ผบก.ภ.จว.ตรัง สั่งสอบ ผกก.สภ.อ.สิเกา รับส่วยพนัน หลังกลุ่มคนรักความเป็นธรรมสิเกา ส่งหนังสือเวียนไปถึงสื่อมวลชนจังหวัดตรังทุกแขนง รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด
จากกรณีที่ได้มีประชาชนชาวอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ใช้นามแฝงว่า กลุ่มคนรักความเป็นธรรมสิเกา ได้ส่งหนังสือเวียนไปถึงสื่อมวลชนจังหวัดตรังทุกแขนง รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ร้องเรียนให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของผู้กำกับการ สภ.อ.สิเกา ว่า ทำงานไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ปล่อยให้มีโจรผู้ร้าย มีการก่อคดีอาชญากรรม รวมทั้งสิ่งผิด กฎหมายเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยไม่มีการวางแผนป้องกันและปราบปราม
อีกทั้งยังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใต้บังคับบัญชา 2 นาย ไปดูแลธุรกิจบ่อกุ้ง และเก็บส่วยจากสิ่งผิดกฎหมาย เช่น บ่อนการพนัน หวยใต้ดิน และโต๊ะพนันบอล พร้อมทั้งยังส่งบัญชีหางว่าวผู้ลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมาย และจำนวนเงินที่จ่ายส่วยให้ตั้งแต่รายละ 1,000-5,000 บาท มาให้สื่อมวลชนและผู้บังคับบัญชาช่วยตรวจสอบด้วยนั้น
พล.ต.ต.เขจร ศิริวรรณ ผบก.ภ.จว.ตรัง กล่าวว่า ตนและผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้รับหนังสือเวียนฉบับนี้มาแล้วเช่นเดียวกัน จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ภัทรภานุ รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดในพื้นที่แล้ว ตลอดจนตรวจสอบไปถึงคดีที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายสิทธิพร ทองหอม ชาวบ้านอำเภอสิเกา ที่มีการระบุในหนังสือเวียนด้วยว่า ก่อนหน้านั้น นายสิทธิพร เคยถูกคนร้ายลอบยิง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้วและเคยเข้าขอความช่วยเหลือจาก ผกก.สภ.อ.สิเกา
แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีมาตรการในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาความปลอดภัยในชีวิต จนทำให้นายสิทธิพรมาถูกยิงซ้ำจนเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่ร้องเรียนมาทั้งหมดนั้น ตนกำลังให้ดำเนินการตรวจสอบไปตามข้อเท็จจริง และหากมีพฤติกรรมอย่างที่ร้องเรียนจริง ตนก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ธนชาต บุญโพธิ์ ผกก.สภ.อ.สิเกา ชี้แจงว่า หนังสือเวียนที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของลูกน้องตนเองคนหนึ่งยศ จ.ส.ต.ที่ทำงานอยู่ในฝ่ายสืบสวน ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้ดึงตัวมาช่วยทำงานระยะหนึ่ง แต่เนื่องจากมีปัญหาจึงได้ย้ายไปอยู่งานอื่น คาดว่าคงจะทำให้ลูกน้องคนนี้ไม่พอใจ จึงได้ทำหนังสือเวียนฉบับดังกล่าวขึ้น
ส่วนบัญชีหางว่าวที่ถูกระบุว่า ตนเองไปเก็บส่วยจากผู้ประกอบการที่ประกอบอาชีพผิดกฎหมายนั้น น่าจะเป็นบัญชีที่เกิดขึ้นในสมัยก่อน แต่ไม่เกี่ยวกับตน พร้อมทั้งได้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรังรับทราบทั้งหมดแล้ว และคงจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการดำรงตำแหน่ง เพราะทุกอย่างที่ถูกร้องเรียนหรือกล่าวหามานั้นสามารถชี้แจงรายละเอียดได้ทุกเรื่อง ซึ่งใครก็ตามย่อมรู้ดีว่าตนเองเป็นคนอย่างไร และไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในเรื่องเช่นนี้
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์