ.ฉลองชัย ยาวะโนภาส นายทหารฝ่ายการข่าว กองข่าวกองทัพภาคที่ 2 ได้เชิญ ผวจ. 4 จังหวัดประกอบด้วย จ.ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และยโสธร เข้าประชุมหารือเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาไฟไหม้โรงเรียนและสถานที่ต่างๆในภาคอีสาน ทั้งนี้ พ.อ.ฉลองชัยได้สรุปเหตุการณ์ไฟไหม้โรงเรียนในภาคอีสานตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. เป็นต้นมา ว่า เกิดขึ้นทั้งหมด 17 ครั้ง แยกเป็น จ.หนองคาย 4 ครั้ง นครราชสีมา 4 ครั้ง บุรีรัมย์ 2 ครั้ง ศรีสะเกษ 2 ครั้ง อุบลราชธานี 1 ครั้ง ชัยภูมิ 1 ครั้ง กาฬสินธุ์ 1 เลย 1 ครั้ง และยโสธร 1 ครั้ง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรและอยู่ในระหว่างการสอบสวน สำหรับกรณีไฟไหม้โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 26 อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เกิดจากการวาง เพลิงของนักเรียนที่เกเรและโกรธแค้นที่ครูเข้มงวดเกินไป ส่วนที่ รร.บ้านน้อยกุดคล้า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เกิดจากความคึกคะนองของเด็ก ขณะนี้แม่เด็กพามอบตัวแล้ว
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์