สตูล, ผกก.ละงู ปฏิเสธพบศพเศรษฐีเมืองผู้ดีลอยติดเกาะ ( ข่าวสตูล )

สตูล - ผกก.สภ.ละงู ยันยังไม่พบศพนักท่องเที่ยวอังกฤษ ซึ่งถูกชาวพม่าฆ่าเพื่อชิงเรือ เป็นการเข้าใจผิด ขณะที่ภรรยาขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก และเตรียมเดินทางกลับประเทศพรุ่งนี้ หากยังไม่เจอร่างสามี ส่วนผู้ประกอบการท่องเที่ยวสตูล ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐเอาคดีนี้เป็นอุทาหรณ์ตีกรอบอย่าเกิดซ้ำรอย

วันที่ 27 มี.ค. ชุดปฏิบัติการค้นหาร่างของ นายมาลคอม โรเบิร์ตสัน นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ อายุ 64 ปี ซึ่งถูกชาวพม่าฆ่าเพื่อปล้นเรือยอชต์ยังไม่ล้มเลิก แม้สภาพอากาศเลวร้ายมีทั้งคลื่นลมฝนตกเป็นระยะ แต่ชุดค้นหายังคงเดินหน้าต่อ แม้ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวการพบร่างของ นายมาลคอม โรเบิร์ตสัน แต่เมื่อมีการตรวจสอบพบว่าเป็นเพียงการเข้าใจผิด

ด้าน พ.ต.อ.วิรัตน์ อ่อนสง ผกก.สภ.ละงู ได้ตรวจสอบการข่าวแล้วว่า ก่อนหน้านี้ ที่มีการแจ้งว่าพบศพ เมื่อตรวจสอบปรากฏว่า เป็นการเข้าใจผิด ซึ่งขณะนี้กำลังของตำรวจน้ำสตูล ร่วมกับชุดตรวจการอุทยานฯตะรุเตา และเรือประมงของชาวบ้าน ยังคงลาดตระเวนค้นหาร่างของนักท่องเที่ยวอย่างไม่ลดละ

ส่วนเรือยอชต์ของกลาง หลังเสร็จสิ้นการสืบพยานของ นางลินดา แอนนี่ โรเบิร์ตสัน ก็สามารถมาขอรับคืนไปเก็บรักษาได้เลย เพียงตำรวจจะลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น โดยขณะนี้ได้จัดกำลังตำรวจดูแลรักษาอยู่ที่ท่าเทียบเรือปากบารา

ด้าน นางลินดา แอนนี่ โรเบิร์ตสัน หลังขึ้นศาลจังหวัดสตูลและศาลเยาวชนฯในวันนี้แล้ว กล่าวว่า จะเดินทางกลับประเทศ พร้อมครอบครัวที่มารับในวันพรุ่งนี้ หากวันนี้ยังไม่สามารถค้นหาตัวสามีที่สูญหายไปในทะเล เมื่อครบ 3 วัน หากเสียชีวิตจริงศพจะลอยขึ้นเหนือน้ำ และตามธรรมชาติจะจมลงสู่ก้นทะเลในวันที่ 4 ทำให้การค้นหายากลำบากอีกครั้ง

ด้านการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล หลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญต่อนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ นายเดชา ดำกระบี่ ผู้ประกอบการทัวร์ท่องเที่ยวจ.สตูล กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสตูล มากพอสมควร ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อการท่องเที่ยว แต่ก็ไม่ทั้งหมด เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เข้าใจว่า เป็นการกระทำของแรงงานต่างชาติ และเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้อย่างทันควัน แต่นั่นก็ควรเป็นอุทาหรณ์ถึงมาตรการที่รัดกุมต่อการนำแรงงานต่างชาติมาใช้ในพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวว่า ควรจะมีมาตรการที่รัดกุมกว่านี้เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีกครั้ง

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์