เอ็นจีโอตรัง แนะประชาชนมีสติต่อการรัฐประหาร จับตาคณะปฏิรูปฯสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ หรือมากน้อยแค่ไหน พร้อมทั้งต้องตื่นตัวในเรื่องของสิทธิและหน้าที่ของตนเอง ถือเป็นบทเรียนผู้ใช้อำนาจที่ไม่ฟังเสียงประชาชนและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน พวกพ้อง ร่วมกันทุจริตอื้อ
วันนี้ (27 ก.ย,) นายพิศิษฐ์ ชาญเสนาะ นายกสมาคมหยาดฝน จังหวัดตรัง กล่าวถึงกรณีที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ทำการรัฐประหารรัฐบาลรักษาการได้เป็นผลสำเร็จ ว่า ก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสข่าวมาโดยตลอด แต่ต่างฝ่ายต่างก็ออกมาปฏิเสธ ภาคประชาชนเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนสุดท้ายปัญหาต่างๆ ที่อัดแน่นมานาน ก็อาจจะได้รับการแก้ไขด้วยวิธีนี้
โดยสิ่งที่ประชาชนจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ก็คือ หลังรัฐประหารแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ หรือมากน้อยแค่ไหน ขออย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า การเกิดรัฐประหารในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ขอให้มีสติและมีความเข้มแข็งในการเฝ้าติดตาม พร้อมทั้งต้องตื่นตัวในเรื่องของสิทธิและหน้าที่ของตนเอง
นายพิศิษฐ์ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญมากที่สุดขณะนี้ คือ ภาคประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชน จะต้องนิ่งที่สุด จะต้องทำหน้าที่ของตนเองให้เข้มแข็งและหนักขึ้น ในการจับตาดูเรื่องในภายภาคหน้าว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ต่างกับภาคราชการที่เกิดความระส่ำระสายมาโดยตลอด จนกระทั่งเวลานี้ ดังนั้น ภาคประชาชนและสื่อมวลชนจะต้องเข้มแข็งและมีสติ
นายแพทย์ จำรัส สรพิพัฒน์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายสมัชชาตรัง และเครือข่ายคนเดือนตุลา กล่าวว่า ถ้าพูดถึงเรื่องการก่อการรัฐประหารในยุคปัจจุบันนี้ เข้าใจว่า คงไม่มีใครอยากทำ แต่วิกฤตบ้านเมืองที่เกิดขึ้น เกิดจากอดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดปัญหาขึ้น และเป็นปัญหาที่สั่งสมมาตลอด 6 ปี ของการบริหารราชการแผ่นดิน
พร้อมทั้งยังมีปัญหาที่ค่อนข้างจะรุนแรงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาการแทรกแซงองค์กรอิสระ ปัญหาขาดคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง ซึ่งล้วนแต่ก่อให้เกิดปัญหาความแตกแยกของคนในชาติอย่างรุนแรง ที่ผ่านมา ขั้นตอนการเรียกร้องให้ผู้นำแสดงความรับผิดชอบ มีครบแล้วทุกรูปแบบ แต่ไม่เป็นผล จึงมองว่าวิธียึดอำนาจคงเป็นวิธีสุดท้ายที่มีผู้ออกมากระทำการ
นายแพทย์ จำรัส กล่าวต่อว่า วัฒนธรรมทางสังคมของไทยอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผู้นำ คือ หากสังคมชั้นผู้นำเข้ามามีอำนาจทางการบริหารบ้านเมือง มักแก้ปัญหาด้วยการใช้อำนาจจัดการ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปในทางที่เอื้อต่ออำนาจ และผลประโยชน์ของตนเอง วิธีการสุดท้ายที่จะหยุดการใช้อำนาจในทางที่ผิดของผู้นำ จึงออกมาที่การยึดอำนาจ
?สิ่งหนึ่งที่อยากให้คนไทยคิดและติดตาม คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจ ไม่ใช่บทสุดท้ายของการแก้ปัญหา แต่จะนำข้ออ้างในการยึดอำนาจ มากำหนดเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไรมากกว่า ซึ่งตนมองว่า เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของสังคมทุกภาคส่วนและถือเป็นบทเรียนที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ร่วมกันว่า ใครเข้ามามีอำนาจ แล้วหลับหูหลับตาใช้อำนาจ คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะประชาชนมีพลัง ฉะนั้น จึงต้องใช้อำนาจอย่างมีสติและปัญญา?
ต่อข้อถามที่ว่า การทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการของ คปค.ในครั้งนี้ ถือเป็นชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยหรือไม่ นายแพทย์จำรัส ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรในพื้นที่ภาคใต้ด้วยนั้น กล่าวว่า อย่าไปมองอย่างนั้น แต่ถือเป็นความพยายามของหลากหลายองค์กรในสังคมที่ต้องการจะคลี่คลายปัญหามากกว่า
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์