เปิดชีวิต คุณทวด ?อิ่ม? อายุ 105 ปี หรือคุณแม่ 5 แผ่นดิน บุตรคนโตของ ขุนหะลังคณิน พิไสย (แท่น บุญชัย) อดีตกำนันตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง ผู้อุทิศที่ดินก่อสร้างสนามบินตรังให้คนรุ่นลูกหลานได้ใช้ ปัจจุบันใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่กับลูกชาย ซึ่งเป็นอดีตนายอำเภอถลาง จ.ภูเก็ต
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 6 ถนนควนขัน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง หลังจากได้รับการร่ำลือจากชาวบ้าน ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 105 ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ยังคงมีชีวิตอยู่ และมีอายุมากที่สุดของจังหวัดตรังในขณะนี้ โดยได้พบกับ นางอิ่ม บุญชัย คุณแม่ 5 แผ่นดิน กำลังนอนอยู่บนเตียงนอนภายในบ้าน ซึ่งยังสามารถรับฟังเสียงสนทนาได้ แต่ไม่สามารถพูดจา หรือเดินไปมาตามปกติได้ แต่โดยภาพรวมทั่วไปของร่างกายยังแข็งแรงดีมาก
ร.อ.อาวุธ คีรีรัตน์ วัย 74 ปี ลูกชายคนที่ 2 ของนางอิ่ม กล่าวว่า คุณแม่เป็นลูกสาวคนโตของ ขุนหะลังคณิน พิไสย (แท่น บุญชัย) อดีตกำนันตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง เกิดเมื่อวันอังคารที่ 6 มกราคม 2445 มีพี่น้องท้องเดียวด้วยกัน 5 คน โดยชีวิตในวันเด็กของคุณแม่ถือว่าไม่ลำบาก เพราะเป็นลูกท่านขุนจึงค่อนข้างจะได้รับการยกย่อง และมีข้าทาสบริวารเยอะ แต่ชีวิตก็กลับมาพลิกผันหลังจากคุณยายเสียชีวิตไป ทำให้คุณแม่จำต้องรับภาระเป็นแม่บ้าน และทำหน้าที่เลี้ยงน้องๆ ที่เหลือทั้งหมด 4 คน นอกจากนั้น ยังต้องรับภาระหนักในการดูแลแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือน ทั้งข้าราชการ ตำรวจ และทหาร
ทั้งนี้ เนื่องจากบ้านของคุณตาในสมัยนั้นเป็นกำนัน การปราบปรามโจรผู้ร้ายรวมถึงการพัฒนาด้านต่างๆ ก็จะใช้บ้านกำนันเป็นกองอำนวยการ ทำให้มีผู้คนมาเยี่ยมและตรวจงานตลอด จึงเป็นภาระของนางอิ่มที่ต้องจัดหาที่พักให้กับแขก แถมยังต้องเข้าครัวเอง เพื่อตำข้าวกับครกสาก เพราะสมัยนั้นยังไม่มีโรงสีข้าว จากนั้นต้องหุงข้าวเป็นกระทะใบใหญ่ๆ เพื่อเลี้ยงแขก แต่พอน้องๆ โตขึ้น นางอิ่มจึงหาแม่เลี้ยงให้เป็นเพื่อนอยู่กับคุณพ่อ ก่อนที่จะแต่งงานออกเรือนไปตอนอายุ 29 ปี ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าอายุมากแล้ว แต่เป็นเพราะนางอิ่มต้องมัวแต่ดูแลน้องๆ จึงพลอยทำให้ต้องแต่งงานช้าไป
อย่างไรก็ตาม ชีวิตของคุณแม่ 5 แผ่นดินผู้นี้ ยังต้องเกิดการพลิกผันขึ้นอีกรอบ หลังตัดสินใจไปใช้ชีวิตคู่กับ นายชื่น คีรีรัตน์ ซึ่งประกอบอาชีพเป็นครูสอนหนังสือในพื้นที่ เนื่องจากทั้งคู่ไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัว จึงต้องเก็บหอมรอมริบเงินทองด้วยความยากลำบาก และสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แต่แล้วความเพียรพยายามของทั้งคู่ก็เป็นผล เมื่อสามารถซื้อบ้านและที่ดินบริเวณเกาะรังแร้งได้ 1 แปลง ซึ่งต่อมาภายหลังครอบครัว ?คีรีรัตน์? ได้ยกที่ดินทั้งหมดใช้ก่อสร้างสนามบินตรัง นับตั้งแต่วันนั้นชีวิตของนางอิ่ม ก็ถือเป็นชาวนา-ชาวสวนเต็มตัว สร้างทรัพย์สิน และส่งเสียให้ลูกชายทั้ง 4 คน ได้เล่าเรียนหนังสือ
ร.อ.อาวุธ กล่าวด้วยว่า คุณแม่เป็นคนสู้งาน ดิ้นรนมาตลอดทั้งชีวิต สอนให้ลูกๆ ทุกคนรู้จักความสุภาพอ่อนน้อม และรู้จักความกตัญญูต่อบุพการี ซึ่งตนเองถือเป็นลูกที่ใกล้ชิดกับคุณแม่มากที่สุด เพราะหลังเกษียณจากการเป็นนายอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ก็ได้ย้ายถิ่นฐานกลับมาดูแลอย่างจริงจัง ขณะที่ลูกๆหลานๆ ที่เหลือ ยังสร้างครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด จะกลับมาเยี่ยมก็เฉพาะวันหยุดราชการ และวันเกิดของคุณแม่ รวมถึงเทศกาลสำคัญๆ อย่างวันสงกรานต์ ที่ลูกจะกลับมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาให้ผู้เป็นแม่ได้ชื่นใจ
สำหรับสุขภาพของนางอิ่มตั้งแต่ครั้งอดีต ไม่เคยมีโรคประจำตัวอะไรเลย จนกระทั่งมาถึงวัย 105 ปี ในปัจจุบัน ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องอาหารการกิน โดยเฉพาะหลอดอาหาร ที่ไม่สัมพันธ์กันกับหลอดลม ทำให้อาหารที่เคี้ยวตกไปที่ปอด แพทย์จึงต้องให้อาหารทางจมูกแทน ทำให้นางอิ่มต้องใช้ชีวิตอยู่บนเตียงนอนเป็นส่วนใหญ่ แต่อาหารใจที่จะได้ในแต่ละวัน นอกจากการดูแลใกล้ชิดจากลูกหลานแล้ว เทปธรรมะ ทั้งแนวคำสอนของอาจารย์พุทธทาสภิกขุ หลวงพ่อชา สุภัทโท และคลื่นธรรมที่ส่งเสียงออกมาจากวิทยุตัวโปรด ที่ลูกๆ ซื้อและเปิดให้ฟังทุกวัน พร้อมกับเทป-ซีดีธรรมะ ที่วางกองอยู่ข้างๆ ก็กลายเป็นปัจจัยที่ขาดไปเสียไม่ได้
สำหรับชีวิต นางอิ่ม ที่เคยใกล้ชิดวัดวามาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก นอกจากต้นแบบเรื่องความอดทน เรื่องการสู้ชีวิต และจิตใจธรรมะแล้ว นางอิ่มยังขึ้นชื่อเรื่องต้นแบบของผักสวนครัวรั้วกินได้ มาเมื่อตั้งแต่ครั้งยังสาวๆ เพราะละแวกบ้านที่อาศัยอยู่ ซึ่งเมื่อหลาย 10 ปีก่อน จะเต็มไปด้วยพืชผัก-ผลไม้ ที่นางอิ่มตั้งใจปลูกเอาไว้กินเอง และบางส่วนก็แบ่งปันให้ลูกๆ หลานๆ หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่เดินผ่านได้นำไปกินกัน โดยไม่มีใครคาดคิดว่า นั่นอาจเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้เธอมีสุขภาพดีจนถึงทุกวันนี้ เนื่องด้วยลักษณะนิสัยการกิน ซึ่งเน้นพืชผัก-ผลไม้ ที่ปลูกเองตามธรรมชาติแบบไร้สารพิษ
ต้นแบบที่ดีเหล่านี้ แม้แต่ นายวิเชียร รักทองหล่อ กำนันตำบลโคกหล่อ วัย 55 ปี ก็ยังอยากให้ลูกบ้านในชุมชน รวมถึงคนอื่นๆ ได้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะรู้จักคุณแม่ 5 แผ่นดินรายนี้ มาตั้งแต่ครั้งตัวเองยังเป็นเด็ก จึงรู้สึกภาคภูมิใจกับการมีผู้อาวุโสที่ถือเป็นต้นแบบ สำหรับการใช้ชีวิต และการเลี้ยงดูลูกๆ ให้เห็นและเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่คนในพื้นที่
?สมัยก่อนตอนผมเล็กๆ หลังกลับจากโรงเรียน ที่บ้านคุณทวดจะมีเงาะ ท่านก็จะเรียกพวกผมไปกินกันบ่อยมาก มีเงาะก็เรียกให้กินเงาะ มีขนมก็เรียกกินขนม คุณทวดจึงเป็นแบบอย่างที่ผมมักจะกล่าวอ้างถึงตลอด เพราะความมีนิสัยร่าเริง จิตใจธรรมะธัมโม ไม่เคยว่ากล่าวใคร ท่านจะเอ่ยถึงความดีของคนอื่นมาตลอด จึงถือเป็นคุณแม่ที่ประเสริฐที่สุด เพราะสมัยก่อนการส่งลูกเรียนทั้ง 4 คน ให้ได้เป็นหมอ เป็นนายอำเภอ หรือรับราชการ ถือว่ายากและสาหัสมาก แต่คุณทวดกลับทำได้อย่างสุดยอด?
ปัจจุบันพี่น้องทั้ง 2 แม่ของนางอิ่ม รวม 9 คน ยังมีชีวิตอยู่เหลือเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น คือ นางอิ่ม ในฐานะพี่สาวคนโต นางแดง นับแสง ลูกคนที่ 4 ซึ่งปัจจุบันบวชเป็นแม่ชี และสุดท้ายคือ นางเชือน สงมา อย่างไรก็ตาม จากการที่นางอิ่มผ่าน และพบเจอความตาย ทั้งจากญาติพี่น้องและลูกหลาน กว่า 1 ศตวรรษนี่เอง ทำให้เข้าใจถึงชีวิตที่เป็นของไม่เที่ยง และไม่มีใครหลีกเลี่ยง หรือหนีรอดพ้นไปได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางอิ่มจะได้วางแผน และเตรียมตัวก่อนตายไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยก่อนหน้านี้ นางอิ่มได้มีโอกาสเห็นการจัดงานศพ ของอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจ จนต้องกำชับกับลูกๆ หลานๆ ทุกคนว่า ประสงค์จะจัดงานศพเยี่ยงนั้นบ้าง คือ จัดงานแบบเรียบง่าย และอย่าเก็บศพไว้หลายวัน หากการเตรียมทุกอย่างพร้อม ลูกๆ ก็สามารถทำการฌาปนกิจได้ทันที ท่ามกลางเสียงทัดทานจากอีกฝ่ายหนึ่งที่ต้องการขอพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ แต่กลับได้รับการปฎิเสธจากคุณแม่ 5 แผ่นดินท่านนี้ ดังนั้น ในปัจจุบันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะเห็นนางอิ่มตระเตรียมโลงศพสำหรับตัวเอง ซึ่งถือเป็นโลงศพในที่ 3 แล้ว หลังจาก 2 โลงศพแรก เธอต้องมอบให้กับเพื่อนๆ ไปก่อน
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์