“ผอ.สพท.สตูล” เปิดใจสื่อยันไม่มีการอมเงินบริจาคสึนามิกว่า 2 ล้านบาท ยันทำตามหลักเกณฑ์ทุกอย่าง ชี้ สตง.ยึดเงินคืนเป็นเพราะการตีความ รับมีความขัดแย้งภายในสำนักงาน
จากกรณีมีผู้ร้องเรียนผ่านสื่อว่า โครงการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาจากธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ส่อไปในทางทุจริต หลังพนักงานขับรถของเขตพื้นที่การศึกษาคนหนึ่ง อ้างว่าหลังรับเงินจากโครงการดังกล่าวชีวิตมีแต่ปัญหา ทำมาหากินติดขัดนอนไม่หลับและมักจะฝันเห็นผีสึนามิมากมายตามมาทวงเงินบริจาคคืน ตนจึงนำเงินที่ได้มาไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย
ด้าน นายคนึง ย้อยเสริฐสุด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จังหวัดสตูล ได้ชี้แจงพร้อมนำเอกสารมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า การทำเรื่องเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับข้าราชการใน สพท. และลูกจ้างในสำนักงานนั้นมีการทำบันทึกการทำงานตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนดทั้ง 24 ข้อ ซึ่งหลักเกณฑ์ในส่วนของ สพท.นั้นมีเพียง 14 ข้อคือ เช่น การลงพื้นที่ การสำรวจปัญหา ระดมทรัพยากรในชุมชนลงไปตรวจเยี่ยมครู ประสานติดตามการทำงานจัดทำประมาณการความเสียหายโรงเรียนร้าว 18 แห่ง
ผู้อำนวยการ สพท.ยืนยันว่า การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิในช่วงที่เกิดเหตุในพื้นที่ จ.สตูล ทั้งที่ได้รับผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อมตามเกณฑ์ที่ ครม.กำหนดไว้ทุกอย่าง ส่วนการเรียกเงินคืนในครั้งนี้เข้าใจว่าเป็นเพราะการตีความที่แตกต่างกัน เนื่องจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยึดระเบียบกระทรวงการคลังที่เขียนไว้กว้าง ๆ โดยเฉพาะมองว่าทางครูและบุคลากรในเขตสตูลไม่ได้จัดอยู่ในการช่วยเหลือ
“ความจริงไม่น่าอภิรมย์แต่เราก็เหน็ดเหนื่อยและเสี่ยงภัยในการเข้าไปช่วยเหลือเด็ก รวมทั้งการปฎิบัติงานอย่างต่อเนื่องในการฟื้นฟูสภาพจิตใจ ตรวจสอบ ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานกันอย่างจริงจังในขณะนั้น” นายคนึง กล่าว และว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นเชื่อว่ามาจากการขัดแย้งกันเล็กน้อยในสำนักงาน ที่พนักงานบางคนซึ่งได้ไม่ทำงานแต่กลับทำเรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สตง., สพฐ. และเว็บไซต์ของจังหวัดอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีการตรวจสอบ
ผู้อำนวยการ สพท.สตูล ยอมรับว่ามีผู้บริหารโรงเรียนหลายคนยังคงติดใจการเรียกเงินคืนของ สตง.เพราะทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่เมื่อได้รับเงินบำรุงขวัญที่ควรได้แล้ว สตง.กลับคืน อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ปัญหายืดเยื้อจึงทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักงบประมาณตามข้อสังเกตของ สตง.ว่าการเบิกจ่ายเงินเข้าเงื่อนไขหรือไม่ แต่สำนักงบประมาณยังไม่ตอบกลับมา
โดยทาง สตง.แจ้งมาให้เรียกเงินคืนทั้งหมดจำนวน 2,350,000 บาท ที่มีการเบิกจ่ายให้ข้าราชการและลูกจ้าง 690 ราย ก่อนวันที่ 2 มีนาคมนี้ซึ่งขณะนี้ก็มีการทยอยคืนเงินกันแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสำนักงานประมงจังหวัดก็มีกรณีคล้ายกันถูกเรียกเก็บเงินคืนไปก่อนหน้าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์