แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ในแถบ อันดามัน ( ภูเก็ต, กระบี่, ระนอง, ตรัง, พังงา, สตูล )

ตรัง, ?ผวจ.ตรัง? ลงนามหายุติปัญหา ?เขาบรรทัด? - ?รองอธิบดีป่าไม้? เดือดเดินหนีที่ประชุม ( ข่าวตรัง )

“ผวจ.ตรัง” เป็นปรธานประชุมหาแนวทางยุติปัญหา “เทือกเขาบรรทัด” ระหว่างชาวบ้านกับส่วนราชการ ก่อนลงนามข้อตกลง 8 ข้อตามเครือข่ายฯเสนอ ด้าน “รองอธิบดีป่าไม้” รับไม่ได้เดินออกจากที่ประชุม-ไม่ยอมลงนาม

มีรายงานว่า เมื่อวานนี้ (2 ก.พ. 50) เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดตรัง นายอานนท์ มนัสวานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานจัดการประชุมร่วมระหว่างส่วนราชการและเครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด เพื่อแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ข่มขู่คุกคาม และทำลายทรัพย์สินของชาวบ้าน ตลอดจนขัดขวางการพัฒนาสาธารณูปโภคของชุมชนตามที่เครือข่ายฯ ร้องเรียน และชุมนุมที่ศาลากลางตรัง เมื่อวันที่ 25-27 ม.ค. ที่ผ่านมา

การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 100 คน ประกอบด้วยตัวแทนส่วนราชการประมาณ 50 คน นำโดย รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ตัวแทนกองทัพภาคที่ 4 (พล.ท.ทัศน์ศร ศศะนาวิน เสธ. รมน. ภาค 4) ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 (สงขลา) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดพัทลุง ในส่วนเครือข่ายฯ ประกอบด้วยตัวแทนทั้งในจังหวัดตรังและพัทลุง

ผลการประชุมปรากฏว่าส่วนราชการเห็นชอบต่อข้อเรียกร้องของเครือข่ายฯ และได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ดังนี้

1.หยุดการจับกุม ข่มขู่ คุกคาม อายัด และทำลายทรัพย์สินของสมาชิกเครือข่ายฯ ที่ทำกินในที่ดินเดิมมานานในเขตอุทยานเขาปู่-เขาย่า และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด

2. ให้สมาชิกเครือข่ายฯ ทำมาหากินตามปกติ เช่น การโค่นยางเก่าที่หมดอายุ การขายไม้ยาง การปลูกสวนยางใหม่ โดยกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง(สกย.) ต้องให้การสนับสนุนการทำสวนสมรม และการทำมาหากินในรูปแบบอื่นๆ ตามที่สมาชิกเครือข่ายฯเคยทำมา หากสมาชิกเครือข่ายฯ จะโค่นโค่นยางเก่าที่หมดอายุ การขายไม้ยาง การปลูกสวนยางใหม่หากสมาชิกมีความประสงค์จะโค่นยางให้แจ้งกรรมการระดับอำเภอเพื่อทำการตรวจสอบ

3. ให้ราษฎรดำเนินการพัฒนาหมู่บ้าน สร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในเขตอุทยานฯกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯได้ โดยแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบด้วย

4. ยุติการดำเนินคดีทางแพ่ง คดีอาญา และการออกคำสั่งการปกครองที่ส่งผลให้สมาชิกเครือข่ายฯได้รับความเดือดร้อน โดยการประสานงานกับอัยการจังหวัดเลื่อนการสั่งฟ้องคดีอาญา และให้กรมอุทยานฯ ชะลอการสั่งฟ้องคดีแพ่ง ทั้งนี้ต้องไม่เกินอายุความ

5. ให้ตั้งกรรมการร่วมระหว่างหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติฯสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 และที่ 6 จังหวัดตรังและพัทลุง สมาชิกเครือข่ายฯ ร่วมกันกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่าสมบูรณ์ และที่ทำกินของสมาชิกเครือข่ายภายใน 6 เดือนให้แล้วเสร็จ เพื่อยุติการบุกรุกพื้นที่ป่าสมบูรณ์ โดยจังหวัดจะแต่งตั้งกรรมการซึ่งมีสมาชิกเครือข่าย และระดับท้องที่เข้าร่วมเป็นกรรมการ

6. ให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ หัวหน้าสำนักงานอนุรักษ์ฯ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติฯ และผู้ว่าราชการจังหวัด รับรองแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของสมาชิกเครือข่ายฯ พร้อมปฏิบัติตามและสนับสนุนช่วยเหลือตามแผนการจัดการอย่างเคร่งครัดทั้ง 2 ฝ่าย โดยเครือข่ายจะส่งแผนให้จังหวัดเพื่อส่งให้หน่วยงานข้างต้นต่อไป

7. เมื่อมีการกำหนดแนวเขตระดับพื้นที่ และปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีรับรองสิทธิการทำกินอย่างมั่นคงและถาวร

8. ให้ข้อตกลงทั้งหมดมีผลบังคับใช้ตั้งแต่การลงนามทั้ง 2 ฝ่ายตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2550 เป็นต้นไป

นายอานนท์ สีเพ็ญ ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวว่า พอใจในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพัทลุง ตลอดจนกองทัพภาคที่ 4 ได้ลงนามร่วมกับชาวบ้าน แม้รองอธิบดีฯ และหน่วยงานป่าไม้ไม่ได้ลงนามด้วย และข้อตกลงดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ก็เชื่อว่าผู้ว่าฯ จะช่วยผลักดันให้มีการแก้ปัญหาในระดับนโยบาย โดยการเสนอให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการปรับปรุงกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่ไม่สอดคล้อง เช่น มติ ครม. 30 มิ.ย. 41 ต่อไป

“แต่พวกเราไม่พอใจที่อธิบดีฯ และลูกน้องแสดงท่าทีไม่จริงใจแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน โดยการเดินออกจากห้องประชุมก่อนทำบันทึกข้อตกลง และปล่อยให้นายสนิท วงศารา อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ และนายคม ชัยภักดี อดีตหัวหน้าหน่วยโตนเต๊ะ เข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งๆ ที่ทางเครือข่ายฯ ได้เรียกร้องให้ย้ายทั้ง 2 คนออกจากพื้นที่ไปแล้วและสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 ได้เรียกตัวไปช่วยราชการ อย่างไรก็ตามเครือข่ายฯ จะผลักดันให้มีการออกคำสั่งย้ายทั้ง 2 คนอย่างเป็นทางการต่อไป” นายอานนท์ กล่าว

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215