หญิงท้องแก่ใกล้คลอด คิดสั้นกระโดดตึกโรงพยาบาลฆ่าตัวตายอนาถ พร้อมลูกในท้อง ขณะกำลังรอผ่าตัดคลอดบุตร ด้านญาติไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ขณะที่หมอโรงพยาบาลตรัง ชี้แจงผู้ตายกระโดดตึกลงไปเอง รอตำรวจสืบสวนหาเหตุจูงใจ
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (5 ต.ค.) นายแพทย์สมนึก เชื้อทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง กรณีที่ นางวิยะดา เอี่ยมอักษร อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ที่ 2 ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้กระโดดตึกอำนวยการ ชั้น 3 ของโรงพยาบาลตรัง ลงมาเสียชีวิต เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 4 ตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา ในสภาพศพสวมชุดผู้ป่วยโรงพยาบาลตรัง สีม่วง ส่วนตามร่างกายมีบาดแผลที่บริเวณแขนและลำตัว พร้อมทั้งอยู่ในสภาพแขนหักและคอหัก ในขณะที่ญาติๆ ของนางวิระดาไม่เชื่อว่า จะเป็นการกระโดดเพื่อฆ่าตัวตายเองนั้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในวันเวลาดังกล่าว พ.ต.ต.ศุภวัฒน์ ชินรี สารวัตรเวรสอบสวน สภ.อ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตรัง ว่า พบคนป่วย คือ นางวิยะดา ได้ตกตึกอำนวยการ ชั้น 3 ลงมาเสียชีวิต ภายหลังที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 16.20 น.วันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา ญาติๆ เพิ่งจะพามาหาหมอที่โรงพยาบาลตรัง เนื่องจากนางวิยะดามีอาการปวดท้องคลอดอย่างรุนแรง เพราะอายุครรภ์ครบกำหนดคลอด 9 เดือน แต่ก่อนหน้านี้ ผู้ตายได้ไปฝากครรภ์กับโรงพยาบาลตรังรวมแพทย์ อำเภอเมืองตรัง
โดยเหตุเกิดขณะที่ นางวิยะดา กำลังนอนรอตรวจอาการอยู่ภายในห้องรอคลอด ชั้น 3 ของตึกอำนวยการ โรงพยาบาลตรัง ส่วนญาติๆ ได้นั่งรออยู่บริเวณหน้าห้องคลอด จากนั้นผู้ตายก็ได้เดินออกมาที่บริเวณริมระเบียง ด้านหลังห้องรอคลอด ซึ่งมีรั้วกั้นสูงประมาณ 60 เซนติเมตร แต่ก็ไม่มีใครทันได้สังเกตเห็นว่า นางวิยะดาตกตึกลงมาอย่างไร โดยจะเป็นการกระโดดเพื่อที่ตั้งใจฆ่าตัวตายเอง หรือเพราะเกิดอาการหน้ามืด แล้วทำให้เสียหลักพลัดตกลงมา แต่ปกติผู้ตายจะมีลักษณะนิสัยเป็นคนร่าเริง และไม่เคยมีวี่แววหรือเคยบ่นต่อคนใกล้ชิดว่า จะคิดสั้นฆ่าตัวตายมาก่อนหน้านี้เลย
พ.ต.ต.ศุภวัฒน์ ชินรี สารวัตรเวรสอบสวน สภ.อ.เมืองตรัง กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังรอการสอบปากคำเพิ่มเติมจากญาติๆ ของนางวิยะดา เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ว่า เป็นอุบัติเหตุพลัดตกลงมา หรือเป็นการฆ่าตัวตาย ด้วยการน้อยใจในชีวิต อันเนื่องมาจากนึกถึงสามี ซึ่งถูกยิงตายเมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา หรือรู้สึกห่วงใยลูกน้อยที่กำลังจะเกิดขึ้นมา เพราะทราบว่า ในช่วงระหว่างการรอคลอดนั้น ผู้ตายได้ร้องขอความช่วยเหลือจากแพทย์ เพื่อที่จะให้ทำการผ่าท้องคลอดในทันที เพราะมีการเจ็บท้องคลอดอย่างรุนแรงตลอดเวลา แต่ข้อเท็จจริงคงจะต้องรอการสืบสวนสอบสวนต่อไป
นายแพทย์สมนึก เชื้อทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง กล่าวหลังจากทำการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ว่า ผู้ป่วยรายนี้มีอายุครรภ์ 9 เดือน ซึ่งครบกำหนดคลอดแล้ว และยังเป็นครรภ์ที่ 2 ด้วย โดยลูกคนแรก มีอายุได้ 2 ขวบแล้ว ซึ่งในช่วงที่ท้องได้ 2 เดือน สามีก็ต้องมาเสียชีวิตลง และก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยก็ไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลชุมชน ตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ในพื้นที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เนื่องจากได้ไปพักอาศัยอยู่กับแม่ที่นั่น และเมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา แพทย์ทางโรงพยาบาลห้วยยอด ได้ตรวจดูเด็กภายในครรภ์ ก็พบอาการผิดปกติ เนื่องจากมีอาการเต้นของหัวใจที่เร็วกว่าปกติ จึงได้ส่งตัวมายังโรงพยาบาลตรัง
นายแพทย์สมนึก กล่าวว่า แต่ด้วยสาเหตุใดไม่ทราบ ทางญาติกลับนำผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลตรังรวมแพทย์ จังหวัดตรัง แต่แพทย์ที่นั่นก็ได้ส่งต่อมายังโรงพยาบาลตรังในที่สุด เมื่อเวลา 16.20 น.ของวันที่ 4 ตุลาคม หรือเมื่อวันเกิดเหตุ เนื่องจากที่นี่มีเครื่องมือในการรักษาที่ครบถ้วนกว่า ดังนั้น ทางโรงพยาบาลตรัง จึงได้รับเข้าเป็นผู้ป่วย และให้เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วนำตัวผู้ป่วยเข้ารอการตรวจ ที่ห้องรอคลอด ชั้น 3 ตึกอำนวยการ จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านมาไปประมาณ 15 นาที ผู้ป่วยได้มีอาการเจ็บท้องคลอดอย่างรุนแรง และเรียกร้องให้แพทย์ทำการผ่าคลอดโดยทันที
นายแพทย์สมนึก กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อพยาบาลและเจ้าหน้าที่ ได้ทำการตรวจผู้ป่วยเบื้องต้นแล้ว จึงได้รายงานอาการให้แพทย์รับทราบและแพทย์ก็กำลังที่จะเดินทางมาตรวจผู้ป่วย แต่ในช่วงจังหวะที่ไม่มีใครคาดคิด จู่ๆ ผู้ป่วยได้ลุกขึ้นเดินตรงไปยังระเบียงด้านหลังห้องรอคลอด แล้วกระโดดลงมาทะลุกันสาดแล้วตกกระแทกพื้นด้านล่างจนหมดสติ ซึ่งทีมแพทย์ได้เร่งให้การช่วยเหลือ ทั้งแม่และเด็กเป็นการด่วน แต่ขณะนั้นเด็กได้หยุดหายใจไปแล้ว ส่วนผู้ป่วยอยู่ได้เพียง 10 นาที ก็สิ้นใจ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง กล่าวอีกว่า โดยปกติบริเวณระเบียงที่เกิดเหตุดังกล่าว ได้มีการก่อสร้างไว้เพื่อใช้เป็นทางหนีไฟ และเจ้าหน้าที่จะนำผ้า กระโถน หรือถัง ไปตากแดด จึงไม่ได้มีการใช้งานใดๆ และไม่มีคาดคิดว่า ผู้ป่วยจะเดินตรงไป แล้วตัดสินใจกระโดดลงมา ซึ่งขณะนั้น ภายในห้องรอคลอด จะมีพยาบาลและเจ้าหน้าที่ ประมาณ 8 คน โดยรับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยที่มีกว่า 10 คน อย่างไรก็ตาม ตนยังคงต้องรอผลการสืบสวนสอบสวน ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองตรัง อีกทางหนึ่งเพื่อหาสาเหตุหรือแรงจูงใจ ที่ทำให้ผู้ป่วยคิดสั้นฆ่าตัวตายในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่ก่อนหน้านี้ เคยมีเหตุการณ์คนป่วยคิดสั้น ด้วยการกระโดดตึกของโรงพยาบาลตรัง เพื่อฆ่าตัวตายหลายรายแล้วนั้น นายแพทย์สมนึก กล่าวว่า น่าจะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะเมื่อดูประวัติความเป็นมาของโรงพยาบาลตรังในอดีต ไม่ค่อยจะพบผู้ป่วยกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่เพิ่งจะมามาเกิดขึ้นเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา และการฆ่าตัวตายนั้นก็เกิดจากภาวะทางจิตใจชั่วขณะ ซึ่งไม่อาจทราบล่วงหน้าได้ แต่ขณะนี้ ทางโรงพยาบาลตรัง ได้จัดจิตแพทย์มาคอยให้ความดูแลผู้ป่วยทุกราย เพื่อเป็นการช่วยเหลือในเชิงป้องกัน
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์