ตรัง, แกนนำคนเดือนตุลาฯ ต้านเคลื่อนไหว พคท. ( ข่าวตรัง )

แกนนำเครือข่ายคนเดือนตุลาฯจังหวัดตรัง ออกมาโต้พรรคคอมมิวนิสต์ฯ ได้ล่มสลายไปแล้วโดยปริยาย ใครจะทำอะไรควรจะประกาศแนวคิดของตัวเองให้ชัดเจน ไม่ใช่แอบอ้างชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์ฯ มาหากิน

นายแพทย์ จำรัส สรพิพัฒน์ แกนนำเครือข่ายคนเดือนตุลาฯ จังหวัดตรัง กล่าวถึงกรณีที่มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลซึ่งเคยเป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) และเป็นคนเดือนตุลาฯ ได้เข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในการเรียกร้องประชาธิปไตย หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงพ่ายแพ้ในการชุมนุมครั้งล่าสุด ว่า จริงๆ แล้วพรรคคอมมิวนิสต์ฯ ได้ล่มสลายไปนานหลายสิบปีแล้ว แม้จะมีอดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองคนหนึ่งออกมาบอกว่า ยังไม่มีการยุบพรรค แต่เมื่อไม่มีการก่อตั้งองค์กร หรือไม่มีการขับเคลื่อนกิจกรรมอีกแล้ว ก็ถือว่าพรรคคอมมิวนิสต์ฯ ได้ล่มสลายไปแล้วโดยปริยาย

นายแพทย์ จำรัส กล่าวอีกว่า ส่วนตัวมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามของคนส่วนหนึ่ง ที่อาศัยกระแสความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ในการเคลื่อนไหวแนวคิดของตัวเองบางประการ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร แต่บอกได้ว่าคนที่เขามีส่วนได้ส่วนเสียกับชื่อของพรรคนั้น มองว่าไม่เป็นธรรมกับคนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าร่วม และไม่เห็นด้วยต่อการอาศัยชื่อเสียง เกียรติภูมิ และประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจจะน่าจดจำในบางแง่มุม หรือไม่น่าจดจำก็แล้วแต่ มากระทำการบางอย่าง ตนจึงอยากจะบอกไปถึงคนที่ออกมากระทำการ ว่า ควรจะประกาศแนวคิดของตัวเองไปให้ชัดเจน ไม่ใช่แอบอ้างชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์ฯ มาหากิน

นายแพทย์ จำรัส กล่าวต่ออีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเครือข่ายคนเดือนตุลาฯ ส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากจะหยิบยกมาพูดคุย เพราะเห็นว่าเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว และไม่อยากจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้น เวลาพบเจอกับเพื่อนฝูงเก่าๆ ทุกคนก็จะไม่พูดคุยถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด โดยจะให้ความเคารพความคิดเห็น ไม่ก้าวก่าย และมองดูต่อไป แต่คิดว่าหากในอนาคตเรื่องนี้ยังไม่สิ้นสุด วันหนึ่งก็คงจะต้องมีการออกมาพูด หรือร่วมกันแสดงความคิดเห็นบ้าง

ส่วนปัญหาความขัดแย้งทางความคิดที่ทำให้คนไทยแตกแยกออกเป็นหลายสีในขณะนี้ แกนนำเครือข่ายคนเดือนตุลาฯ จังหวัดตรัง มองว่า ต้องอาศัยเวลา และอยากให้ทุกคนตั้งสติ เพื่อหยุดคิด หรือปล่อยวางอคติลง จากนั้น ใจก็จะเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ ซึ่งจะทำให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้มากขึ้น แล้วความสงบสุขก็จะกลับมา ทั้งนี้ มีตัวอย่างมากมายจากประเทศอื่นๆ ที่มีความเห็นแตกต่าง และเกิดการต่อสู้กัน แต่สุดท้ายก็ต้องออกมาเจรจากันบนโต๊ะ เพื่อหาสันติสุขให้กลับคืนมา

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์