ชาวบ้านริมคลองสตูล ผุดไอเดียเปิดโฮมสเตย์ขายธรรมชาติบริสุทธิ์-วิถีชีวิตชาวเล หารายได้เข้าชุมชน สร้างชุมชนเข้มแข็ง รายได้สะพัดเดือนละประมาณ 3,000-4,000 บาท
นางจิตราภรณ์ ขาวเฉาะ ครูโรงเรียนบ้านวังปริง และผู้ดูแล “โครงการท่องเที่ยว เพื่อชีวิต และธรรมชาติ” กล่าวถึงการดังกล่าวว่า “โครงการท่องเที่ยว เพื่อชีวิตและธรรมชาติ” นี้ อยู่ภายใต้โครงการ “เรด” ของกองทุนแคนาดาฟันด์ ที่โรงเรียนร่วมกับชุมชน ซึ่งโรงเรียนเป็นแหล่งวิชาการและแหล่งศึกษาของนักเรียน และชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ในอนาคตจะมีการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ธรรมชาติให้มีความยั่งยืนตลอดไป
สำหรับจุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวตรงนี้ คือ มีสัตว์ทะเล โดยเฉพาะหอยที่อุดมสมบูรณ์ และใหญ่ที่สุดในบริเวณชายฝั่งตรงนี้ มีความหลากหลายชนิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ โดยเฉพาะหอยนางรม หอยลอกัน และอีกหลายชนิด ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ เนื่องจากว่าบริเวณนี้มีแหล่งแพลงตอนจำนวนมาก หลังคลื่นสึนามิถล่มจึงมีหอยมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ โดยโครงการนี้สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนเดือนละประมาณ 3,000-4,000 บาท โดยโรงเรียนบ้านวังปริง ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ ชาวบ้านพื้นที่หมู่ 3 ตำบลท่าเรือกว่า 30 คน รวมกลุ่มกันจัดตั้งขึ้น พร้อมกับเกิดแนวคิดในการสร้างโฮมสเตย์ สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ บริเวณคลองนาว ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ จ.สตูล
นอกจากนี้ ยังมีบริการเรือ สำหรับล่องชมธรรมชาตินั่งได้ประมาณ 5 คน คิดค่าบริการ 200 บาทต่อลำ และนักท่องเที่ยวสามารถดำงมหอยนางรม หอยตาแดง หอยจุ๊บแจง และปลาชนิดต่างๆ มาปรุงเป็นอาหารได้โดยไม่ใช้เครื่องทุ่นแรงด้วย
ด้าน นางสาว แอนนี่ นวลสมอ ผู้ดูแลโฮมสเตย์ กล่าวถึงค่าบริการที่พักและค่าอาหาร ว่า จะคิดเป็นรายหัวละ หัวละ 300 บาท มีอาหาร 3 มื้อ, หัวละ 250 บาท มีอาหาร 2 มื้อ สำหรับหัวละ 180 บาท มีบริการปรุงอาหารให้ 3 มื้อ แต่ต้องนำวัตถุดิบมาเอง ส่วนหัวละ 150 บาท มีบริการปรุงอาหารให้ 2 มื้อ แต่ต้องนำวัตถุดิบมาเองเช่นเดียวกัน ซึ่งโฮมสเตย์ปัจจุบันได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์