แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
 
เข้าสู่ระบบ G! Builder
เลือกจังหวัด
ข่าวสาร ข่าวทั่วไป ในแถบ อันดามัน ( ภูเก็ต, กระบี่, ระนอง, ตรัง, พังงา, สตูล )

ตรัง, พ่อค้า-แม่ค้าเมืองตรัง ไม่กล้าเข้าซื้อยางจากเกษตรกร - วอน ผวจ.เร่งรัดจับกุมแก๊งโจร ( ข่าวตรัง )

พ่อค้า-แม่ค้า คนกลางที่รับซื้อยางแผ่นจากเกษตรกรในพื้นที่ตรัง ผวาถูกโจรปล้นซ้ำซาก เผยไม่กล้าเข้าไปรับซื้อยางในพื้นที่ พร้อมวอนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดให้จับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (15 ต.ค.) นายผดุ้ง จั่นสิว อายุ 56 ปี พร้อมด้วยภรรยาคือ นางธัญญารัตน์ จั่นสิว อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 3 ตำบลหนองปรือ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ซึ่งมีอาชีพเป็นผู้รับซื้อยางพาราแผ่นดิบตามตลาดนัด ซึ่งได้ถูกคนร้าย 6 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ ทั้งชนิดเอ็ม 16 เอชเค และลูกซองสั้น ทำการปล้นทรัพย์

ขณะกำลังรับซื้อยางพาราแผ่นดิบอยู่หน้าวัดในเตา ริมถนนสายวัดในเตา-บ้านวังหอน หมู่ที่ 1 ตำบลในเตา โดยคนร้ายชิงเอาเงินสด สร้อยคอทองคำ และโทรศัพท์มือถือ รวมมูลค่าเกือบ 600,000 บาท เหตุเกิดเมื่อตอนสายวันที่ 7 กันยายน 2549 ที่ผ่านมาได้เปิดเผยความในใจต่อสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

นายผดุ้ง กล่าวว่า ตนต้องการให้ นายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ช่วยเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะการปฏิบัติการของคนร้ายกลุ่มนี้ กระทำอย่างอุกอาจกลางตลาดนัด โดยไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง และไม่แยแสต่อสายตาประชาชนจำนวนมาก ทำให้ต่างก็รู้สึกขวัญผวาไปตามๆ กัน

ตนจึงเกรงว่า คดีนี้จะไม่คืบหน้าเหมือนกับคดีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 และเชื่อว่า จะต้องเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวมาลงโทษตามกฎหมายได้ ส่งผลให้ผู้ที่รับซื้อยางพาราแผ่นดิบในพื้นที่ดังกล่าว ไม่กล้าเดินทางเข้าไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ ทำให้ชาวตำบลในเตา ซึ่งส่วนใหญ่ทำสวนยางพารา ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีใครกล้าเดินทางเข้าไปรับซื้อยางพาราแผ่นดิบตามปกติ

ด้าน นางธัญญารัตน์ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะลงมือปฏิบัติการ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลรักษาความปลอดภัย ให้กับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชน ในตลาดนัด แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางออกไปประมาณ 2 นาที คนร้ายก็ตรงเข้ามาใช้อาวุธปืนจี้บังคับเพื่อปล้นทรัพย์ทันที ซึ่งนอกจากเงินสดแล้วยังมีสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมเหรียญสมเด็จพ่อรัชกาลที่ 5 และองค์พระกิ๋วอ๋องไต่เต่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวตรัง ที่กลุ่มคนร้ายได้ปลดเอาไปด้วยแต่เมื่อตนร้องขอเหรียญและองค์พระคืน คนร้ายยังใจดีที่ยังอุตส่าห์เอากลับมาให้ และหลังจากใช้เวลาลงมือไม่นาน กลุ่มคนร้ายก็ขึ้นรถหลบหนีไปทางเชิงเขาทันที ซึ่งถ้าหากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นเหตุการณ์ เชื่อว่าจะต้องมีการยิงต่อสู้กันอย่างแน่นอน

ส่วนนายทวีชาติ พันตะรักษา พ่อค้ารับซื้อยางพาราแผ่นดิบ ซึ่งเคยถูกกลุ่มคนร้าย 6 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกปล้นทรัพย์ขณะกำลังรับซื้อยางพาราแผ่นดิบ ในพื้นที่ตำบลในเตา เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 และถูกจับเป็นตัวประกันขณะทำการหลบหนี ก่อนที่ไปปล่อยทิ้งไว้ริมเทือกเขาบรรทัด เขตรอยต่อระหว่างจังหวัดตรัง พัทลุง และนครศรีธรรมราช ซึ่งในครั้งนั้นกลุ่มคนร้ายได้เอาเงินสดไปกว่า 100,000 บาท กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนไม่กล้าเข้าไปรับซื้อยางพาราแผ่นดิบในพื้นที่ตำบลในเตาอีก และต้องย้ายมาประกอบอาชีพอยู่ในพื้นที่ตำบลท่างิ้วแทน แต่ก็ยังรู้สึกหวาดผวาและไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพราะไม่ทราบว่าในจังหวัดตรังจะมีคนร้ายลักษณะนี้กี่กลุ่ม ซึ่งยังดีที่ทางฝ่ายปกครองได้สั่งให้อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) มาช่วยเฝ้าดูแลตามตลาดนัดต่างๆ ทั้งนี้ ตนก็ได้มีน้ำใจตอบแทนจ่ายเงินเล็กๆ น้อยๆ ให้กับผู้ที่ไปทำหน้าที่เพื่อเป็นการขอบคุณ

นายทวีชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ออกปล้นทรัพย์พ่อค้า-แม่ค้ารับซื้อยางพาราแผ่นดิบ ในพื้นที่ตำบลในเตานั้น ตนเชื่อว่าจะต้องเป็นกลุ่มเดียวกันเพราะจำนวนคน อาวุธปืนที่ใช้ และเส้นทางในการหลบหนี เป็นไปในลักษณะที่คล้ายทั้งหมด ทำให้ทุกวันนี้ในพื้นที่ตำบลในเตาไม่มีใครกล้าเข้าไปรับซื้อยางพาราแผ่นดิบอีกแล้วเพราะหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อประชาชนที่มีสวนยางพาราเป็นจำนวนมากและถ้ามีใครเข้าไปซื้อ ก็คงจะต้องมีการกดราคา ในขณะที่ประชาชนก็ต้องยอมขายเพราะไม่มีทางเลือก ครั้นจะขนมาขายในตลาดอำเภอห้วยยอดก็ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงขึ้นและเสียเวลา จึงทำให้ตนเองรู้สึกว่าเห็นใจประชาชนเหล่านี้เป็นอย่างมาก

สำหรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังเกิดเหตุปล้นทรัพย์เกิดขึ้นกับตนเองมา 1 ปี นายทวีชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่ทำงานอย่างจริงจังมากกว่า มิเช่นนั้นจะต้องจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้ได้แล้วอย่างแน่นอน และที่สำคัญตนมองว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดตรังยุคปัจจุบันไร้ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการตั้งกลุ่มคนร้ายขึ้นมาเพื่อออกปล้นผู้คนนั้น ไม่น่าจะมีเกิดขึ้นในยุคนี้อีกแล้ว

พ.ต.อ.มานิต สูงประสิทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.อ.ห้วยยอด กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายที่ออกอาละวาดปล้นทรัพย์พ่อค้า-แม่ค้ารับซื้อยางพาราแผ่นดิบ ในพื้นที่ตำบลในเตา หลายครั้งที่ผ่านมานั้น เชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และเตรียมการมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะครั้งล่าสุด ได้มีการโรยตะปูเรือใบ เพื่อสกัดการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจและใช้รถยนต์หลบหนีตลอดเส้นทาง ไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขาเหมือนครั้งที่แล้ว

ทั้งนี้ เนื่องจากที่เกิดเหตุ อยู่ด้านหลังของเทือกเขาบรรทัด เป็นรอยต่อระหว่างตำบลในเตา อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง กับอำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราชและอำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ทำให้การติดตามล่าตัวทำได้ค่อนข้างจะยากลำบาก

พ.ต.อ.มานิต กล่าวต่อว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่งออกไปตรวจตราความสงบเรียบร้อยอีกจุดหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร และยังเป็นจุดโค้งจึงมองไม่เห็นขณะกลุ่มคนร้ายลงมือปฏิบัติการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ตำบลในเตานั้น ยังเป็นจุดบอดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ทั้งวิทยุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และโทรศัพท์มือถือ ทำให้กลุ่มคนร้ายจึงลงมืออย่างย่ามใจ หลังปล้นทรัพย์แล้วเสร็จก็ยังหลบหนีไปตามเส้นทางเดิม พร้อมทั้งเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายมาจากจังหวัดใกล้เคียง

โดยมีแหล่งกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และพัทลุง เพราะระยะหลังมีข่าวปล้นทรัพย์ใน 2 จังหวัดดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนั้น ก็ยังมีคนในพื้นที่เป็นคนคอยชี้เป้าด้วย

ส่วนอาวุธปืนสงครามที่กลุ่มคนร้ายนำมาใช้นั้น พ.ต.อ.มานิต เชื่อว่า คงเป็นตั้งแต่สมัยที่ยังมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) โดยคนที่เข้ามอบตัวเพื่อพัฒนาชาติไทยบางส่วน ได้แอบซุกซ่อนอาวุธปืนสงครามเหล่านี้เอาไว้

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเป็นคดีที่ตนเองหนักใจ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 พื้นที่ก็ได้พยายามประสานการทำงานร่วมกัน แต่ยังไม่คืบหน้า มีการนำภาพถ่ายผู้สงสัยให้ผู้เสียหายและพยานที่เห็นเหตุการณ์ดู แต่ก็ไม่ใช่คนร้าย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดตนมีรายชื่อกลุ่มต้องสงสัยแล้ว แต่อยู่ระหว่างการตรวจเช็ครายละเอียดที่ชัดเจน

ส่วนมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุปล้นทรัพย์ซ้ำ 3 นั้น ผู้กำกับการ สภ.อ.ห้วยยอด กล่าวว่า ตนได้วางแผนการทำงานร่วมกันกับฝ่ายปกครอง อปพร.กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน โดยทุกวันที่มีตลาดนัด จะมีการตั้งด่านตรวจค้นปิดหัวท้ายเส้นทางเข้าออก และยังมีการจัดกำลังผสมในการดูแลพื้นที่ร่วมกัน ขณะเดียวกันในส่วนของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ก็ยังได้มีการจัดตั้งกองกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยขึ้นมาเสริมด้วย

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์

Valid XHTML 1.0 Transitional Valid CSS!
ทะเบียนพาณิชย์อีเลคทรอนิคส์ เลขที่ 8373549000215