ประธานชมรมมัคคุเทศน์จังหวัดตรัง อยากให้มีการเปิดสภาการท่องเที่ยวจังหวัดตรังขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อระดมความคิดเห็นด้านการท่องเที่ยวในทุกๆ ด้านทั้งทางบกและทางทะเล จากผู้ประกอบการ ชาวบ้านและกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาจัดวางระบบให้มีระเบียบในการดูแลและจัดการที่ดี หลังเกิดเหตุน้ำป่าถล่มนักท่องเที่ยวดับหลายสิบคน
นายประทีป โจ้งจาบ ประธานชมรมมัคคุเทศน์จังหวัดตรัง และผู้ประกอบการท่องเที่ยวประเภทเดินป่า-น้ำตก กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำป่าถล่มน้ำตกสายรุ้งและน้ำตกไพรสวรรค์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 38 ศพ เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา ว่า ในความเป็นแล้วการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นไม่ได้มาจากการตัดไม้ทำลายป่าอย่างเช่นที่สื่อบางรายได้รายงานออกไป เนื่องจากพื้นที่ป่าบริเวณเทือกเขาบรรทัดนั้นยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก
ทั้งนี้ จากประสบการณ์ของการเดินป่าในช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเองจะมองเหตุการณ์น้ำป่าถล่มเป็นเรื่องปกติทั่วไป ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าแล้ง เนื่องจากใบไม้และกิ่งไม้ภายในป่าได้ผลัดใบและหักลงมา จนทำให้เกิดการทับถมบริเวณปากน้ำของร่องน้ำ จนกลายเป็นแอ่งน้ำหรือฝายเล็กๆ กระทั่งเมื่อมีฝนตกหนักลงมา น้ำภายในแอ่งก็จะชะล้างเอากิ่งไม้ ใบไม้ ไหลทะลักออกมา ทำให้สายน้ำจากร่องน้ำต่างๆ ก็จะไหลมารวมกันที่สายน้ำใหญ่ หลังจากนั้นกิ่งไม้ ใบไม้ ที่ปิดทับปากแอ่งน้ำใหญ่ก็ไหลทะลักหลุดออกมาเช่น เดียวกับแอ่งน้ำเล็ก เพียงแต่มีความรุนแรงมากกว่าจนกลายเป็นน้ำป่าไหลหลากลงมาสู่น้ำตกในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ มักจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝนซึ่งครั้งนี้ถือได้ว่าเกิดก่อนฤดูกาล โดยที่เจ้าหน้าที่และชาวบ้านในพื้นที่จะมีความรู้และทราบกันดีว่า เมื่อฝนแรกที่ตกหนักลงมาติดต่อกัน 2-3 วัน ก็จะทำให้มีน้ำป่าไหลทะลักลงมาอย่างแรงแน่นอน และควรระมัดระวังไม่ลงไปเล่นน้ำตกโดยเด็ดขาด
นายประทีป กล่าวอีกว่า สำหรับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดตรังหลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำป่าถล่มนั้นได้ส่งผลกระทบเล็กน้อย โดยเฉพาะสภาพจิตใจของนักท่องเที่ยว จากเดิมที่วางโปรแกรมไว้ว่า หลังจากไปท่องเที่ยวที่ถ้ำเลเขากอบอำเภอห้วยยอดแล้วก็จะพานักท่องเที่ยวไปยังน้ำตกสายรุ้งและน้ำตกไพรสวรรค์ ต้องกลับปรับเปลี่ยนโปรมแกรมมาเป็นการเที่ยวชมเรือนยอดไม้ที่สวนพฤษศาสตร์ภาค ใต้ (ทุ่งค่าย) แทน หรือไปยังน้ำตกโตนเต๊ะ น้ำตกโตนตก และน้ำตกน้ำพ่าน ในพื้นที่อำเภอปะเหลียน ซึ่งได้มีการจัดการเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยไว้อย่างดีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนเองขอฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ในการจัดการแหล่ง ท่องเที่ยวน้ำตกให้เป็นระบบระเบียบเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่งก่อนหน้านี้ที่น้ำตกสายรุ้งก็เคยมีกลุ่มชมรมรักษ์สายรุ้งมาคอยช่วยเหลือดูแล ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ก็สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ตนยังอยากให้มีการเปิดสภาการท่องเที่ยวจังหวัดตรังขึ้นมาอีกครั้ง หลังหายเงียบไปตั้งแต่สมัยที่นายนเรศ จิตสุจริตวงศ์ เป็นผู้ว่าราชการ CEO เป็นคนแรกของจังหวัดตรัง
นายประทีป กล่าวด้วยว่า เนื่องจากสภาการท่องเที่ยวนั้นเป็นการระดมความคิดเห็นด้านการท่องเที่ยวในทุกๆ ด้านทั้งทางบกและทางทะเล จากผู้ประกอบการ ชาวบ้านและกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาจัดวางระบบให้มีระเบียบในการดูแลและจัดการที่ดี เพื่อการท่องเที่ยวที่พัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าจะมีการประชุมพูดคุยกันเฉพาะหน่วยงานของภาครัฐเท่านั้น จึงทำให้การทำงานขาดการดำเนินการจัดการที่ดี
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์