หน่วยงานของรัฐ เอกชน และภาคประชาชน ร่วมจัดทำโครงการวัดปลอดเหล้า โดยในปี 2549 มีวัดและสำนักสงฆ์เข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 44 วัด เพื่อเป็นการนำร่อง
วันนี้ (27 ต.ค) ที่วัดประชุมโยธี พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดพังงา นายวินัย บัว ประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อม ด้วย พระราชปัญญาสุธี เจ้าคณะจังหวัดพังงา นายแพทย์ บวร งามศิริอุดม รองอธิบดี กรมอนามัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวโครงการวัดปลอดเหล้าขึ้น
ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐ เอกชน และภาค ประชาชน ได้ร่วมกันจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาส ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี และเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ปี 2550 ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา โดยใช้วัดเป็นศูนย์กลางของการต่อสู้เอาชนะความยากจน และขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งเป็นศูนย์สุขศึกษาและสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญยิ่ง เป็นสถานที่ปลอดสิ่งอบายมุขทั้งปวงโดยเฉพาะเหล้า
หรือสุรา
นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่าด้วยกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดให้จังหวัดดำเนินโครงการวัดปลอดเหล้า เพื่อสนับสนุนนโยบายการแก้ปัญหาสังคมและความยากจน ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนประพฤติปฏิบัติตน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบกับในปี 2550 เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานให้จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศดำเนินงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ และตระหนักพิษภัยของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปัญหาสืบเนื่อง ทั้งปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อลดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สำหรับ กิจกรรมที่สำคัญในโครงการนี้ จะมีพิธีมอบป้ายวัดปลอดเหล้าจังหวัดพังงา ให้แก่ตัวแทนของวัด และสำนักสงฆ์ ต่างๆที่เข้าโครงการนี้ จำนวน 44 แห่ง จาก
จำนวนวัดและสำนักสงฆ์ของจังหวัดพังงา ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้น 110 แห่ง ประกอบด้วย วัด 78 แห่ง และสำนักสงฆ์อีก 32 แห่ง
จากนั้นจะมีประชุมและเสวนาธรรมเทศนาเกี่ยวกับเรื่องของการ ลดเลิก สิ่งอบายมุขทั้งปวง ที่จะสนองตอบต่อการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อขจัดความยากจนและการสร้างชุมชนให้เข้มแข็งต่อไปด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวอีกว่า โครงการวัดปลอดเหล้า จะเป็นโครงการบูรณาการกิจกรรมที่เกี่ยวกับการวัดส่งเสริมสุขภาพของพระสงฆ์ และประชาชนในชุมชน การสร้างชุมชนให้เข้มแข็งพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลาง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งนี้ กิจกรรมที่สำคัญ ซึ่งหน่วยงานสาธารณสุขร่วมดำเนินการได้แก่การพัฒนาให้วัดเป็นศูนย์การสุขศึกษา และสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมที่ดี พระสงฆ์มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ และเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ความรู้ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม แก่ประชาชนในชุมชน โดยจะมีการรณรงค์ในเรื่องของการเสริมสร้าง ให้วัดครัวเรือนและชุมชนปลอดเหล้าและปลอดบุหรี่อย่างเป็นรูปธรรมในปี 2550
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์