พังงา, เครือข่ายชุมชนเฝ้าระวังเข้ม-ทำทรัพยากรชายฝั่งอ่าวพังงาฟื้นตัวชัดเจน ( ข่าวพังงา )

ศูนย์ข่าวภูเก็ต -กรมประมง จับมือ โครงการ CHARM มูลนิธิสัตว์ป่าฯ สร้างอาสาสมัครเฝ้าระวังทรัพยากรชายฝั่งอ่าวพังงา ตั้งแต่แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ตไปจนถึงจังหวัดตรังกว่า 500 คน เผยทรัพยากรชายฝั่งพื้นตัวอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะที่กระบี่ ส่วนพังงาและภูเก็ต ยังมีการลักลอบทำลายอยู่บ้าง

วันนี้ (27 พ.ย.) กรมประมง ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมาชินูปถัมภ์ (WFT) โครงการจัดการทรัพยากรชายฝั่ง (CHARM) และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จัดสัมมนาเชิงปฎิบัติการ ?การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน องค์กรพัฒนาเอกชนและชุมชนชายฝั่ง ในการจัดการทรัพยากรชายฝั่งระดับอ่าวพังงา ครั้งที่ 9 ? ที่ โรงแรมภูเก็ต เมอร์ลิน จ.ภูเก็ต โดยมีเครือข่ายเฝ้าระวังการดูแลทรัพยากรชายฝั่งอ่าวพังงาจากภูเก็ต พังงา และกระบี่ เข้าร่วมสัมมนา 170 คน โดยมีนางสมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ รองอธิบดีกรมประมง เป็นประธานเปิดสัมมนา ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ เพื่อให้เครือข่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในการเฝ้าระวังและพื้นฟูทรัพยากรชายฝั่ง รวมทั้งนำเสนอผลการทำงานของแต่ละเครือข่ายที่ผ่านมา และวางแผนการเฝ้าระวังการทรัพยากรชายฝั่งอ่าวพังงา

การสัมมนาดังกล่าว ได้นำเครือข่ายเฝ้าระวังการดูแลทรัพยากรชายฝั่ง ลงพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับชุมชนชายฝั่งอ่าวพังงา 6 พื้นที่ คือ พื้นที่อ่าวฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ชุมชนบ้านป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ชุมชนบ้านสบ้า ต.คลองเคียน จ.พังงา ตลาดกลางสัตว์น้ำบ้านคลองเคียน ชุมชนบ้านบางพัฒน์ และชุมชนบ้านกลาง จ.พังงา

นายเจต พิมลจินดา ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการทรัพยากรชายฝั่ง โครงการ CHARM กล่าวถึงภาพรวมการเฝ้าระวังทรัพยากรชายฝั่งอ่าวพังงา กล่าวว่า ภาพรวมของทรัพยากรอ่าวพังงามีการฟื้นตัวอย่างเป็นระบบ ซึ่งที่เห็นชัดเจนที่สุด คือ ที่จังหวัดกระบี่ ส่วนที่จังหวัดภูเก็ตและพังงานั้น มีการฟื้นตัวในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีบ้างพื้นที่ที่ยังมีการลักลอบทำลายทรัพยากรชายฝั่ง โดยการทำประมงที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย ซึ่งป้องกันไม่ให้มีการทำลายทรัพยากรชายฝั่ง จะไม่เน้นการใช้กฎหมายลงโทษแต่ละเน้นการลงโทษทางสังคม

?การฟื้นตัวของทรัพยากรชายฝั่งอ่าวพังงา เกิดจากความร่วมมือของชุมชนที่อยู่บริเวณแนวชายฝั่งอ่าวพังงา ที่รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปเป็นพี่เลี้ยง ในการให้การช่วยเหลือชาวบ้าน ในการดูแลทรัพยากรชายฝั่งอย่างจริงจังและเป็นระบบ และมีการอบรมให้ความรู้กับทางอาสาสมัคร ในการเฝ้าระวังตั้งแต่แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ตไปจนถึงจังหวัดตรัง ไม่น้อยกว่า 500 คนแล้ว ซึ่งอาสาสมัครเหล่านี้ จะทำหน้าที่ในการเฝ้าระวัง ติดตามและแจ้งเจ้าหน้าที่ หากมีการทำลายทรัพยากรชายฝั่งในอ่าวพังงา?

นายเจต ยังกล่าวถึงแผนงานการเฝ้าระวังทรัพยากรชายฝั่งอ่าวพังงาในปี 2550 ว่า ได้วางแผนทางการทำงานได้ 3 ระดับ คือ ในระดับชุมชน ด้วยการสร้างชุมชนชายฝั่งอ่าวพังงาให้เข้มแข็ง ด้วยการพัฒนาอาชีพและสินค้าของชุมชนให้สู่ระดับที่ดีมากขึ้น ระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ได้มีการประสานกับอบต. ในการจัดตั้งเป็นกรรมการจัดการทรัพยากรชายฝั่งที่เข้มแข็ง ในการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง สนับสนุนข้อมูลและงบประมาณให้แก่ชุมชนแนวชายฝั่งอ่าวพังงา

ในระดับจังหวัดจะมีการนำเสนอแผนการจัดการอ่าวพังงา สู่แผนยุทธศาสตร์ของจังหวัด ซึ่งขณะนี้จังหวัดกระบี่ ได้นำแผนการเฝ้าระวังทรัพยากรอ่าวพังงา เข้าบรรจุในแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัด ส่วนภูเก็ตและพังงา โครงการจะมีการนำเสนอต่อไป

สำหรับโครงการจัดการทรัพยากรชายฝั่งอ่าวพังงา ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2545 ภายใต้ความร่วมมือทางด้านการเงินและวิชาการระหว่างกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมงกับสหภาพยุโรป เป็นเวลา 5 ปี ในลักษณะของการเป็นหุ้นส่วน ระหว่างผู้มีส่วนได้เสียต่อการใช้ทรัพยากรชายฝั่ง โดยเน้นการพัฒนาอาชีพของชุมชน เพื่อให้เกิดพลังและกำลังใจ ในการที่จะดำเนินการพัฒนาสังคมต่อไป เช่น การรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง การจัดการการใช้ทรัพยากรชายฝั่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้กระบวนการพัฒนาดังกล่าวมีความยั่งยืนตลอดไป

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์