ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ในแถบ อันดามัน ( ภูเก็ต, กระบี่, ระนอง, ตรัง, พังงา, สตูล )

ตรัง, ผวจ.ตรังแถลงข่าวจับแก๊งยาบ้า ( ข่าวตรัง )

นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผวจ.ตรัง (กลาง) แถลงข่าวจับกุมแกงค์ค้ายาบ้า

ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังจัดแถลงข่าว ผู้ว่าฯ พบสื่อมวลชน โชว์ผลงานจับยาบ้าได้ยกแก๊ง

เมื่อเวลา 10.00น. วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดตรัง ชั้น 5 นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในการร่วมประชุมตามโครงการผู้ว่าราชการจังหวัดตรังพบสื่อมวลชน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและสื่อมวลชน ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ กว่า 50 คน ซึ่งยังได้มีการนำตัวผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้า จำนวน 3 ราย พร้อมของกลางหลายรายการมาแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2549 ร.ต.ต.ชาญ ชูชก หน.ชปข.ร้อย ตชด.435 ตรัง พร้อมด้วยนายธีรภัทร อดิเทพสถิต หัวหน้าชุดเชิดชัย กองกำลังผสมตำรวจ สภ.อ.เมืองตรัง และ นปส.ภูเก็ต ได้ร่วมกันทำการจับกุมนายสิทธิชัย หรือหนัง สงสม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 396 หมู่ที่ 1 ตำบลบางรัก อำเภอเมือง จังหวัดตรัง พร้อมกับของกลางเป็นยาบ้า 5 เม็ด

จากนั้น เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 มิถุนายน ทางเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อจับกุมอีก 2 ผู้ต้องหา คือ นายสุชาติ หรือโดก ปาณะศรี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 156 หมู่ที่ 9 ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง และนายวิรัตน์ รุ่งธานี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/1 หมู่ที่ 7 ตำบลบางเป้า อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง และนายสายัณห์ หรือบ่าว หมาดหลี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/1 หมู่ที่ 3 ตำบลบางเป้า อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง

ทั้งนี้ สามารถจับกุมได้ที่หน้าร้านประดับยนต์ ดีอีเค โมดิฟายด์ ตั้งอยู่เลขที่ 11/1 หมู่ที่ 7 ตำบลบางเป้า อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง พร้อมกับของกลาง ประกอบด้วย ยาบ้า 3 ถุง รวม 569 เม็ด รถกระบะและรถเก๋ง อย่าละ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง เงินสด 13,900 บาท และทองคำรูปพรรณอีกจำนวนหนึ่ง

จึงควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า รับยาบ้ามาจากจังหวัดเชียงราย และจากบุคคลที่รู้จักอีกทอดหนึ่ง

นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดของจังหวัดตรังในช่วงที่ผ่านมา ได้ดำเนินการปราบปรามและปฏิบัติการในเชิงรุกมาโดยตลอด ทำให้สามารถกวาดล้างจับกุมผู้ค้าได้ในอัตราที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดแล้ว ยังต้องทำการขยายผล ไปถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และทำการยึดทรัพย์ต่อไปด้วย

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์