แพทย์ระบุตำรวจปลอมที่บังคับขืนใจ 2 นักเรียนหญิงโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดตรัง ป่วยเป็นโรคจิตจริง ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เผยประวัติสุดเพี้ยน บุกปล้นก่อนถอนขนในที่ลับของเจ้าทรัพย์ก่อนหลบหนี ด้านตำรวจรอให้อาการดีขึ้นก่อนจึงจะแจ้งข้อกล่าวหา
จากกรณีที่ นายศุภกิจ ภาคย์เพิ่ม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/4 หมู่ที่ 3 ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ได้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ แล้วขี่รถจักรยานยนต์เข้าประกบ 2 นักเรียนสาวอายุ 16 ปี ซึ่งกำลังเรียนหนังสืออยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอกันตัง ขณะที่ 2 นักเรียนสาวกำลังขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้าน บนถนนสายแหลมม่วง-ท่าปาบ ตำบลบางเป้า อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง หลังเสร็จจากการสอบปลายภาคเรียนที่ 2
จากนั้นนายศุภกิจได้สั่งให้ 2 นักเรียนสาวจอดรถ ก่อนที่จะใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้บังคับให้เข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง และขู่ไม่ให้หลบหนี มิฉะนั้นจะทำการฆ่าทิ้งโดยทันที ทำให้ทั้ง 2 นักเรียนเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และยินยอมให้นายศุภกิจลงมือขืนใจจนสำเร็จความใคร่ ก่อนที่คนร้ายรายนี้จะหลบหนีไปในเวลาต่อมา เหตุเกิดเมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 22 กุมภาพันธุ์ 2550 จนกระทั่งเมื่อผู้ปกครองของ 2 นักเรียนสาวทราบเหตุร้าย จึงได้มาแจ้งความต่อ สภ.อ.กันตัง ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายศุภกิจได้ ขณะที่เจ้าตัวให้ภรรยาเข้ามาสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.กันตัง ว่ามีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความหรือไม่ จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยและเป็นที่มาของการจับกุมตัวนายศุภกิจเพื่อดำเนินคดีในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่หลังจากนั้นนายศุภกิจก็ได้แสดงอาการลักษณะคล้ายคนสติไม่สมประกอบ และต่อมาทางก็ญาติได้ขอยื่นประกันตัวนายศุภกิจในชั้นศาล เพื่อนำตัวนายศุภกิจไปรักษาที่โรงพยาบาลประสาทสงขลา
ล่าสุด วันนี้ (25 มี.ค.) พ.ต.ต.ชาญยุทธ์ เรืองดิษฐ์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.อ.กันตัง เจ้าของคดี กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีที่แล้ว นายศุภกิจได้มีอาการทางจิต แต่ทางญาติมิได้นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล เพียงแค่หาซื้อยาที่คลินิกหรือร้านขายยามาให้นายศุภกิจรับประทานเพื่อประทังอาการเท่านั้น และในระยะหลังๆ นายศุภกิจก็เริ่มมีอาการเพิ่มมากขึ้นจนต้องย้ายมาอยู่กับภรรยาในพื้นที่อำเภอกันตัง ซึ่งทราบว่ามีอาการทางจิตเช่นเดียวกันก่อนมาลงมือก่อเหตุดังกล่าว
นอกจากนี้ นายศุภกิจ ผู้ต้องหารายนี้ยังมีคดีติดตัวซึ่งกำลังอยู่ในชั้นศาลจังหวัดตรัง เกี่ยวกับคดีที่นายศุภกิจได้เคยก่อเหตุชิงทรัพย์ แต่ก่อนจะหลบหนีไปได้กระทำอนาจารเจ้าทุกข์ด้วยการถอนขนในที่ลับติดมือไปด้วยจำนวนหนึ่ง โดยเหตุเกิดในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง เมื่อประมาณปลายปี 2549 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายศุภกิจยังคงอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลสวนสราญรมณ์ (หลังคาแดง) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยทางจิตของภาคใต้ และทราบว่าอาการยังไม่ดีขึ้น
โดยทางแพทย์ระบุว่านายศุภกิจได้ป่วยทางจิตจริง ขณะนี้ผู้ต้องหาจำใครไม่ได้ พูดจาไม่รู้เรื่อง พูดได้ทีละคำ และสายตามองไม่เห็น ซึ่งเป็นอาการเกี่ยวเนื่องกับทางสมอง สำหรับเรื่องของรูปคดีนั้นขณะนี้ในกระบวนการสอบสวนได้ยุติแล้ว
ส่วนการทำสำนวนก็เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เหลือเพียงแค่การแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายศุภกิจเท่านั้น ซึ่งหากเขายังอยู่ในความดูแลของทางแพทย์อย่างใกล้ชิดก็คงไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ต้องรอให้ทางแพทย์ระบุว่าผู้ต้องหามีอาการดีขึ้น และพูดจารู้เรื่องแล้วจึงจะสามารถนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ตามขั้นตอนต่อไป
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์